M’Cheyne Bible Reading Plan
ดาวิดทรงนับไพร่พล(A)
24 อีกครั้งหนึ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธอิสราเอล และทรงดลใจดาวิดให้หาเรื่องเดือดร้อนมาให้พวกเขา โดยตรัสว่า “จงไปทำสำมะโนไพร่พลอิสราเอลและยูดาห์”
2 ดาวิดจึงตรัสกับโยอาบและบรรดานายทัพ[a]ว่า “จงทำทะเบียนพลรบทั้งหมดของทุกเผ่าในอิสราเอลจากดานจดเบเออร์เชบา เพื่อเราจะรู้ว่ามีคนอยู่เท่าไร”
3 แต่โยอาบกราบทูลว่า “ขอพระยาห์เวห์พระเจ้าของฝ่าพระบาททรงเพิ่มกองทหารร้อยเท่า และขอให้ฝ่าพระบาทได้เห็นกับตา เหตุใดฝ่าพระบาทจึงมีพระประสงค์จะกระทำเช่นนี้”
4 แต่คำบัญชาของกษัตริย์ย่อมมีอำนาจเหนือโยอาบและบรรดานายทัพ ฉะนั้นพวกเขาจึงทูลลาไปทำรายชื่อของพลรบอิสราเอล
5 หลังจากข้ามแม่น้ำจอร์แดน พวกเขาไปตั้งค่ายพักในหุบเขาทางใต้ของเมืองอาโรเออร์ แล้วผ่านกาดไปยังยาเซอร์ 6 พวกเขาไปที่กิเลอาดและเขตแดนทาห์ทิมโหดชิ แล้วไปดานยาอันและไปทั่วจนถึงไซดอน 7 จากนั้นไปยังป้อมแห่งเมืองไทระ และหัวเมืองทั้งหมดของชาวฮีไวต์ และชาวคานาอัน ท้ายสุดไปยังเบเออร์เชบาในเนเกบแห่งยูดาห์
8 หลังจากพวกเขาไปทั่วแดนก็กลับมายังเยรูซาเล็ม ใช้เวลาเก้าเดือนยี่สิบวัน
9 โยอาบทูลรายงานจำนวนพลรบต่อกษัตริย์ คนที่อยู่ในเกณฑ์ออกรบได้มีแปดแสนคนในอิสราเอล ส่วนในยูดาห์มีห้าแสนคน
10 หลังจากสำรวจไพร่พลแล้ว ดาวิดก็สำนึกผิดจึงกราบทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “สิ่งที่ข้าพระองค์ทำนั้นบาปมาก ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าบัดนี้ขอทรงโปรดยกโทษความผิดของผู้รับใช้ของพระองค์ ข้าพระองค์ได้ทำสิ่งที่โง่เขลามาก”
11 ก่อนดาวิดตื่นบรรทมเช้าวันรุ่งขึ้น มีพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงผู้เผยพระวจนะกาดซึ่งเป็นผู้ทำนายให้ดาวิด ความว่า 12 “จงไปบอกดาวิดว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า ‘เรามีข้อเสนอสามประการ ให้เจ้าเลือกอย่างหนึ่งแล้วเราจะจัดการกับเจ้าตามนั้น’”
13 กาดจึงมาเข้าเฝ้าดาวิดทูลว่า “ฝ่าพระบาทจะทรงเลือกการกันดารอาหารทั่วดินแดนสามปี[b] หรือเตลิดหนีจากศัตรูผู้รุกไล่สามเดือน หรือยอมให้มีโรคระบาดในดินแดนสามวัน ขอทรงตรึกตรองแล้วแจ้งคำตอบเพื่อข้าพระบาทจะนำไปทูลพระองค์ผู้ทรงใช้ข้าพระบาทมา”
14 ดาวิดตรัสตอบกาดว่า “เราลำบากใจมาก แต่ขอตกอยู่ในอุ้งพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าดีกว่าตกอยู่ในเงื้อมมือของมนุษย์ เพราะพระเมตตาคุณของพระองค์ใหญ่หลวงนัก”
15 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้เกิดโรคระบาดในอิสราเอลตั้งแต่เช้าวันนั้นจนครบกำหนด จากดานจดเบเออร์เชบา มีผู้เสียชีวิตเจ็ดหมื่นคน 16 เมื่อทูตสวรรค์เงื้อมือขึ้นจะทำลายล้างกรุงเยรูซาเล็ม องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทุกข์พระทัยเนื่องด้วยภัยพิบัตินั้น จึงตรัสกับทูตนั้นว่า “พอแล้ว! ยั้งมือเถิด” ขณะนั้นทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังยืนอยู่ที่ลานนวดข้าวของอาราวนาห์ชาวเยบุส
17 เมื่อดาวิดเห็นทูตองค์นั้นผู้ทำให้ประชากรล้มตายก็กราบทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าพระองค์คือผู้ที่ทำผิดทำบาป ประชากรเหล่านี้เป็นเพียงฝูงแกะ พวกเขาทำผิดอันใดเล่า? ขอทรงลงโทษข้าพระองค์กับครอบครัวเท่านั้นเถิด”
ดาวิดสร้างแท่นบูชา(B)
18 ในวันนั้นกาดมาทูลดาวิดว่า “ขอทรงขึ้นไปสร้างแท่นบูชาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าที่ลานนวดข้าวของอาราวนาห์ชาวเยบุสเถิด” 19 ดาวิดจึงไปปฏิบัติตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งผ่านทางกาด 20 เมื่ออาราวนาห์เห็นกษัตริย์และผู้ตามเสด็จมาหาตนก็เข้าไปหมอบกราบลงกับพื้น
21 ทูลถามว่า “ฝ่าพระบาทเสด็จมาด้วยพระประสงค์อันใด?”
ดาวิดตรัสว่า “เพื่อมาซื้อลานนวดข้าวของเจ้า เราจะสร้างแท่นบูชาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะได้ทรงระงับโรคระบาดครั้งนี้เสีย”
22 อาราวนาห์ทูลว่า “ขอฝ่าพระบาททรงใช้ทุกสิ่งตามที่ต้องประสงค์เถิด นี่คือวัวสำหรับเป็นเครื่องเผาบูชา และนี่คือเลื่อนนวดข้าวกับแอกวัวใช้เป็นฟืน 23 ข้าพระบาทอาราวนาห์ขอถวายทั้งหมด และขอพระยาห์เวห์พระเจ้าของฝ่าพระบาททรงโปรดฝ่าพระบาทด้วยเถิด”
24 แต่กษัตริย์ตรัสตอบอาราวนาห์ว่า “เรายืนยันที่จะซื้อจากเจ้า เราจะไม่ถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราโดยที่ไม่ลงทุนอะไรเลย”
เป็นอันว่าดาวิดทรงซื้อลานนวดข้าวกับวัวด้วยเงินหนัก 50 เชเขล[c] 25 แล้วดาวิดสร้างแท่นบูชาขึ้นที่นั่นถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า และถวายเครื่องเผาบูชากับเครื่องสันติบูชา องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานเพื่อแผ่นดิน โรคระบาดที่เกิดแก่อิสราเอลก็หมดไป
4 สิ่งที่ข้าพเจ้ากำลังกล่าวอยู่นี้ก็คือ ตราบใดที่ทายาทยังเด็กอยู่ก็ไม่ต่างอะไรกับทาส แม้เขาจะเป็นเจ้าของทรัพย์สินทั้งหมด 2 เขาก็ยังอยู่ในบังคับของผู้ปกครองและผู้ดูแลทรัพย์สิน จนกว่าจะถึงเวลาที่บิดากำหนด 3 เช่นกันเมื่อเรายังเด็ก เราเป็นทาสอยู่ใต้บังคับของหลักการพื้นฐานทั้งหลายของโลก 4 แต่เมื่อถึงกำหนด พระเจ้าได้ทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาประสูติจากครรภ์ของผู้หญิง ถือกำเนิดภายใต้บทบัญญัติ 5 เพื่อไถ่คนทั้งปวงซึ่งอยู่ใต้บทบัญญัติ เพื่อเราจะได้รับสิทธิของบุตรอย่างสมบูรณ์ 6 ในเมื่อท่านเป็นบุตร พระเจ้าจึงทรงให้พระวิญญาณของพระบุตรของพระองค์เข้ามาในใจเรา พระวิญญาณผู้ทรงร้องเรียกว่า “อับบา[a] พ่อ” 7 ฉะนั้นท่านจึงไม่เป็นทาสอีกต่อไป แต่เป็นบุตร และเพราะท่านเป็นบุตร พระเจ้าจึงทรงให้ท่านเป็นทายาทด้วย
เปาโลห่วงใยพี่น้องชาวกาลาเทีย
8 เมื่อก่อนท่านยังไม่รู้จักพระเจ้า ท่านเป็นทาสของผู้ซึ่งโดยสภาพแล้วไม่ใช่เทพเจ้าเลย 9 แต่เดี๋ยวนี้ท่านรู้จักพระเจ้าแล้ว หรือที่ถูกคือพระเจ้าทรงรู้จักท่านแล้ว ท่านยังจะหวนกลับไปหาหลักการเก่าๆ ซึ่งอ่อนแอและน่าสังเวชหรือ? ท่านอยากตกเป็นทาสด้วยสิ่งทั้งปวงนี้อีกหรือ? 10 ท่านกำลังถือวันเดือนฤดูและปี! 11 ข้าพเจ้าหวาดหวั่นแทนท่าน เกรงว่าที่ข้าพเจ้าบากบั่นทุ่มเทให้ท่านนั้นจะเปล่าประโยชน์
12 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอร้องท่าน ขอให้เป็นเหมือนข้าพเจ้าเพราะข้าพเจ้าได้เป็นเหมือนท่าน ท่านไม่ได้ทำผิดอะไรต่อข้าพเจ้า 13 ท่านก็ทราบอยู่ตอนแรกที่ข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐแก่ท่านนั้นก็เพราะความเจ็บป่วย 14 แม้ว่าความเจ็บป่วยของข้าพเจ้าเป็นการทดลองสำหรับท่าน ท่านก็ไม่ได้ดูถูกหรือสบประมาทข้าพเจ้าเลย กลับต้อนรับราวกับข้าพเจ้าเป็นทูตของพระเจ้า ราวกับข้าพเจ้าเป็นองค์พระเยซูคริสต์เอง 15 ความชื่นชมยินดีของท่านหายไปไหนหมดแล้ว? ข้าพเจ้ายืนยันได้ว่าถ้าท่านทำได้ ท่านก็คงจะควักตาของท่านให้ข้าพเจ้าแล้ว 16 บัดนี้ข้าพเจ้าได้กลายเป็นศัตรูของท่านเพราะบอกความจริงแก่ท่านหรือ?
17 คนพวกนั้นร้อนรนเพื่อชนะใจท่าน แต่ไม่ใช่เพราะหวังดี สิ่งที่เขาต้องการคือแยกท่านออกไปจากเรา เพื่อให้ท่านร้อนรนเพื่อพวกเขา 18 ถ้าร้อนรนเพราะหวังดีก็ดีอยู่ ขอให้เป็นเช่นนั้นตลอด ไม่ใช่แค่เฉพาะช่วงที่ข้าพเจ้าอยู่กับท่าน 19 ลูกที่รักเอ๋ย ข้าพเจ้ายังต้องเจ็บปวดราวกับคลอดบุตรเพื่อท่านอีกจนกว่าพระคริสต์จะทรงก่อร่างขึ้นในท่าน 20 ข้าพเจ้าปรารถนาอย่างยิ่งที่จะอยู่กับท่านตอนนี้ และเปลี่ยนน้ำเสียงของข้าพเจ้าเพราะข้าพเจ้าข้องใจในตัวท่าน!
นางฮาการ์กับนางซาราห์
21 ท่านที่อยากอยู่ใต้บทบัญญัติ บอกข้าพเจ้าเถิด ท่านไม่ตระหนักถึงสิ่งที่บทบัญญัติกล่าวไว้หรือ? 22 เพราะมีเขียนไว้ว่าอับราฮัมมีบุตรชายสองคน คนหนึ่งเกิดจากหญิงที่เป็นทาส อีกคนเกิดจากหญิงที่เป็นไท 23 บุตรจากหญิงที่เป็นทาสเกิดตามปกติธรรมดา ส่วนบุตรจากหญิงที่เป็นไทเกิดตามพระสัญญา
24 เรื่องนี้ถือเป็นการเปรียบเทียบได้ หญิงทั้งสองหมายถึงสองพันธสัญญา พันธสัญญาหนึ่งมาจากภูเขาซีนาย คือ นางฮาการ์ให้กำเนิดลูกทาส 25 นางฮาการ์หมายถึงภูเขาซีนายในประเทศอาระเบีย เล็งถึงกรุงเยรูซาเล็มปัจจุบัน เพราะนางกับบรรดาบุตรของนางเป็นทาสอยู่ 26 ส่วนเยรูซาเล็มซึ่งอยู่เบื้องบนนั้นเป็นไท เป็นมารดาของเราทั้งหลาย 27 ตามที่มีเขียนไว้ว่า
“จงยินดีเถิด หญิงหมันเอ๋ย
ผู้ไม่เคยมีลูก
จงเปล่งเสียงโห่ร้องเถิด
เจ้าผู้ไม่เคยเจ็บครรภ์
เพราะลูกของหญิงที่โดดเดี่ยว
ก็ยังมีมากกว่าลูกของหญิงผู้มีสามี”[b]
28 พี่น้องทั้งหลาย ฝ่ายท่านเป็นบุตรแห่งพระสัญญาเช่นเดียวกับอิสอัค 29 ครั้งนั้นบุตรที่เกิดตามปกติธรรมดารังแกบุตรที่เกิดโดยฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณ บัดนี้ก็เช่นกัน 30 แต่พระคัมภีร์กล่าวว่าอย่างไร? “ขอให้ไล่เมียทาสกับลูกของนางไปเถิด เพราะลูกของเมียทาสนั้นจะไม่มีวันมีส่วนร่วมในมรดกกับลูกของหญิงที่เป็นไท”[c] 31 ฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย เราไม่ใช่บุตรของหญิงที่เป็นทาส แต่เป็นบุตรของหญิงที่เป็นไท
สนซีดาร์แห่งเลบานอน
31 ในวันที่หนึ่งเดือนที่สามปีที่สิบเอ็ด พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกล่าวแก่ฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์และกองกำลังต่างๆ ของเขาว่า
“ ‘ใครจะยิ่งใหญ่เทียบกับเจ้าได้?
3 จงพิจารณาอัสซีเรีย ครั้งหนึ่งเคยเป็นสนซีดาร์ในเลบานอน
กิ่งก้านงดงามแผ่ร่มเงาในป่า
มันสูงเสียดฟ้า
และชูยอดสง่าเหนือพุ่มหนา
4 สายน้ำหล่อเลี้ยงมัน
น้ำบาดาลทำให้มันสูงตระหง่าน
ทางน้ำไหลรอบ
ที่ซึ่งมันโตขึ้น
และส่งน้ำไปหล่อเลี้ยง
บรรดาต้นไม้ในท้องทุ่ง
5 มันจึงสูงตระหง่าน
เหนือต้นไม้ทุกต้นในท้องทุ่ง
มันแตกแขนงมากมาย
กิ่งก้านก็ทอดยาว
แผ่ขยายเพราะน้ำท่าอุดม
6 มวลนกในอากาศ
มาทำรังบนกิ่งไม้
บรรดาสัตว์ในทุ่ง
มาคลอดลูกใต้กิ่งก้านของมัน
มวลประชาชาติใหญ่
มาอาศัยในร่มเงาของมัน
7 มันงามโอ่อ่า
เพราะกิ่งก้านที่แตกแขนงออกไป
เพราะรากของมันหยั่งลึก
ลงในน้ำอันอุดมสมบูรณ์
8 สนซีดาร์ทั้งหลายในอุทยานของพระเจ้า
ไม่อาจแข่งกับมัน
ทั้งต้นสนทั้งหลายและบรรดาต้นเปลน
ก็ไม่อาจเทียบกับกิ่งก้านสาขาของมันได้
ไม่มีต้นไม้ใดๆ ในอุทยานของพระเจ้า
ทัดเทียมความงามของมันได้เลย
9 เราทำให้มันงดงาม
มีกิ่งก้านหนาแน่น
เป็นที่อิจฉาริษยาของต้นไม้ทุกต้น
ในเอเดนอุทยานของพระเจ้า
10 “ ‘ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เนื่องจากมันสูงเสียดฟ้า ชูยอดเหนือพุ่มหนา แล้วมันก็หยิ่งผยองเพราะความสูงของตน 11 เราจึงมอบมันไว้ในมือของผู้ครอบครองประชาชาติทั้งหลาย ให้จัดการกับมันอย่างสาสมตามความชั่วร้าย เราเหวี่ยงมันทิ้งไป 12 และผู้อำมหิตที่สุดในหมู่ชนต่างชาติก็โค่นมันลงและปล่อยทิ้งไว้ กิ่งก้านของมันตกลงบนภูเขาและหุบเขาต่างๆ กิ่งของมันหักคาอยู่ตามลำห้วยทั้งหลายในดินแดน มวลประชาชาติในโลกออกจากร่มเงาของมันและทิ้งมันไป 13 มวลนกในอากาศอยู่บนต้นไม้ที่หักโค่น และสัตว์ป่าทั้งปวงอยู่ท่ามกลางกิ่งก้านของมัน 14 ฉะนั้นแม้จะมีน้ำท่าบริบูรณ์ ก็ไม่มีต้นไม้อื่นที่อยู่ริมน้ำจะสูงเสียดฟ้าและชูยอดเหนือพุ่มหนาเหมือนมัน มันทั้งหลายถูกกำหนดไว้ให้ถึงฆาต ให้ลงสู่โลกเบื้องล่างร่วมกับมนุษย์อนิจจังและร่วมกับบรรดาคนที่ลงหลุม
15 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ในวันที่มันถูกนำลงหลุมฝังศพ เรากั้นธารน้ำลึกเป็นการไว้อาลัยแก่มัน เราระงับธารน้ำและน้ำท่าอันบริบูรณ์ไว้ เราเอาความหม่นหมองห่อหุ้มเลบานอน และบรรดาต้นไม้ในทุ่งก็เหี่ยวเฉาไปเพราะต้นไม้นั้น 16 เราทำให้บรรดาประชาชาติสั่นสะท้าน เมื่อได้ยินเสียงความล่มจมของมัน เมื่อเรานำมันลงหลุมศพร่วมกับบรรดาผู้ลงเหว แล้วต้นไม้ทั้งสิ้นในสวนเอเดน พร้อมกับต้นไม้ชั้นเยี่ยมที่สุดของเลบานอน มวลต้นไม้ที่ได้รับการหล่อเลี้ยงอย่างดี ก็ได้รับการปลอบประโลมในโลกบาดาล 17 บรรดาคนที่อาศัยในร่มเงาของมัน ซึ่งเป็นประชาชาติที่เป็นพันธมิตรก็ได้ลงหลุมฝังศพไปกับมันพร้อมทั้งบรรดาผู้ที่ถูกฆ่าด้วยดาบ
18 “ ‘ต้นไม้ต้นใดในเอเดนที่จะโอ่อ่าและยิ่งใหญ่เท่าเทียมกับเจ้า? ถึงกระนั้นเจ้าก็จะถูกนำลงสู่โลกบาดาลร่วมกับบรรดาต้นไม้ในเอเดนเช่นกัน เจ้าจะนอนอยู่ท่ามกลางผู้ไม่ได้เข้าสุหนัต กับบรรดาผู้ที่ถูกฆ่าด้วยดาบ
“ ‘นี่คือฟาโรห์กับกองกำลังทั้งสิ้นของเขา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น’ ”
(บทสดุดีของอาสาฟ)
79 ข้าแต่พระเจ้า ชนชาติทั้งหลายได้รุกรานกรรมสิทธิ์ของพระองค์
พวกเขาทำให้พระวิหารศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์เป็นมลทิน
พวกเขาทำให้เยรูซาเล็มกลายเป็นซากปรักหักพัง
2 พวกเขาปล่อยให้ศพผู้รับใช้ของพระองค์
เป็นอาหารของฝูงนกในอากาศ
ให้เนื้อประชากรของพระองค์ตกเป็นอาหารของสัตว์ร้ายในแผ่นดิน
3 พวกเขาทำให้เลือดหลั่งรินทั่วเยรูซาเล็ม
ดั่งน้ำนอง
ไม่มีใครสักคนที่จะจัดการฝังศพ
4 ข้าพระองค์ทั้งหลายตกเป็นคำเปรียบเปรยของเพื่อนบ้าน
เป็นที่ดูหมิ่นและเยาะเย้ยของชนชาติโดยรอบ
5 อีกนานเพียงใด ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า? พระองค์จะทรงพระพิโรธไปตลอดกาลหรือ?
อีกนานเพียงใดที่ความหึงหวงของพระองค์จะเผาผลาญดั่งไฟ?
6 ขอทรงเทพระพิโรธลงเหนือชนชาติทั้งหลาย
ที่ไม่ยอมรับพระองค์
ลงเหนืออาณาจักรต่างๆ
ที่ไม่ยอมร้องทูลโดยออกพระนามของพระองค์
7 เพราะพวกเขาได้กลืนกินยาโคบ
และทำลายล้างภูมิลำเนาของเขา
8 ขออย่าทรงให้โทษบาปของบรรพบุรุษมาตกกับข้าพระองค์ทั้งหลาย
ขอพระเมตตามาถึงข้าพระองค์ทั้งหลายโดยเร็ว
เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายตกต่ำที่สุด
9 ข้าแต่พระเจ้าองค์พระผู้ช่วยให้รอดของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายเถิด
เพื่อเห็นแก่เกียรติสิริแห่งพระนามของพระองค์
โปรดช่วยกู้และอภัยบาปของข้าพระองค์ทั้งหลาย
เพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์
10 เหตุใดจะให้ชนชาติต่างๆ พูดได้ว่า
“พระเจ้าของพวกเขาอยู่ที่ไหน?”
ต่อหน้าต่อตาของเรา ขอให้ชนชาติทั้งหลายรับรู้โดยทั่วกันว่า
พระเจ้าทรงแก้แค้นแทนโลหิตที่หลั่งรินของผู้รับใช้ของพระองค์
11 ขอให้เสียงครวญครางของเหล่านักโทษมาถึงต่อหน้าพระองค์
โดยอานุภาพแห่งพระกรของพระองค์
ขอทรงไว้ชีวิตผู้ถูกสั่งประหาร
12 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงแก้แค้นบรรดาคนที่อยู่ล้อมรอบข้าพระองค์
ซึ่งกำลังลบหลู่พระองค์ให้รับโทษหนักถึงเจ็ดเท่า
13 แล้วข้าพระองค์ทั้งหลายผู้เป็นประชากรของพระองค์
เป็นแกะแห่งทุ่งหญ้าของพระองค์
จะสรรเสริญพระองค์เป็นนิตย์
ข้าพระองค์ทั้งหลายจะสรรเสริญเทิดทูนพระองค์สืบไปทุกชั่วอายุ
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.