M’Cheyne Bible Reading Plan
พระพรของการเชื่อฟัง
26 พวกเจ้าจงอย่าสร้างรูปเคารพ และอย่ายกรูปปั้นหรือเสาหินขึ้นให้แก่ตนเอง จงอย่าตั้งหินสลักรูปในแผ่นดินของพวกเจ้าเพื่อก้มกราบมัน เพราะเราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า 2 เจ้าจงถือกฎวันสะบาโต และเคารพที่พำนักของเรา เราคือพระผู้เป็นเจ้า
3 ถ้าพวกเจ้าดำเนินชีวิตตามกฎเกณฑ์ของเรา และรักษาคำบัญญัติของเรา 4 เราก็จะให้เจ้าได้รับฝนตามฤดูกาล และแผ่นดินจะผลิตพืชผลได้มากขึ้น ต้นไม้ในไร่จะออกผล 5 และลานของพวกเจ้าจะเต็มจนถึงเวลาเก็บผลองุ่น และจะเก็บผลองุ่นไปจนถึงเวลาหว่านข้าว พวกเจ้าจะรับประทานอาหารจนอิ่มหนำ และอาศัยอยู่ในแผ่นดินของพวกเจ้าอย่างปลอดภัย 6 เราจะให้ความสงบสุขในแผ่นดิน และพวกเจ้าจะนอนหลับโดยไม่มีผู้ใดทำให้เจ้าหวาดกลัว และเราจะกำจัดสัตว์ป่าร้ายๆ ไปจากแผ่นดิน และจะไม่มีการฆ่าฟันในแผ่นดินของพวกเจ้า 7 พวกเจ้าจะขับไล่ศัตรู และพวกเขาจะถูกฆ่าฟันต่อหน้าเจ้า 8 พวกเจ้า 5 คนจะขับไล่ 100 คน และพวกเจ้า 100 คนจะขับไล่ 10,000 คน ศัตรูของเจ้าจะถูกฆ่าฟันต่อหน้าเจ้า 9 เจ้าจะเป็นที่โปรดปราน และเราจะให้พวกเจ้าเกิดลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง ทวีคนของเจ้าขึ้น และจะทำตามพันธสัญญาที่เราทำไว้กับพวกเจ้า 10 เจ้าจะรับประทานอาหารที่เก็บสะสมไว้ได้เป็นเวลานาน จนเจ้าต้องกำจัดรุ่นเก่าออกเพื่อหาที่เก็บสะสมรุ่นใหม่ 11 เราจะให้กระโจมที่พำนักอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า และจิตวิญญาณของเราจะไม่ชิงชังพวกเจ้า 12 เราจะเดินเคียงข้างไปกับพวกเจ้า และจะเป็นพระเจ้าของเจ้า และพวกเจ้าจะเป็นชนชาติของเรา[a] 13 เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า เรานำพวกเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เพื่อเจ้าจะได้ไม่เป็นทาสของเขา และเราหักคานแอกของเจ้าแล้ว ทำให้เจ้าเดินตัวตรงได้
โทษของการไม่เชื่อฟัง
14 แต่ถ้าพวกเจ้าไม่ฟังเรา และไม่กระทำตามคำบัญญัติเหล่านี้ 15 ถ้าพวกเจ้าปฏิเสธกฎเกณฑ์ของเรา และถ้าจิตวิญญาณละเลยต่อคำบัญชาของเรา ทำให้ไม่ปฏิบัติตามคำบัญญัติ แต่กลับฝ่าฝืนพันธสัญญาของเรา 16 เราก็จะสนองตอบด้วยสิ่งเหล่านี้คือ เราจะทำให้พวกเจ้าประสบกับความพินาศ เป็นโรคร้ายรักษาไม่ได้ เป็นไข้จนตาฟางและทำให้เศร้าสลด พวกเจ้าจะหว่านเมล็ดโดยไร้ประโยชน์เพราะศัตรูจะเป็นคนเก็บเกี่ยวเอาไป 17 เราจะไม่ยอมรับพวกเจ้า และพวกเจ้าจะถูกฆ่าต่อหน้าพวกศัตรู ผู้ที่เกลียดชังก็จะมีอำนาจเหนือพวกเจ้า และพวกเจ้าจะหนีเตลิดไปแม้ในขณะที่ไม่มีผู้ใดไล่ล่าก็ตาม 18 และถ้าหลังจากสิ่งเหล่านี้แล้วยังจะไม่ฟังเราอีก เราก็จะสั่งสอนอีกให้เป็น 7 เท่าเพราะบาปของพวกเจ้า 19 และเราจะลงโทษให้สำนึกถึงความยโสในอำนาจของตน และเราจะทำให้ท้องฟ้าของพวกเจ้ากระด้างดุจเหล็ก และแผ่นดินจะแห้งเหือดดุจทองสัมฤทธิ์ 20 และพวกเจ้าจะลงแรงโดยไร้ประโยชน์ เพราะแผ่นดินจะไม่ผลิตพืชผล และต้นไม้ในแผ่นดินจะไม่ออกผล
21 และถ้าพวกเจ้าดำเนินชีวิตในทางตรงกันข้ามกับเรา และไม่ยอมฟังเรา เราก็จะเพิ่มโทษอีกเป็น 7 เท่าของบาปที่พวกเจ้ากระทำ 22 และเราจะทำให้สัตว์ป่าเข้าไปเพ่นพ่านในหมู่พวกเจ้า มันจะปลิดชีพลูกหลานเสีย และจะกำจัดสัตว์เลี้ยงของพวกเจ้า และทำให้จำนวนคนน้อยลง ถนนหนทางก็จะพลอยร้างไปด้วย
23 และถ้าหลังจากสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นแล้ว พวกเจ้ายังไม่กลับมาหาเรา แต่ยังดำเนินชีวิตในทางตรงกันข้ามกับเรา 24 เราก็จะเดินในทางตรงกันข้ามกับพวกเจ้าด้วย และจะเป็นตัวเราเองที่ลงโทษให้เป็น 7 เท่าเพราะบาปของพวกเจ้า 25 และเราจะให้มีการฆ่าฟันเกิดขึ้นกับพวกเจ้า เพื่อลงโทษที่ไม่ทำตามพันธสัญญา ถ้าพวกเจ้ามารวมกันอยู่ในเมือง เราก็จะให้เกิดโรคระบาดร้ายแรงที่นั่น และพวกเจ้าจะตกอยู่ในมือของศัตรู 26 เวลาเราทำให้พวกเจ้าขาดแคลนอาหาร หญิง 10 คนจะใช้เตาอบขนมปังเพียงเตาเดียว เขาจะชั่งขนมปังแจกตามน้ำหนักให้พวกเจ้ารับประทาน แต่ก็จะไม่อิ่ม
27 และถ้าหลังจากสิ่งเหล่านี้แล้วยังจะไม่ฟังเรา แต่กลับดำเนินชีวิตในทางตรงกันข้ามกับเรา 28 เราก็จะเดินในทางตรงกันข้ามกับพวกเจ้าด้วยความโกรธ และจะสั่งสอนอีกให้เป็น 7 เท่าด้วยตัวเราเองเพราะบาปของพวกเจ้า 29 พวกเจ้าจะต้องกินเนื้อลูกชายและลูกสาวของตน 30 และเราจะทำลายสถานบูชาบนภูเขาสูงของพวกเจ้า และพังแท่นทั้งหลายที่ใช้สำหรับเผาเครื่องหอมลง และโยนศพของพวกเจ้าทิ้งไว้บนรูปเคารพที่ผุพัง และจิตวิญญาณของเราจะชิงชังพวกเจ้า 31 เราจะทำลายเมืองของพวกเจ้าไม่ให้เหลือซาก และทำให้สถานที่บูชาต่างๆ พังทลายสิ้น เราจะไม่ดมกลิ่นหอมจากเครื่องบูชาของพวกเจ้า 32 และเราจะทำลายแผ่นดินของพวกเจ้าจนพวกศัตรูที่จะมาตั้งรกรากใหม่พากันตกตะลึง 33 เราจะทำให้พวกเจ้ากระจัดกระจายไปในท่ามกลางบรรดาประชาชาติ และเราจะให้ดาบไล่ล่าพวกเจ้าไป แผ่นดินจะเป็นที่ร้าง และเมืองของพวกเจ้าจะไม่มีซากเหลือทิ้งไว้เลย
34 จากนั้นแผ่นดินจะยินดีกับปีสะบาโตนานตราบที่ยังเป็นที่ร้าง ขณะที่พวกเจ้าอาศัยอยู่ในแผ่นดินของศัตรู เมื่อนั้นแหละแผ่นดินจะได้หยุดพักและยินดีกับปีสะบาโต 35 ตราบที่แผ่นดินเป็นที่ร้าง มันจะได้หยุดพัก ซึ่งเป็นการหยุดพักที่มันไม่ได้รับจากพวกเจ้าในระยะปีสะบาโตเมื่อเจ้าอาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้น 36 สำหรับพวกเจ้าที่ยังมีชีวิตอยู่ เราจะทำให้ใจพวกเขาหวาดผวาในแผ่นดินของพวกศัตรู แม้ใบไม้ปลิวไปกับสายลมก็ยังทำให้พวกเขาเผ่นหนีได้ และจะหนีไปอย่างกับหนีจากคมดาบ จนถึงกับจะล้มลงแม้ในขณะที่ไม่มีผู้ใดไล่ล่า 37 พวกเขาจะสะดุดชนกันราวกับว่ากำลังหนีจากคมดาบแม้ไม่มีผู้ใดไล่ล่า ฉะนั้นพวกเจ้าจะไม่มีพลังยืนต่อสู้กับศัตรู 38 พวกเจ้าจะตายในท่ามกลางบรรดาประชาชาติ และจะถูกกลืนกินในแผ่นดินของศัตรู 39 ส่วนบรรดาพวกที่ยังมีชีวิตอยู่จะเปื่อยเน่าในแผ่นดินของศัตรูเพราะบาปของพวกเขา และเป็นเพราะบาปของบรรพบุรุษด้วย พวกเขาจะเปื่อยเน่าไปเหมือนกัน
40 แต่ถ้าพวกเขาสารภาพบาปของตนและบาปของบรรพบุรุษที่ไม่ภักดี ด้วยการฝ่าฝืนเราและดำเนินชีวิตในทางตรงกันข้ามกับเรา 41 ถึงกับทำให้เราเดินในทางตรงกันข้ามกับพวกเขา และนำพวกเขาเข้าสู่แผ่นดินของศัตรู แต่ถ้าใจของพวกเขาที่แข็งต่อพระเจ้าถูกทำให้ถ่อมลงและยอมรับโทษบาปของตน 42 เราก็จะระลึกถึงพันธสัญญาของเราที่ทำไว้กับยาโคบ และเราจะระลึกถึงพันธสัญญาของเราที่ทำไว้กับอิสอัค และพันธสัญญาของเราที่ทำไว้กับอับราฮัม และเราจะระลึกถึงแผ่นดินนั้น 43 แต่แผ่นดินจะถูกทิ้งไว้และจะยินดีกับปีสะบาโตขณะเป็นที่ร้างเพราะไม่มีพวกเขาอยู่ และพวกเขาจะยอมรับโทษบาปของตน เพราะปฏิเสธคำบัญชาของเรา และจิตวิญญาณก็ละเลยต่อกฎเกณฑ์ของเรา 44 ถึงกระนั้นก็ตาม เมื่อพวกเขาอยู่ในแผ่นดินของศัตรู เราก็จะไม่ปฏิเสธและทอดทิ้งพวกเขาจนถึงกับต้องกำจัดจนราบคาบ และยกเลิกพันธสัญญาของเรากับพวกเขา เพราะเราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา 45 แต่เป็นเพราะพวกเขา เราจะระลึกถึงพันธสัญญาที่เราทำไว้กับบรรพบุรุษ ซึ่งเราได้นำออกไปจากแผ่นดินอียิปต์ต่อหน้าบรรดาประชาชาติเพื่อเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา เราคือพระผู้เป็นเจ้า’”
46 สิ่งเหล่านี้เป็นกฎเกณฑ์ คำบัญชาและกฎบัญญัติซึ่งพระผู้เป็นเจ้าได้ทำไว้ระหว่างพระองค์กับชาวอิสราเอลโดยผ่านโมเสสที่ภูเขาซีนาย
ร้องเพลงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
1 พวกท่านผู้มีความชอบธรรม จงเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดีในพระผู้เป็นเจ้า
สมควรแล้วที่ผู้มีความชอบธรรมจะสรรเสริญพระองค์
2 จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าด้วยพิณเล็ก
บรรเลงเพลงถวายแด่พระองค์ด้วยพิณสิบสาย
3 ร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระองค์
เล่นดนตรีด้วยความชำนาญและเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดี
4 ด้วยว่า คำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้ามีความชอบธรรม
และสิ่งทั้งปวงที่พระองค์กระทำเป็นไปตามความสัตย์จริงของพระองค์
5 พระองค์รักความชอบธรรมและความเป็นธรรม
ในโลกนี้เราจะพบความรักอันมั่นคงของพระผู้เป็นเจ้ามากมาย
6 ด้วยคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าฟ้าสวรรค์ได้ถูกสร้างขึ้น
และหมู่ดาวทั้งหลายมีขึ้นได้ก็ด้วยคำพูดจากปากของพระองค์
7 พระองค์กักน้ำทะเลไว้ดั่งอยู่ในอ่างเก็บน้ำ
พระองค์กักน้ำจากทะเลลึกเอาไว้ในเขื่อน
8 ให้ทั้งโลกเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
ให้หมู่ชนผู้อาศัยบนโลกตกตะลึงในพระองค์
9 ด้วยว่าเมื่อใดพระองค์กล่าว สิ่งนั้นก็เกิดขึ้น
เมื่อพระองค์บัญชา สิ่งนั้นก็ถูกสร้างขึ้น
10 พระผู้เป็นเจ้าไม่ปล่อยให้บรรดาประชาชาติประสบความสำเร็จตามที่พวกเขาตัดสินใจ
พระองค์ทำให้บรรดาชนชาติรู้สึกกระวนกระวายกับแผนที่ตนวางไว้
11 แผนของพระผู้เป็นเจ้ายืนยงตลอดกาล
ใจพระองค์คิดแน่วแน่ทุกกาลสมัย
12 ประชาชาติเป็นสุขได้เมื่อมีพระเจ้าเป็นพระผู้เป็นเจ้า
และเมื่อพระองค์ได้เลือกชนชาติให้เป็นผู้สืบมรดกของพระองค์
13 พระผู้เป็นเจ้ามองลงมาจากสวรรค์
พระองค์จะเห็นบรรดาบุตรของมนุษย์ทั้งปวง
14 พระองค์มองจากบัลลังก์
พระองค์มองตรงมายังทุกคนที่อาศัยอยู่บนโลก
15 พระองค์ให้แต่ละคนมีความนึกคิด
และพระองค์สังเกตเห็นทุกสิ่งที่เขากระทำ
16 กองทัพใหญ่ไม่สามารถช่วยกษัตริย์ให้มีชีวิตรอดพ้น
พละกำลังมหาศาลไม่อาจช่วยนักรบให้รอดพ้นได้
17 ความคาดหวังที่จะได้ชัยชนะด้วยม้าศึกเป็นความหวังอันไร้ประโยชน์
และพละกำลังมหาศาลของมันก็ไม่อาจช่วยให้รอดพ้นได้
18 ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้าเฝ้าดูบรรดาผู้เกรงกลัวในพระองค์
และเหล่าผู้หวังในความรักอันมั่นคงของพระองค์
19 เพื่อช่วยจิตวิญญาณของพวกเขาให้พ้นจากภัยที่ถึงแก่ชีวิต
อีกทั้งให้เขามีชีวิตคงอยู่ได้ในยามอดอยาก
20 จิตวิญญาณของเรารอคอยพระผู้เป็นเจ้า
พระองค์เป็นผู้ช่วยและเป็นดั่งโล่ของเรา
21 ใจของเรายินดีในพระองค์
เพราะเราวางใจในพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์
22 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดให้พวกเราได้รับความรักอันมั่นคงของพระองค์
ดั่งที่เรามีความหวังในพระองค์เถิด
ทุกคนต้องตาย
9 แต่ข้าพเจ้าคิดในใจและไตร่ตรองอย่างหนักว่า ผู้มีความชอบธรรม ผู้เรืองปัญญา และการกระทำของพวกเขาอยู่ในการควบคุมของพระเจ้า มนุษย์ไม่อาจทราบล่วงหน้าว่า ความรักหรือความเกลียดชังรอเขาอยู่ 2 ในเมื่อทุกคนประสบกับสิ่งเดียวกัน ทั้งผู้มีความชอบธรรมและคนชั่วร้าย ทั้งคนดีและคนเลว ทั้งผู้บริสุทธิ์และไม่บริสุทธิ์ ทั้งคนที่ถวายเครื่องสักการะและคนที่ไม่ถวายเครื่องสักการะ คนกระทำความดีก็จะเป็นเช่นเดียวกับคนกระทำบาป และคนที่สาบานต่อพระเจ้าก็จะเป็นเช่นเดียวกับคนที่ไม่ยอมสาบานอะไรเลย 3 นี่ก็เป็นเรื่องเศร้าสำหรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้ คือทุกคนประสบกับสิ่งเดียวกัน ใจมนุษย์เต็มด้วยความชั่วร้าย และความขาดสติยั้งคิดอยู่ในใจของพวกเขาขณะมีชีวิตอยู่ และต่อจากนั้นพวกเขาก็ไปสู่แดนคนตาย 4 แต่คนที่ยังอยู่ร่วมกับคนมีชีวิต ยังมีความหวัง เพราะว่าสุนัขที่มีชีวิตยังดีกว่าสิงโตที่ตายแล้ว 5 ด้วยเหตุว่า ผู้มีชีวิตอยู่รู้ว่า เขาจะต้องตาย ส่วนคนตายไม่รู้อะไรเลย และพวกเขาไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆ ไม่มีใครจำเขาได้อีก 6 ความรัก ความเกลียดชัง และความอิจฉาของพวกเขาได้ตายไปพร้อมกับพวกเขา และจะไม่มีส่วนร่วมในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้อีกต่อไป
มีความสุขกับผู้ที่ท่านรักใคร่
7 ไปเถิด ไปรับประทานขนมปังอย่างมีความสุข และดื่มเหล้าองุ่นด้วยความสำราญใจ เพราะว่าพระเจ้ายินดีให้ท่านทำสิ่งนั้น
8 จงสวมเสื้อผ้าที่ขาวบริสุทธิ์สดใส และให้มีน้ำมันใช้ชโลมบนศีรษะของท่านตลอดไป
9 จงมีความสุขกับภรรยาที่ท่านรัก ตลอดวันเวลาแห่งชีวิตอันไร้ค่าของท่านที่พระองค์ได้มอบให้ในโลกนี้ เพราะว่านั่นแหละเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและในงานตรากตรำของท่านที่ทำในโลกนี้ 10 ไม่ว่างานใดที่มือของท่านกระทำได้ ก็จงทำด้วยสุดกำลัง เพราะในแดนคนตาย ซึ่งท่านกำลังจะไปนั้น ไม่มีทั้งงาน หรือความคิด หรือความรู้ หรือสติปัญญา
สติปัญญาดีกว่าความโง่เขลา
11 ข้าพเจ้าเห็นอีกด้วยว่า ในโลกนี้นักวิ่งเร็วไม่ชนะในการแข่งขันเสมอไป และคนแข็งแกร่งอาจไม่ชนะในสงคราม และคนมีสติปัญญาอาจไม่มีรายได้เสมอไป และคนฉลาดไม่มั่งมี และผู้มีความชำนาญไม่เลื่อนขึ้นสู่ตำแหน่งสูงเสมอไป แต่สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นกับทุกคนตามวาระและโอกาส 12 ด้วยว่า มนุษย์ไม่รู้ถึงเวลาของตัวเขาเอง ปลาถูกจับในตาข่าย และนกถูกกับดักเช่นไร บรรดาบุตรของมนุษย์ก็ติดกับดักเมื่อเป็นเวลาอันเลวร้าย ซึ่งเกิดขึ้นกับเขาอย่างฉับพลันฉันนั้น
13 ข้าพเจ้าได้สังเกตเห็นตัวอย่างของสติปัญญาในโลกนี้ และข้าพเจ้าก็ประทับใจมากคือ 14 ครั้งหนึ่งในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีผู้คนเพียงไม่กี่คนอาศัยอยู่ และมีกษัตริย์ผู้มีกำลังมากมาโจมตี ท่านใช้กำลังล้อมเมืองไว้และก่อเชิงเทินเพื่อปีนข้ามกำแพง 15 มีชายผู้ยากจนที่มีสติปัญญาอยู่ในเมืองนั้น เขาช่วยกู้เมืองนั้นไว้ได้ด้วยสติปัญญา แต่ต่อมาก็ไม่มีใครระลึกถึงเขาอีก 16 ข้าพเจ้าพูดได้ว่า สติปัญญาดีกว่าพละกำลัง แต่สติปัญญาของชายผู้ยากจนเป็นที่ดูหมิ่น และไม่มีใครใส่ใจในคำพูดของเขา
17 คำพูดเบาๆ ของผู้มีสติปัญญา ดีกว่าเสียงตะโกนของผู้บังคับบัญชาให้บรรดาคนโง่เขลาฟัง 18 สติปัญญาดีกว่าอาวุธสงคราม แต่คนบาปคนเดียวก่อให้เกิดความหายนะใหญ่หลวงได้
การทักทายของเปาโล
1 ข้าพเจ้าเปาโลผู้รับใช้ของพระเจ้า และอัครทูตของพระเยซูคริสต์ ได้รับมอบให้มาช่วยในเรื่องความเชื่อของคนที่พระเจ้าได้เลือกไว้ และเพื่อให้พวกเขาทราบความจริงซึ่งนำไปสู่ทางของพระเจ้า 2 ด้วยมีความหวังว่าจะได้ชีวิตอันเป็นนิรันดร์ ซึ่งพระเจ้าผู้กล่าวแต่ความจริงได้สัญญาไว้ก่อนปฐมกาล 3 และเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม พระองค์ให้คำกล่าวของพระองค์ปรากฏ โดยมอบให้ข้าพเจ้าประกาศตามคำสั่งของพระเจ้าผู้ช่วยให้รอดพ้นของเรา
4 ถึง ทิตัสบุตรแท้ของข้าพเจ้าในความเชื่อเดียวกัน
ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้า ผู้เป็นพระบิดา และจากพระเยซูคริสต์ผู้ช่วยให้รอดพ้นของเรา จงอยู่กับท่านเถิด
งานของทิตัสที่เกาะครีต
5 เหตุที่ข้าพเจ้าปล่อยท่านไว้ที่เกาะครีต ก็เพื่อท่านจะได้ดำเนินการกับสิ่งที่ยังคั่งค้างอยู่ให้เสร็จสิ้น และแต่งตั้งพวกผู้ปกครองไว้ทุกเมือง ตามที่ข้าพเจ้ากำชับท่านแล้ว 6 ผู้ปกครองต้องเป็นผู้ไม่มีใครติเตียนได้ มีภรรยาคนเดียว[a] มีลูกๆ ที่มีความเชื่อ และไม่นับว่าเป็นนักเลงหรือไม่เชื่อฟัง 7 ในเมื่อผู้ดูแลสาวกได้รับมอบหมายให้ดูแลการงานของพระเจ้า จึงต้องเป็นผู้ไม่มีใครติเตียนได้ ไม่หยิ่งผยอง ไม่โกรธง่าย ไม่เสพติดเหล้าองุ่น ไม่เป็นคนก้าวร้าว ไม่ทุจริตเพราะความโลภ 8 แต่มีอัธยาศัยดีในการต้อนรับ รักความดี ควบคุมตนเองได้ มีความชอบธรรม บริสุทธิ์และมีวินัย 9 ต้องยึดมั่นในคำสั่งสอนที่ไว้ใจได้ ตามที่ได้เรียนรู้มาแล้ว เพื่อจะได้สนับสนุนผู้อื่นด้วยหลักคำสอนที่ดี และทักท้วงบรรดาคนที่ต่อต้านหลักคำสอนนั้นได้
10 เพราะมีหลายคนที่ดื้อกระด้าง เอาแต่พูดและหลอกลวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่เข้าสุหนัตแล้ว 11 จะต้องทำให้พวกนี้นิ่งเงียบเสีย เพราะเขาทำลายหลายครัวเรือนโดยสอนสิ่งที่ไม่สมควรสอน ซึ่งทำไปก็เพราะความโลภมักได้ 12 แม้นักปราชญ์ผู้หนึ่งของเขาเองก็ได้กล่าวไว้ว่า “ชาวครีตเป็นคนพูดปดเสมอ เป็นเหมือนอย่างสัตว์ป่า ขี้เกียจ และจะกละจะกลาม” 13 คำยืนยันนี้เป็นจริง ฉะนั้นจงตักเตือนว่ากล่าวพวกเขาเหล่านั้นอย่างเข้มงวด เขาจะได้มีความเชื่ออย่างมีหลักการ 14 และจะได้ไม่สนใจในเรื่องนิยายของชาวยิว และกฎเกณฑ์ของพวกที่ปฏิเสธความจริง 15 สำหรับคนที่บริสุทธิ์ทุกสิ่งก็บริสุทธิ์ แต่สำหรับบรรดาคนที่มีมลทินและไม่เชื่อก็ไม่มีอะไรที่บริสุทธิ์เลย คือทั้งจิตใจและมโนธรรมต่างก็มีมลทิน 16 พวกเขาเหล่านั้นอ้างว่ารู้จักพระเจ้า แต่การกระทำของเขาแสดงว่าเขาปฏิเสธพระเจ้า เป็นคนน่าชัง ไม่เชื่อฟัง และไม่เหมาะที่จะกระทำสิ่งดีใดๆ เลย
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation