Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
เลวีนิติ 13

กฎเกี่ยวกับโรคผิวหนัง

13 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสและอาโรนว่า “เมื่อผิวหนังของผู้ใดบวมหรือเป็นผื่นหรือเป็นจุดด่าง และผิวของเขากลับกลายเป็นโรคเรื้อน ให้คนพาเขามาหาอาโรนหรือบุตรคนใดคนหนึ่งของเขาที่เป็นปุโรหิต ปุโรหิตจะตรวจดูจุดที่อยู่ตามผิวหนังของเขา ถ้าขนที่จุดนั้นเป็นสีขาวและดูเหมือนแผลลึกกว่าผิวหนัง แสดงว่าเขาเป็นโรคเรื้อน เมื่อปุโรหิตตรวจเสร็จแล้วก็ต้องประกาศว่าเขาเป็นมลทิน แต่ถ้าแผลเป็นรอยด่างสีขาวอยู่ไม่ลึกกว่าผิวหนัง และขนบริเวณนั้นไม่ได้เปลี่ยนเป็นสีขาว ปุโรหิตจะต้องกักตัวคนเป็นโรคไว้ 7 วัน ในวันที่เจ็ดปุโรหิตจะตรวจดูเขาอีก และตามความเห็นของปุโรหิต ถ้าโรคไม่ได้ลามมากขึ้นเขาจะต้องกักตัวผู้นั้นไว้อีก 7 วัน เพื่อจะตรวจอีกหลังจากนั้น 7 วัน ถ้าเห็นว่าแผลบริเวณนั้นจางลงและไม่มีการลามบนผิวหนัง ปุโรหิตจึงจะประกาศว่าเขาสะอาด มันเป็นเพียงผื่นธรรมดา ให้เขาซักเครื่องแต่งกาย แล้วจึงจะถือว่าเขาสะอาด แต่ถ้าผื่นลามไปตามผิวหนังแม้ว่าหลังจากที่ให้ปุโรหิตตรวจดูแล้วว่าเขาสะอาด เขาก็ยังจะต้องไปหาปุโรหิตอีก ปุโรหิตต้องตรวจเขาอีกครั้ง ถ้าผื่นนั้นลามบนผิวหนัง ปุโรหิตต้องประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เพราะเป็นโรคเรื้อน

ถ้าผู้ใดเป็นโรคเรื้อน ให้คนพาเขาไปหาปุโรหิต 10 และปุโรหิตจะตรวจดูตัวเขา ถ้าแผลที่ผิวหนังของเขาบวมเป็นสีขาว ขนก็เป็นสีขาว และผิวที่บวมนั้นอักเสบ 11 จึงนับว่าผิวหนังของเขาเป็นโรคเรื้อนขั้นเรื้อรัง ปุโรหิตจะต้องประกาศว่าเขาเป็นมลทิน อย่ากักตัวเขาไว้ เพราะเขาเป็นมลทินแล้ว 12 ถ้าโรคเรื้อนลามทั่วผิวหนังของคนเป็นโรคตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าเท่าที่ปุโรหิตจะมองเห็นได้ 13 ปุโรหิตจะตรวจดูตัวเขา ถ้าโรคเรื้อนลามไปทั่วตัว ปุโรหิตจะประกาศว่าเขาสะอาดเนื่องจากตัวของเขาขาวไปทั่ว และเขาก็สะอาด 14 แต่เมื่อใดแผลนั้นอักเสบ เขาก็เป็นมลทิน 15 ปุโรหิตจะตรวจดูแผลที่อักเสบและประกาศว่าเขาเป็นมลทิน แผลที่อักเสบเป็นมลทินเพราะเป็นโรคเรื้อน 16 แต่ถ้าแผลที่อักเสบกลับดีขึ้นและกลายเป็นสีขาวอีก ก็ให้เขามาหาปุโรหิต 17 ปุโรหิตจะตรวจดูตัวเขา ถ้าโรคนั้นเป็นสีขาว ให้ปุโรหิตประกาศว่าคนนั้นสะอาด เพราะเขาสะอาด

18 ถ้าผิวหนังของผู้ใดเป็นฝีซึ่งหายแล้ว 19 แต่ต่อมาจุดที่เคยเป็นฝีเกิดบวมและเป็นแผลสีขาวหรือสีแดงเรื่อๆ ก็ต้องให้ปุโรหิตตรวจดู 20 เมื่อปุโรหิตตรวจดู เห็นว่าแผลลึกกว่าผิวหนังและมีขนเป็นสีขาว ให้ปุโรหิตประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เป็นโรคเรื้อนและกลายเป็นฝี 21 แต่ถ้าปุโรหิตตรวจเห็นแล้วว่าขนไม่เป็นสีขาว แผลไม่ลึกลงไปใต้ผิวหนังและจางลงด้วย ปุโรหิตต้องกักตัวเขาไว้ 7 วัน 22 แต่ถ้าแผลลุกลามผิวหนัง ปุโรหิตต้องประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เขาเป็นโรคแล้ว 23 ถ้าขนาดของแผลอยู่คงเดิมไม่ลุกลาม แสดงว่าเป็นแต่เพียงแผลเป็นอันเกิดจากฝี ปุโรหิตต้องประกาศว่าเขาสะอาด

24 เมื่อผู้ใดถูกไฟไหม้ผิว และบริเวณที่ไหม้เป็นแผลอักเสบที่กลายเป็นสีแดงเรื่อๆ หรือสีขาว 25 ปุโรหิตจะต้องตรวจดูแผล ถ้าลึกลงไปใต้ผิวหนัง และมีขนเป็นสีขาว แสดงว่าเป็นโรคเรื้อนซึ่งลามไปยังจุดที่ถูกไฟไหม้ ปุโรหิตต้องประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เป็นโรคเรื้อน 26 แต่ถ้าปุโรหิตตรวจดูแผล ซึ่งไม่ลึกลงไปใต้ผิวหนัง ขนไม่เป็นสีขาว และสีจางลง ปุโรหิตต้องกักเขาไว้ 7 วัน 27 ปุโรหิตจะตรวจดูเขาในวันที่เจ็ด ถ้าแผลลาม ปุโรหิตต้องประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เป็นโรคเรื้อน 28 แต่ถ้าแผลอยู่คงเดิมโดยไม่ลาม และสีจางลง แสดงว่าแผลบวมจากการถูกไฟไหม้ ปุโรหิตต้องประกาศว่าเขาสะอาด เพราะมันเป็นแต่เพียงแผลเป็นที่ถูกไฟไหม้

29 เมื่อชายหรือหญิงมีแผลที่ศีรษะหรือคาง 30 ปุโรหิตต้องตรวจดูแผล ถ้าเห็นว่าลึกลงไปใต้ผิวหนัง มีขนเพียงไม่กี่เส้น และเป็นสีเหลือง ปุโรหิตต้องประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เป็นโรคผิวหนัง โรคเรื้อนขึ้นที่หัวหรือคาง 31 ถ้าปุโรหิตตรวจดูโรคผิวหนัง พบว่าไม่ลึกลงไปใต้ผิวหนังและไม่มีขนสีดำ ปุโรหิตต้องกักตัวคนที่เป็นโรคผิวหนังไว้ 7 วัน 32 ในวันที่เจ็ด ปุโรหิตจะตรวจดูโรค ถ้าโรคผิวหนังไม่ได้ลุกลาม ไม่มีขนสีเหลือง ผิวที่คันไม่ลึกลงไปใต้ผิวหนัง 33 ต้องให้เขาโกนผมและหนวดเครา ไม่ใช่โกนบริเวณแผล ปุโรหิตต้องกักตัวคนเป็นโรคผิวหนังไว้อีก 7 วัน 34 ในวันที่เจ็ด ปุโรหิตต้องตรวจดูผิวที่คัน ถ้าไม่ได้ลุกลามและไม่ลึกลงไปใต้ผิวหนัง ปุโรหิตต้องประกาศว่าเขาสะอาด เขาต้องซักเครื่องแต่งกาย จึงจะถือว่าเขาสะอาด 35 แต่ถ้าโรคผิวหนังลุกลามออกไปอีกหลังจากการชำระล้าง 36 ปุโรหิตต้องตรวจดูตัวเขา ถ้าโรคผิวหนังที่คันนั้นลุกลาม ปุโรหิตไม่จำเป็นต้องดูผมหรือขนสีเหลือง เขาเป็นมลทิน 37 แต่ถ้าเท่าที่เขาตรวจดูผิวที่คันนั้นไม่เปลี่ยนแปลง และมีขนดำงอก ผิวหายคันแล้ว เขาก็สะอาด ปุโรหิตก็ต้องประกาศว่าเขาสะอาด

38 เมื่อผิวหนังของชายหรือหญิงใดมีจุดสีขาวๆ 39 ปุโรหิตต้องตรวจดู และถ้าจุดเหล่านั้นเป็นสีขาวจางๆ นั่นเป็นเพียงตำหนิที่ผิว เขาสะอาด

40 ถ้าชายใดผมร่วงจากศีรษะ ถึงเขาจะหัวล้านแต่เขาสะอาด 41 และถ้าชายใดผมร่วงจากหน้าผากหรือขมับ ผมส่วนหน้าผากล้านแต่สะอาด 42 แต่ถ้าหัวล้านหรือหน้าผากเถิกและมีจุดแดงเรื่อๆ นั่นคือโรคเรื้อนที่ลามไปถึงหัวหรือหน้าผากของเขา 43 ปุโรหิตต้องตรวจดูตัวเขา ถ้าพบจุดแดงเรื่อๆ บวมที่หัวล้านหรือหน้าผากเถิกของเขา เหมือนกับโรคเรื้อนที่เป็นตามตัว 44 เขาเป็นโรคเรื้อน เขาเป็นมลทิน ปุโรหิตต้องประกาศว่าเขาเป็นมลทิน โรคนั้นลุกลามไปถึงศีรษะของเขาแล้ว

45 ผู้เป็นโรคเรื้อนต้องสวมเครื่องแต่งกายขาดๆ ปล่อยผม ปิดริมฝีปากบนและร้องว่า ‘เป็นมลทิน เป็นมลทิน’ 46 เขาจะยังเป็นมลทินตราบที่เขายังเป็นโรคอยู่ เขาเป็นมลทิน และจะต้องแยกออกไปอาศัยอยู่นอกค่าย

47 เมื่อพบว่ามีเชื้อโรคเรื้อนติดอยู่ที่เครื่องแต่งกาย ไม่ว่าจะเป็นผ้าขนสัตว์หรือผ้าป่าน 48 เนื้อผ้าทอหรือถักด้วยใยป่านหรือขนสัตว์ หรือสิ่งใดที่ทำจากหนังสัตว์ 49 ถ้าเชื้อโรคที่ติดเครื่องแต่งกายเป็นสีเขียวหรือแดง ไม่ว่าบนเนื้อผ้าทอหรือถัก หรือสิ่งที่ทำจากหนังสัตว์ นั่นเป็นเชื้อโรคเรื้อนติดอยู่ ต้องให้ปุโรหิตตรวจดู 50 ปุโรหิตตรวจเชื้อโรค และกักสิ่งนั้นไว้ 7 วัน 51 เมื่อปุโรหิตตรวจดูในวันที่เจ็ด เห็นว่าเชื้อโรคแพร่กระจายไปตามเครื่องแต่งกายที่ทอหรือถัก หรือสิ่งที่ทำจากหนังสัตว์ เชื้อโรคนั้นเป็นเชื้อโรคเรื้อนขั้นร้ายแรงและเป็นมลทิน 52 ปุโรหิตต้องเผาเครื่องแต่งกายที่ทอหรือถักจากขนสัตว์หรือผ้าป่าน หรือสิ่งที่ทำจากหนังสัตว์ เพราะเป็นโรคเรื้อนขั้นร้ายแรง ต้องนำไปเผาไฟทิ้งเสีย

53 ถ้าปุโรหิตตรวจดูแล้วเห็นว่า โรคไม่ได้แพร่กระจายไปตามเครื่องแต่งกายที่ทอหรือถัก หรือสิ่งที่ทำจากหนังสัตว์ 54 ปุโรหิตต้องสั่งให้คนซักสิ่งที่มีเชื้อโรคติดอยู่ และกักของไว้อีก 7 วัน 55 ปุโรหิตต้องตรวจดูสิ่งที่มีเชื้อโรคติดอยู่ที่ได้ซักล้างแล้ว ถ้าจุดติดเชื้อไม่เปลี่ยนสี และถึงแม้เชื้อไม่แพร่กระจาย แต่ก็นับว่าเป็นมลทิน ท่านจงใช้ไฟเผาสิ่งนั้นเสียไม่ว่าจุดติดเชื้อโรคจะอยู่ด้านในหรือด้านนอกก็ตาม

56 แต่ถ้าปุโรหิตตรวจดูเห็นว่าเชื้อโรคจางลงหลังจากซักล้างแล้ว เขาก็ต้องฉีกบริเวณจุดนั้นให้ขาดออกจากเครื่องแต่งกายหรือหนังสัตว์ หรือชิ้นที่ทอหรือถัก 57 และถ้าเกิดมีเชื้อโรคติดอยู่ที่เครื่องแต่งกาย ผ้าทอหรือถัก หรือสิ่งที่ทำจากหนังสัตว์อีก แสดงว่าเชื้อโรคกำลังแพร่กระจาย เจ้าก็จงใช้ไฟเผาสิ่งที่ติดเชื้อโรคเสีย 58 ถ้าซักล้างเครื่องแต่งกาย ผ้าทอหรือถัก หรือสิ่งที่ทำจากหนังสัตว์ที่มีเชื้อโรคติดอยู่ จนทุกสิ่งสะอาดเกลี้ยงเกลาแล้ว ก็ยังต้องซักล้างอีกเป็นครั้งที่สอง มันก็จะสะอาด”

59 นี่เป็นกฎบัญญัติสำหรับโรคเรื้อนติดที่เครื่องแต่งกายผ้าขนสัตว์หรือผ้าป่าน ผ้าทอหรือถัก หรือสิ่งที่ทำจากหนังสัตว์ เพื่อตัดสินว่าสิ่งใดสะอาดหรือเป็นมลทิน

สดุดี 15-16

ใครบ้างจะอยู่ในที่บริสุทธิ์ของพระเจ้าได้

เพลงสดุดีของดาวิด

โอ พระผู้เป็นเจ้า ใครบ้างจะอยู่ในกระโจมที่พำนักของพระองค์ได้
    ใครบ้างจะอาศัยอยู่บนภูเขาอันบริสุทธิ์ของพระองค์ได้

คนที่ดำเนินชีวิตโดยปราศจากข้อตำหนิใดๆ
    เป็นคนที่ประพฤติด้วยความชอบธรรม
    และพูดความจริงด้วยความจริงใจ
เป็นคนไม่ใช้ลิ้นกล่าวว่าร้าย
    หรือกระทำสิ่งชั่วร้ายต่อเพื่อนของตน
    และไม่ติเตียนเพื่อนบ้าน
เป็นผู้เหยียดหยามคนชั่ว
    แต่ให้เกียรติคนที่เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
    รักษาคำสาบานแม้จะเจ็บปวด
ให้คนยืมเงินโดยไม่คิดดอกเบี้ย
    ไม่รับสินบนต่อต้านผู้ไร้ความผิด

คนที่กระทำตามนี้จะมั่นคงเสมอ

อธิษฐานและวางใจในพระเจ้า

มิคทาม[a]ของดาวิด

โอ พระเจ้า ช่วยปกป้องข้าพเจ้าด้วย
    เพราะพระองค์เป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าพูดกับพระผู้เป็นเจ้าว่า “พระองค์เป็นพระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า
    นอกเหนือจากพระองค์แล้ว ข้าพเจ้าไม่มีอะไรที่นับว่าดีอีกเลย”
สำหรับบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก
    ข้าพเจ้าชื่นชมในตัวพวกเขาผู้เป็นเลิศ
ส่วนพวกที่ติดตามเทพเจ้าก็มีแต่ความเศร้ามากขึ้น
    ข้าพเจ้าจะไม่เทเครื่องบูชาซึ่งเป็นโลหิตของเขา
    หรือแม้แต่ชื่อเทพเจ้าก็จะไม่หลุดจากริมฝีปากของข้าพเจ้า

พระผู้เป็นเจ้าเป็นทุกสิ่งของข้าพเจ้า
    พระองค์ให้พระพรแก่ข้าพเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม
    และทำให้ข้าพเจ้ามั่นคง
เส้นแบ่งเขตแดนที่ตกเป็นของข้าพเจ้าเป็นที่น่าพอใจมาก
    ข้าพเจ้าได้รับมรดกอันดีเลิศด้วย
ข้าพเจ้าสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าผู้ให้คำแนะนำแก่ข้าพเจ้า
    แม้ในยามค่ำคืนก็ช่วยดลใจข้าพเจ้า
ข้าพเจ้านึกถึงพระผู้เป็นเจ้าเป็นที่ตั้งเสมอ
    ด้วยว่าพระองค์อยู่ทางขวามือของข้าพเจ้า
    จึงไม่มีผู้ใดทำให้ข้าพเจ้าหวั่นไหวได้

ฉะนั้น ใจของข้าพเจ้าแสนจะโสมนัส และจิตวิญญาณของข้าพเจ้าจึงชื่นชมยินดี
    ร่างกายของข้าพเจ้าก็จะอยู่ได้อย่างปลอดภัย
10 เพราะพระองค์จะไม่ละทิ้งข้าพเจ้าไว้ในแดนคนตาย
    และจะไม่ปล่อยให้องค์ผู้บริสุทธิ์ของพระองค์เปื่อยเน่าไป[b]
11 พระองค์ได้ให้ข้าพเจ้าทราบถึงวิถีทางแห่งชีวิต
    และจะโปรดให้ข้าพเจ้าปิติอย่างมากล้น ณ เบื้องหน้าพระองค์[c]
    และยินดีชั่วนิรันดร์กาล ณ เบื้องขวาของพระองค์

สุภาษิต 27

27 อย่าโอ้อวดถึงเรื่องของวันพรุ่งนี้
    เพราะเจ้าไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ปล่อยให้ผู้อื่นเป็นผู้เยินยอเจ้าเถิด อย่าให้มาจากปากของเจ้าเอง
    แต่ให้มาจากคนที่เจ้าไม่รู้จัก แทนที่จะมาจากริมฝีปากของเจ้าเอง
ก้อนหินหนัก ทรายก็มีน้ำหนัก
    แต่การก่อกวนของคนโง่หนักเสียยิ่งกว่าสองสิ่งนี้
ความโกรธนั้นโหดเหี้ยม ความฉุนเฉียวก็เหลือทน
    แต่ใครจะต้านฤทธิ์ของความริษยาได้
การว่ากล่าวตักเตือนที่ทำอย่างเปิดเผยนั้น
    ดีกว่าความรักที่ถูกซ่อนเอาไว้
บาดแผลจากเพื่อนยังพอไว้ใจได้
    แต่จูบของศัตรูนั้นหลอกลวง
คนที่อิ่มหนำแล้วแม้น้ำผึ้งเขาก็ยังรังเกียจ
    แต่สำหรับคนหิวโหยแม้สิ่งที่มีรสขมก็ยังรู้สึกว่ามีรสหวาน
คนที่พลัดพรากจากบ้านเกิดของตน
    เป็นเสมือนนกที่พลัดพรากจากรังของมัน
น้ำมันและน้ำหอมนำความชื่นใจมาให้
    และคำแนะนำที่ดีจากเพื่อนก็ทำให้ใจยินดี
10 อย่าละทิ้งเพื่อนของเจ้าหรือเพื่อนของพ่อเจ้า
    และอย่าไปหาพี่น้องของเจ้าในยามที่เจ้าทุกข์ยาก
เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เจ้า
    ดีกว่าพี่น้องที่อยู่ห่างไกล
11 ลูกเอ๋ย จงเป็นคนมีสติปัญญาและทำให้เราชื่นใจเถิด
    เราจะได้มีคำตอบให้กับคนที่ติเตียนเรา
12 คนฉลาดรอบคอบเห็นภัยอันตรายก็จะหลบซ่อนตัว
    แต่คนเขลาก้าวต่อไปแล้วเผชิญกับความทุกข์
13 จงยึดเสื้อผ้าของคนที่ไว้ใจคนแปลกหน้าเอาไว้เถิด
    และจงทำสัญญาเป็นหลักประกันถ้าเขาไว้ใจคนที่เขาไม่รู้จัก
14 ถ้าใครอวยพรเพื่อนของตนด้วยเสียงอันดังในเวลาเช้าตรู่
    ก็ถือว่าเป็นการสาปแช่ง
15 ฝนตกพรำๆ ตลอดทั้งวัน
    เป็นเสมือนภรรยาช่างทะเลาะเบาะแว้ง
16 จะยับยั้งหล่อนไว้ก็เหมือนยับยั้งลมไม่ให้พัด
    หรือเหมือนกำน้ำมันไว้ในมือขวา
17 เอาเหล็กลับเหล็กยังทำได้
    ชายคนหนึ่งก็จะขัดเกลาชายอีกคนได้ด้วยเช่นกัน
18 ผู้ใดดูแลต้นมะเดื่อ ผู้นั้นจะได้กินผลของมัน
    และผู้ที่เฝ้าดูนายของตนจะได้รับเกียรติ
19 เงาในน้ำสะท้อนให้เห็นใบหน้าเช่นไร
    ใจมนุษย์ก็สะท้อนถึงตัวตนของเขาเช่นนั้น
20 แดนคนตายและความวิบัติไม่มีวันพึงพอใจ
    และสายตามนุษย์ก็ไม่มีความพึงพอใจเช่นกัน
21 เบ้าหลอมมีไว้สำหรับเงิน และเตาหลอมสำหรับทองคำ
    ส่วนมนุษย์ถูกวัดได้จากคำยกย่องที่เขาได้รับ
22 แม้เจ้าจะเอาเมล็ดพืช
    โขลกปนกับคนโง่ในครกแล้ว
    ความโง่ของเขาก็ไม่อาจหลุดจากตัวเขาได้

23 จงแน่ใจว่าเจ้ารู้ทุกข์สุขของฝูงแกะของเจ้า
    จงเอาใจใส่ฝูงสัตว์ของเจ้าให้ดี
24 ด้วยว่า ความมั่งมีไม่ยั่งยืนตลอดไป
    และมงกุฎไม่คงอยู่อย่างปลอดภัยในทุกชั่วอายุคน
25 เวลาถางหญ้าแล้ว ใบอ่อนก็งอกใหม่
    และหญ้าบนภูเขาก็ถูกเก็บเกี่ยว
26 ลูกแกะจะมีขนให้เจ้าใช้ทอเสื้อ
    และแพะจะให้รายได้เพื่อซื้อทุ่งนา
27 เจ้าจะมีนมแพะอย่างบริบูรณ์ไว้เป็นอาหารของเจ้าและครอบครัว
    และยังมีพอเลี้ยงดูบรรดาสาวใช้ของเจ้าอีกด้วย

2 เธสะโลนิกา 1

การทักทายของเปาโล

จากเปาโล สิลวานัสและทิโมธี

เรียน คริสตจักรของชาวเมืองเธสะโลนิกาซึ่งเป็นคนของพระเจ้า ผู้เป็นพระบิดาของเราและของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า

ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าผู้เป็นพระบิดา และจากพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า จงมีแก่ท่านทั้งหลายเถิด

คำอธิษฐานขอบพระคุณ

เป็นการสมควรที่พวกเราขอบคุณพระเจ้าเสมอสำหรับท่านพี่น้องทั้งหลาย เพราะท่านมีความเชื่อมากยิ่งขึ้น และความรักที่ท่านทุกคนมีต่อกันก็ได้ทวียิ่งขึ้น ดังนั้นพวกเราเองจึงพูดถึงท่านในหมู่คริสตจักรของพระเจ้าด้วยความภูมิใจ เพราะความบากบั่นและความเชื่อของท่านยามที่ถูกกดขี่ข่มเหง รวมทั้งความอดทนต่อความยากลำบากของท่าน

สิ่งที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่า การพิพากษาของพระเจ้ายุติธรรม และผลก็คือท่านเป็นผู้สมควรอยู่ในอาณาจักรของพระเจ้า ซึ่งท่านทนทุกข์อยู่ก็เพื่ออาณาจักรนั้น พระเจ้ายุติธรรม พระองค์เห็นว่าสมควรแล้วที่จะให้ความยากลำบากสนองตอบคนที่ทำให้ท่านลำบาก และเพื่อจะบรรเทาความยากลำบากที่ท่านกำลังได้รับ และจะบรรเทาให้แก่เราเช่นกัน เวลาที่พระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าจะปรากฏจากสวรรค์ในเปลวเพลิงพร้อมกับเหล่าทูตสวรรค์ที่มีมหิทธานุภาพของพระองค์ พระองค์จะลงโทษผู้ที่ไม่รู้จักพระเจ้า และผู้ที่ไม่เชื่อฟังข่าวประเสริฐของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เขาเหล่านั้นจะถูกลงโทษ นั่นคือความพินาศอันเป็นนิรันดร์ และอยู่ห่างไกลแสนไกลจากพระผู้เป็นเจ้าและอานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ 10 เมื่อพระองค์มาในวันนั้น เพื่อรับพระบารมีจากบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระองค์ และรับการสรรเสริญจากทุกคนที่เชื่อซึ่งรวมทั้งพวกท่านด้วย เพราะท่านเชื่อคำยืนยันของเรา 11 เราจึงอธิษฐานเพื่อท่านเสมอว่า พระเจ้าของเราจะนับว่าท่านสมควรแก่การที่พระองค์เรียก และขอให้ความปรารถนาในการกระทำดีและงานที่ท่านปฏิบัติโดยความเชื่อจะสำเร็จโดยอานุภาพของพระองค์ 12 เพื่อว่าพระนามของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจะได้รับพระบารมีเพราะท่าน และท่านจะได้รับเกียรติเพราะพระองค์ ตามพระคุณของพระเจ้าของเรา และพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation