Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
2 ซามูเอล 6

ดาวิดอัญเชิญหีบพันธสัญญามายังเยรูซาเล็ม(A)

แล้วดาวิดนำพลอิสราเอลที่เลือกสรรแล้วสามหมื่นคน ไปยังบาอาลาห์แห่งยูดาห์[a] เพื่ออัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้าซึ่งเรียกตามพระนามคือ พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ผู้ประทับระหว่างเครูบบนหีบนั้น พวกเขาตั้งหีบพันธสัญญาของพระเจ้าบนเกวียนใหม่ และนำลงมาจากบ้านของอาบีนาดับซึ่งอยู่บนภูเขา โดยมีอุสซาห์กับอาหิโยบุตรอาบีนาดับเป็นผู้นำเกวียน ที่บรรทุกหีบพันธสัญญาของพระเจ้าและอาหิโยเดินนำหน้า ดาวิดและปวงชนอิสราเอลเฉลิมฉลองอย่างเต็มที่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า มีการขับร้องและบรรเลงดนตรี[b]ด้วยพิณเขาคู่ พิณใหญ่ รำมะนา กรับและฉาบ

เมื่อพวกเขามาถึงลานนวดข้าวของนาโคน วัวสะดุดเสียหลัก อุสซาห์ยื่นมือออกไปยึดหีบพันธสัญญาของพระเจ้าไว้ พระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงพลุ่งขึ้นต่ออุสซาห์ และทรงประหารเขาที่บังอาจทำอย่างไม่ยำเกรงพระองค์ เขาตายอยู่ข้างหีบพันธสัญญาของพระเจ้า

ดาวิดไม่พอพระทัยเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธอุสซาห์ ที่แห่งนั้นจึงได้ชื่อว่า เปเรศอุสซาห์[c]จวบจนบัดนี้

ในวันนั้นดาวิดรู้สึกเกรงกลัวองค์พระผู้เป็นเจ้าและตรัสว่า “เราจะนำหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้ากลับบ้านได้อย่างไร?” 10 ฉะนั้นจึงทรงดำริไม่นำหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้ากลับมายังเมืองดาวิด แต่นำไปไว้ที่บ้านของโอเบดเอโดมแห่งกัท 11 หีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามเดือน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรแก่โอเบดเอโดมแห่งกัทและทุกคนในครัวเรือน

12 มีคนมาทูลกษัตริย์ดาวิดว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรครอบครัวโอเบดเอโดมและทุกสิ่งที่เขามีเนื่องด้วยหีบพันธสัญญาของพระเจ้า” ดังนั้นดาวิดจึงเสด็จไปอัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้าจากบ้านของโอเบดเอโดมมายังเมืองดาวิดด้วยความยินดี 13 เมื่อผู้หามหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเดินไปได้หกก้าว ดาวิดก็ถวายวัวผู้หนึ่งตัวและลูกวัวขุนหนึ่งตัว 14 ดาวิดทรงสวมเอโฟดลินิน เต้นรำต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดกำลัง 15 ดาวิดและอิสราเอลทั้งปวงอัญเชิญหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาท่ามกลางเสียงโห่ร้องและเสียงแตร

16 ขณะที่หีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าผ่านเข้ามาในเมืองดาวิด มีคาลราชธิดาของซาอูลมองจากหน้าต่างเห็นกษัตริย์ดาวิดทรงโลดเต้นและร่ายรำต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าก็นึกดูแคลนอยู่ในใจ

17 พวกเขาอัญเชิญหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาตั้งไว้ในเต็นท์ซึ่งดาวิดทรงจัดเตรียมไว้ แล้วดาวิดถวายเครื่องเผาบูชา และเครื่องสันติบูชาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า 18 หลังจากที่ถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสันติบูชาเสร็จแล้ว ดาวิดก็ทรงอำนวยพรแก่ประชากรในพระนามของพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ 19 และประทานขนมปัง อินทผลัมอัด และขนมลูกเกดอย่างละหนึ่งก้อนแก่ทุกคนทั้งชายและหญิง แล้วประชาชนทั้งปวงพากันกลับบ้าน

20 ส่วนดาวิดเสด็จกลับวังมาอวยพรแก่บรรดาเชื้อพระวงศ์ แต่มีคาลราชธิดาของซาอูลออกมารับเสด็จ และตรัสว่า “วันนี้กษัตริย์แห่งอิสราเอลสง่าภาคภูมิจริงนะ ทรงเปลื้องอาภรณ์ต่อหน้าทาสหญิงเหมือนคนถ่อยไร้ยางอาย!”

21 ดาวิดตรัสว่า “เราทำเช่นนี้ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเลือกและแต่งตั้งเราให้เป็นผู้ปกครองเหนืออิสราเอลประชากรขององค์พระผู้เป็นเจ้าแทนที่จะเลือกราชบิดาของเจ้าหรือคนใดคนหนึ่งในวงศ์ตระกูลของเขา ดังนั้นเราจะเฉลิมฉลองต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า 22 แม้ว่าเราจะดูไร้เกียรติมากกว่านี้และดูด้อยค่าในสายตาของเราเอง แต่พวกทาสหญิงที่เจ้าเอ่ยมาก็จะยังคงให้เกียรติเรา”

23 และมีคาลราชธิดาของซาอูลก็ไม่มีราชโอรสราชธิดาเลยตลอดชีวิต

1 โครินธ์ 16

การเรี่ยไรเพื่อประชากรของพระเจ้า

16 เกี่ยวกับการเรี่ยไรเพื่อประชากรของพระเจ้านั้น ขอให้ท่านทำเหมือนที่ข้าพเจ้าบอกแก่คริสตจักรต่างๆ ในกาลาเทีย ทุกวันต้นสัปดาห์ท่านแต่ละคนควรแยกเงินจำนวนหนึ่งตามความเหมาะสมกับรายได้ของตน เก็บสะสมเงินนี้ไว้เพื่อเมื่อข้าพเจ้ามาจะได้ไม่ต้องเรี่ยไร แล้วเมื่อข้าพเจ้ามาก็จะมอบจดหมายแนะนำตัวให้กับคนที่ท่านเห็นชอบ และส่งพวกเขาไปยังกรุงเยรูซาเล็มพร้อมกับเงินถวายของท่าน หากเป็นการเหมาะสมที่ข้าพเจ้าจะไปด้วย คนเหล่านั้นก็จะไปพร้อมกับข้าพเจ้า

คำขอร้องส่วนตัว

เมื่อข้าพเจ้าผ่านแคว้นมาซิโดเนียแล้วจะมาหาท่าน เพราะข้าพเจ้าจะเดินทางผ่านมาซิโดเนีย ข้าพเจ้าอาจจะพักอยู่กับพวกท่านระยะหนึ่งหรืออยู่จนสิ้นฤดูหนาวก็เป็นได้ เพื่อท่านจะได้ช่วยเหลือข้าพเจ้าในการเดินทางไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม ตอนนี้ข้าพเจ้าแค่ผ่านมาและไม่อยากพบปะกับท่านเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ถ้าพระเจ้าทรงอนุญาต ข้าพเจ้าหวังว่าจะได้ใช้เวลาอยู่กับพวกท่านสักระยะหนึ่ง แต่ข้าพเจ้าจะอยู่ที่เมืองเอเฟซัสต่อจนถึงเทศกาลเพ็นเทคอสต์ เพราะประตูได้เปิดกว้างให้ข้าพเจ้าทำงานอย่างเกิดผล แต่คนต่อต้านข้าพเจ้าก็มีมาก

10 หากทิโมธีมา ขอท่านช่วยดูแลไม่ให้เขาหวั่นเกรงสิ่งใดขณะที่เขาอยู่กับท่าน เพราะเขาก็ทำงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนกับข้าพเจ้า 11 ฉะนั้นอย่าให้ใครปฏิเสธที่จะยอมรับเขา ช่วยส่งเขาเดินทางต่อไปอย่างสันติเพื่อเขาจะได้กลับมาหาข้าพเจ้า ข้าพเจ้ากำลังคอยเขากับพวกพี่น้องอยู่

12 เกี่ยวกับอปอลโลพี่น้องของเรานั้น ข้าพเจ้าคะยั้นคะยอให้เขามาหาท่านพร้อมกับพวกพี่น้อง แต่เขายังไม่ประสงค์จะมาตอนนี้ เขาจะมาเมื่อมีโอกาส

13 ท่านทั้งหลายจงระมัดระวัง ยืนหยัดมั่นคงในความเชื่อ เด็ดเดี่ยวกล้าหาญและเข้มแข็ง 14 จงทำทุกสิ่งด้วยความรัก

15 ท่านทั้งหลายทราบอยู่ว่าครอบครัวของสเทฟานัสเป็นผู้กลับใจกลุ่มแรกในแคว้นอาคายา และพวกเขาถวายตัวรับใช้ประชากรของพระเจ้า พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอให้ท่าน 16 ยอมเชื่อฟังคนเหล่านี้และทุกคนที่ร่วมงานร่วมตรากตรำ 17 ข้าพเจ้าดีใจเมื่อสเทฟานัส ฟอร์ทูนาทัส กับอาคายคัสมาถึง เพราะพวกเขาได้ให้สิ่งที่ข้าพเจ้าไม่ได้รับจากท่าน 18 พวกเขาได้ฟื้นจิตใจของข้าพเจ้าและของท่านทั้งหลายขึ้นใหม่ด้วย คนเช่นนี้สมควรได้รับการนับถือ

คำลงท้าย

19 คริสตจักรต่างๆ ในแถบแคว้นเอเชียฝากความคิดถึงมายังท่านทั้งหลาย อาควิลลากับปริสสิลลา[a] และคริสตจักรในบ้านของพวกเขาฝากความคิดถึงในองค์พระผู้เป็นเจ้ามายังท่าน 20 พี่น้องทั้งปวงที่นี่ฝากความคิดถึงมายังท่าน จงทักทายกันด้วยการจุมพิตอันบริสุทธิ์

21 คำลงท้ายนี้ข้าพเจ้าเปาโลเขียนด้วยมือของข้าพเจ้าเอง

22 ถ้าผู้ใดไม่รักองค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้ผู้นั้นถูกสาปแช่ง ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดเสด็จมาเถิด[b]!

23 ขอพระคุณขององค์พระเยซูเจ้าดำรงอยู่กับท่านทั้งหลาย

24 ข้าพเจ้าขอส่งความรักมายังท่านทุกคนในพระเยซูคริสต์ อาเมน[c]

เอเสเคียล 14

คำพิพากษาบรรดาผู้กราบไหว้รูปเคารพ

14 ผู้อาวุโสของอิสราเอลบางคนเข้ามาหาข้าพเจ้าและมานั่งอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า แล้วพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย คนเหล่านี้เทิดทูนรูปเคารพอยู่ในใจ และวางสิ่งชั่วร้ายซึ่งทำให้สะดุดไว้ตรงหน้าตน ควรหรือที่เราจะยอมให้เขามาสอบถามอะไรจากเรา? ดังนั้นจงพูดและจงบอกพวกเขาเถิดว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่าเมื่อชาวอิสราเอลคนใดเทิดทูนรูปเคารพต่างๆ ไว้ในใจ และวางสิ่งชั่วร้ายซึ่งทำให้สะดุดไว้ตรงหน้าแล้วยังมาหาผู้เผยพระวจนะ เราผู้เป็นพระยาห์เวห์จะตอบเขาเองเกี่ยวกับการกราบไหว้รูปเคารพต่างๆ มากมายของเขา เราจะทำเช่นนั้นเพื่อยึดจิตใจประชากรอิสราเอลที่ทอดทิ้งเราและหันไปหารูปเคารพนั้นกลับคืนมา’

“ฉะนั้นจงกล่าวแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอลว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า จงกลับใจใหม่! จงหันจากรูปเคารพต่างๆ และเลิกการกระทำทุกอย่างที่น่าเกลียดชัง!

“ ‘เมื่อชาวอิสราเอลหรือชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ในอิสราเอลคนใดแยกตัวจากเรา และเทิดทูนรูปเคารพไว้ในใจ ทั้งวางสิ่งชั่วร้ายซึ่งทำให้สะดุดไว้ตรงหน้า แล้วไปหาผู้เผยพระวจนะเพื่อสอบถามอะไรจากเรา เราผู้เป็นพระยาห์เวห์จะตอบเขาเอง เราจะตั้งตนเป็นศัตรูกับเขา ทำให้เขาเป็นอุทาหรณ์ เป็นคำเปรียบเปรย เราจะตัดเขาออกจากประชากรของเรา เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์

“ ‘และหากผู้เผยพระวจนะคนนั้นถูกโน้มน้าวให้กล่าวพยากรณ์ เราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้โน้มน้าวเขาเอง และเราจะเหยียดมือออกต่อสู้และทำลายล้างเขาไปจากหมู่ประชากรอิสราเอลของเรา 10 ทั้งคู่ต้องรับโทษของตน ผู้เผยพระวจนะก็ผิดพอๆ กับคนที่มาปรึกษาเขา 11 แล้วประชากรอิสราเอลจะไม่หลงเตลิดไปจากเราอีก ทั้งจะไม่ปล่อยตัวให้แปดเปื้อนบาปทั้งปวงอีก พวกเขาจะเป็นประชากรของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น’ ”

คำพิพากษาที่ไม่มีทางเลี่ยง

12 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 13 “บุตรมนุษย์เอ๋ย หากดินแดนหนึ่งทำบาปโดยไม่ซื่อสัตย์ต่อเรา และเราเหยียดมือออกลงโทษโดยตัดแหล่งอาหารของเขา แล้วส่งการกันดารอาหารมาคร่าชีวิตของคนและสัตว์ 14 แม้คนทั้งสามนี้คือ โนอาห์ ดาเนียล[a] และโยบอยู่ในดินแดนนั้นด้วย พวกเขาก็เพียงแต่ช่วยตัวเองให้รอดโดยความชอบธรรมของตนเท่านั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

15 “หรือหากเราส่งบรรดาสัตว์ป่ามาทั่วดินแดนนั้นและให้พวกมันคร่าชีวิตผู้คนจนกลายเป็นถิ่นร้าง เพื่อที่จะไม่มีใครกล้าสัญจรไปมาเพราะสัตว์ร้ายนั้น 16 เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด แม้คนทั้งสามนั้นอยู่ที่นั่นด้วย เขาก็ไม่สามารถช่วยลูกชายลูกสาวของตนได้ฉันนั้น พวกเขาจะช่วยได้แต่ตนเองเท่านั้น ส่วนดินแดนนั้นจะถูกทิ้งร้างไป” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

17 “หรือหากเรานำดาบมาฟาดฟันดินแดนนั้นและกล่าวว่า ‘ให้ดาบกวัดแกว่งไปทั่วดินแดนนั้น’ และฆ่าทั้งคนและสัตว์ 18 เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด แม้คนทั้งสามนั้นอยู่ที่นั่นด้วย เขาก็ไม่สามารถช่วยลูกชายลูกสาวของตนได้ฉันนั้น ตัวเขาเองเท่านั้นที่รอด” พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

19 “หรือหากเราส่งโรคระบาดมาเล่นงานดินแดนนั้น และระบายโทสะของเราออกเหนือแผ่นดินนั้นด้วยการนองเลือด โดยการเข่นฆ่าผู้คนและสัตว์ให้ล้มตาย 20 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่า เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด แม้โนอาห์ ดาเนียล และโยบอยู่ที่นั่นด้วย ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตลูกชายลูกสาวของตนได้ฉันนั้น พวกเขาช่วยได้แต่ตนเองโดยความชอบธรรมของพวกเขาเท่านั้น

21 “เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า จะเลวร้ายยิ่งกว่านั้นสักเพียงใด เมื่อเราส่งโทษทัณฑ์ที่น่าสะพรึงกลัวทั้งสี่ประการของเรามายังเยรูซาเล็มคือ สงคราม การกันดารอาหาร สัตว์ร้าย และโรคระบาด เพื่อเข่นฆ่าทั้งคนและสัตว์! 22 แต่จะยังมีผู้รอดชีวิตอยู่บ้าง คือบุตรชายบุตรสาวที่ถูกนำตัวออกมา พวกเขาจะมาหาเจ้า เมื่อเจ้าเห็นความประพฤติ และการกระทำของพวกเขาแล้ว เจ้าจะใจชื้นขึ้นกับภัยพิบัติที่เรานำมาสู่เยรูซาเล็ม คือภัยพิบัติทุกอย่างที่เราได้นำมายังกรุงนี้ 23 เจ้าจะใจชื้นขึ้นเมื่อเห็นความประพฤติและการกระทำของพวกเขา เพราะเจ้าจะรู้ว่าเราไม่ได้ทำลงไปโดยไร้เหตุ พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น”

สดุดี 55

(ถึงหัวหน้านักร้อง ใช้เครื่องสาย มัสคิล[a]ของดาวิด)

55 ข้าแต่พระเจ้า โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์
ขออย่าทรงเพิกเฉยต่อคำทูลวิงวอนของข้าพระองค์
ขอทรงสดับและทรงตอบเถิด
ความคิดรบกวนจิตใจของข้าพระองค์และข้าพระองค์วิตกกังวล
เพราะเสียงของศัตรู
เพราะการจับจ้องของคนชั่ว
พวกเขานำความทุกข์ทรมานมายังข้าพระองค์
และเหยียดหยามข้าพระองค์ด้วยความโกรธ

จิตใจข้าพระองค์ร้าวรานอยู่ภายใน
ความหวาดผวาต่อความตายจู่โจมข้าพระองค์
ความกลัวและความหวาดหวั่นครอบงำข้าพระองค์
ความหวาดกลัวท่วมท้นข้าพระองค์
ข้าพระองค์กล่าวว่า “โอ ข้าพเจ้าอยากมีปีกเหมือนนกพิราบ!
จะได้บินจากไปและพักสงบ
ข้าพเจ้าจะหนีไปไกลลิบ
และพักอยู่ในถิ่นกันดาร
เสลาห์
ข้าพเจ้าจะรีบรุดไปยังที่กำบัง
ให้ไกลจากมรสุมและพายุร้ายนี้”

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงทำให้คนชั่วสับสนอลหม่าน ทำให้ภาษาของเขายุ่งเหยิงไป
เพราะข้าพระองค์เห็นความรุนแรงและการรบราฆ่าฟันในเมือง
10 พวกเขาป้วนเปี้ยนอยู่บนกำแพงทั้งวันทั้งคืน
ความมุ่งร้ายและการทารุณอยู่ในเมือง
11 พวกบ่อนทำลายปฏิบัติการอยู่ในเมือง
การข่มขู่และล่อลวงมีไม่ขาดตามท้องถนน

12 หากเป็นศัตรูมาสบประมาทข้าพเจ้า ข้าพเจ้ายังพอจะทนได้
หากเป็นปฏิปักษ์ที่ลุกขึ้นต่อต้านข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไปซ่อนตัวเสีย
13 แต่นี่เป็นท่านเอง ซึ่งเป็นคนอย่างข้าพเจ้า
เพื่อนร่วมทาง เพื่อนสนิทของข้าพเจ้า
14 ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งข้าพเจ้าเคยโอภาปราศรัยด้วยอย่างหวานชื่น
ขณะที่เราเดินเคียงกันไปกับฝูงชนที่พระนิเวศของพระเจ้า

15 ขอให้ความตายมาถึงเหล่าศัตรูของข้าพเจ้าโดยที่พวกเขาไม่ทันตั้งตัว
ขอให้เขาลงไปยังแดนมรณาทั้งเป็น
เพราะความชั่วอยู่ในหมู่พวกเขา

16 ส่วนข้าพเจ้าร้องทูลพระเจ้า
และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยข้าพเจ้า
17 ยามเย็น ยามเช้า และยามเที่ยง
ข้าพเจ้าร้องทูลด้วยความทุกข์ลำเค็ญ
และพระองค์ทรงได้ยินเสียงของข้าพเจ้า
18 พระองค์ทรงช่วยข้าพเจ้าพ้นจากอันตราย
จากสงครามที่เล่นงานข้าพเจ้า
แม้ข้าศึกมากมายต่อสู้กับข้าพเจ้า
19 พระเจ้าผู้ทรงครอบครองอยู่นิรันดร์
จะทรงได้ยินและทำให้พวกเขาทุกข์ยาก
เสลาห์
ผู้ซึ่งไม่ยอมเปลี่ยนวิถีทาง
และไม่ยำเกรงพระเจ้า

20 เพื่อนของข้าพเจ้าโจมตีเพื่อนของเขา
เขาละเมิดพันธสัญญา
21 ถ้อยคำของเขาลื่นเหมือนเนย
แต่สงครามอยู่ในใจของเขา
ถ้อยคำของเขาละมุนละไมยิ่งกว่าน้ำมัน
แต่ถ้อยคำเหล่านั้นเหมือนดาบที่ชักออก
จากฝัก

22 จงมอบภาระของท่านไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้า
พระองค์จะทรงค้ำชูท่านไว้
พระองค์จะไม่ทรงปล่อยให้คนชอบธรรมล้มลง
23 ข้าแต่พระเจ้า แต่พระองค์จะทรงส่งคนชั่ว
ลงไปในแดนพินาศ
คนกระหายเลือดและคนเจ้าเล่ห์
จะไม่มีชีวิตยืนยาวถึงครึ่งอายุขัยของเขา

แต่สำหรับข้าพระองค์ ข้าพระองค์วางใจในพระองค์

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.