Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
2 ซามูเอล 21

แก้แค้นให้ชาวกิเบโอน

21 ในรัชกาลของดาวิด เกิดการกันดารอาหารติดต่อกันเป็นเวลาสามปี ดาวิดจึงร้องทูลต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เป็นเพราะซาอูลได้สังหารชาวกิเบโอน เขาและครอบครัวต้องรับผิดชอบ”

กษัตริย์ดาวิดจึงทรงเรียกชาวกิเบโอนมาประชุม (กิเบโอนไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอิสราเอล แต่เป็นชาวอาโมไรต์ที่ได้รับการไว้ชีวิตตามที่ชาวอิสราเอลได้ปฏิญาณไว้ แต่ซาอูลพยายามกวาดล้างพวกเขา เพราะความกระตือรือร้นที่จะทำเพื่ออิสราเอลและยูดาห์) ดาวิดตรัสถามชาวกิเบโอนว่า “เราจะทำอะไรให้พวกท่านได้บ้าง? เราจะชดเชยให้ท่านได้อย่างไร เพื่อท่านจะได้อวยพรพวกเราซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า?”

ชาวกิเบโอนตอบว่า “ข้าพระบาททั้งหลายไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องเงินทองจากซาอูลกับราชวงศ์ และก็ไม่มีสิทธิ์เอาชีวิตใครในอิสราเอล”

ดาวิดตรัสว่า “ท่านต้องการให้เราทำอะไร?”

พวกเขากราบทูลว่า “สำหรับคนที่ทำลายล้างและคิดร้ายต่อพวกข้าพระบาทจนวอดวายและระเห็จจากอิสราเอล พวกข้าพระบาทขอลูกหลานที่เป็นชายของเขาเจ็ดคนมาประหารและประจานไว้ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าในเมืองกิเบอาห์ของซาอูลผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกสรร”

ดาวิดตรัสว่า “เราจะมอบคนเหล่านั้นให้ท่าน”

ดาวิดทรงไว้ชีวิตเมฟีโบเชทผู้เป็นโอรสของโยนาธานและเป็นหลานชายของซาอูล เนื่องจากคำมั่นสัญญาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าระหว่างดาวิดกับโยนาธานราชโอรสของซาอูล แต่ทรงมอบตัวอารโมนีกับเมฟีโบเชทราชโอรสของซาอูลซึ่งเกิดจากนางริสปาห์ธิดาของอัยยาห์ ทั้งทรงมอบบุตรชายห้าคนของนางเมราบ[a] ราชธิดาของซาอูลซึ่งเกิดกับอาดรีเอลบุตรบารซิลลัยแห่งเมโหลาห์ ชาวกิเบโอนประหารและประจานคนเหล่านั้นไว้บนภูเขาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าคนทั้งเจ็ดก็สิ้นชีวิต ขณะนั้นเป็นต้นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวบาร์เลย์

10 นางริสปาห์ธิดาของอัยยาห์คลี่ผ้ากระสอบลงบนหินก้อนหนึ่งสำหรับตน และพักอยู่ที่นั่นตลอดฤดูเก็บเกี่ยวจนฝนเริ่มโปรยปรายลงบนร่างเหล่านั้น นางคอยไล่นกแร้งที่จะมาจิกกินซากศพในเวลากลางวันและฝูงสัตว์ป่าในเวลากลางคืน 11 เมื่อดาวิดทรงทราบถึงการกระทำของนางริสปาห์ซึ่งเป็นธิดาของอัยยาห์และเป็นสนมของซาอูล 12 ก็เสด็จไปนำอัฐิของซาอูลกับโยนาธานราชโอรสมาจากชาวยาเบชกิเลอาด (ผู้แอบไปนำพระศพของซาอูลกับโยนาธานมาจากลานเมืองเบธชาน ที่ซึ่งคนฟีลิสเตียแขวนทั้งสองพระองค์ไว้หลังจากพวกเขารบชนะซาอูลที่กิลโบอา) 13 ดาวิดนำอัฐิของซาอูลกับโยนาธานราชโอรสมาจากที่นั่น และรวบรวมกระดูกของผู้ที่ถูกประหารและถูกประจานไว้ด้วยกัน

14 พวกเขาก็ฝังอัฐิของซาอูลกับโยนาธานราชโอรสไว้ในอุโมงค์ฝังศพของคีชบิดาของซาอูลที่เศลาเขตเบนยามิน และทำทุกสิ่งตามที่กษัตริย์ตรัสสั่ง หลังจากนั้นพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานเพื่อดินแดนนั้น

สงครามกับชาวฟีลิสเตีย(A)

15 คนฟีลิสเตียมาสู้รบกับอิสราเอลอีก ดาวิดเสด็จลงไปกับทหารเพื่อต่อสู้กับคนฟีลิสเตีย และดาวิดทรงเหน็ดเหนื่อยและหมดกำลัง 16 อิชบีเบโนบวงศ์วานของราฟาเจ้าของหอกทองสัมฤทธิ์หนักประมาณ 3.5 กิโลกรัม[b] คาดดาบเล่มใหม่หมายจะปลงพระชนม์ดาวิด 17 แต่อาบีชัยบุตรนางเศรุยาห์ตรงรี่เข้ามาช่วยสังหารชาวฟีลิสเตียคนนั้น จากนั้นทหารของดาวิดประกาศว่า “ฝ่าพระบาทอย่าทรงออกรบอีกเลย เพื่อไม่ให้ดวงประทีปของอิสราเอลต้องดับไป”

18 ต่อมาในระหว่างการรบกับชาวฟีลิสเตียที่เมืองโกบ สิบเบคัยชาวหุชาห์ได้สังหารสัฟวงศ์วานของราฟา

19 และในการรบกับฟีลิสเตียอีกครั้งหนึ่งที่โกบ เอลฮานันบุตรยาอาเรโอเรกิม[c]ชาวเบธเลเฮม สังหารน้องชายของ[d]โกลิอัท ชาวกัท ผู้ซึ่งถือหอกด้ามใหญ่เหมือนไม้กระพั่นทอผ้า

20 ในการรบอีกครั้งที่เมืองกัท คนร่างยักษ์ผู้หนึ่งมีนิ้วมือนิ้วเท้าข้างละ 6 นิ้วรวมเป็น 24 นิ้วซึ่งเป็นวงศ์วานราฟาเช่นกัน 21 ได้มาข่มขู่อิสราเอล แต่ถูกโยนาธานบุตรชิเมอาพี่ชายของดาวิดสังหาร

22 ดาวิดและทหารปลิดชีพคนทั้งสี่นี้ซึ่งเป็นวงศ์วานของราฟาแห่งเมืองกัท

กาลาเทีย 1

จดหมายฉบับนี้จากข้าพเจ้าเปาโลผู้เป็นอัครทูต ข้าพเจ้าไม่ได้ถูกส่งมาจากมนุษย์หรือโดยมนุษย์ แต่โดยพระเยซูคริสต์และพระเจ้าพระบิดาผู้ทรงให้พระองค์เป็นขึ้นจากตาย และบรรดาพี่น้องที่อยู่กับข้าพเจ้า

ถึงคริสตจักรต่างๆ ในแคว้นกาลาเทีย

ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเราและจากองค์พระเยซูคริสต์เจ้ามีแก่ท่านทั้งหลาย พระเยซูทรงสละพระองค์เองเพื่อบาปของเราทั้งหลาย ทั้งนี้เพื่อช่วยเราจากยุคอันชั่วร้ายนี้ตามพระประสงค์ของพระเจ้าและพระบิดาของเรา ขอถวายพระเกียรติสิริแด่พระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน

ไม่มีข่าวประเสริฐอื่น

ข้าพเจ้าประหลาดใจที่ท่านทั้งหลายทิ้งพระองค์ผู้ทรงเรียกท่านโดยพระคุณของพระคริสต์ไปอย่างรวดเร็ว และหันไปหาข่าวประเสริฐอื่น ซึ่งไม่ใช่ข่าวประเสริฐเลย เห็นได้ชัดว่าบางคนกำลังทำให้ท่านสับสนวุ่นวายและพยายามบิดเบือนข่าวประเสริฐของพระคริสต์ ไม่ว่าเราหรือทูตสวรรค์ หากประกาศข่าวประเสริฐอื่นซึ่งต่างจากข่าวประเสริฐที่เราได้ประกาศแก่ท่าน ขอให้ผู้นั้นถูกสาปแช่งชั่วนิรันดร์! ดังที่เราได้บอกไว้แล้ว บัดนี้ข้าพเจ้าขอกล่าวย้ำอีกครั้งว่าหากใครประกาศข่าวประเสริฐอื่นแก่ท่านนอกเหนือจากที่ท่านได้รับไว้แล้ว ขอให้ผู้นั้นถูกสาปแช่งชั่วนิรันดร์!

10 นี่ข้าพเจ้ากำลังมุ่งให้มนุษย์หรือพระเจ้ายอมรับกันแน่? หรือว่าข้าพเจ้ากำลังพยายามทำให้มนุษย์พอใจ? หากข้าพเจ้ากำลังพยายามทำให้มนุษย์พอใจ ข้าพเจ้าก็ไม่ใช่ผู้รับใช้ของพระคริสต์

พระเจ้าทรงเรียกเปาโล

11 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าอยากให้ท่านทราบว่าข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าประกาศนั้นไม่ใช่เรื่องที่มนุษย์แต่งขึ้น 12 ข้าพเจ้าไม่ได้รับข่าวประเสริฐนี้จากมนุษย์คนใดหรือมีคนมาสอน แต่รับการทรงสำแดงจากพระเยซูคริสต์

13 ในเมื่อท่านก็ทราบว่าเมื่อก่อนขณะยังถือศาสนายิวข้าพเจ้าใช้ชีวิตอย่างไร ข้าพเจ้าได้ข่มเหงคริสตจักรของพระเจ้าอย่างรุนแรงและพยายามจะทำลายให้สิ้น 14 เมื่ออยู่ในศาสนายิวข้าพเจ้าก้าวหน้ากว่าพี่น้องยิวหลายคนในรุ่นเดียวกัน และหัวรุนแรงอย่างยิ่งในการยึดถือประเพณีตามบรรพบุรุษของข้าพเจ้า 15 แต่เมื่อพระเจ้าทรงเลือกข้าพเจ้าไว้ตั้งแต่กำเนิด[a] และทรงเรียกข้าพเจ้าโดยพระคุณของพระองค์ พระองค์พอพระทัย 16 ที่จะสำแดงพระบุตรของพระองค์ในข้าพเจ้า เพื่อให้ข้าพเจ้าประกาศพระบุตรนั้นท่ามกลางชาวต่างชาติ ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ปรึกษามนุษย์คนใด 17 ทั้งไม่ได้ขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อพบบรรดาคนที่เป็นอัครทูตก่อนข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าตรงไปยังประเทศอาระเบียทันที และภายหลังได้กลับมายังเมืองดามัสกัส

18 สามปีต่อมาข้าพเจ้าขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อทำความรู้จักกับเปโตร[b] และพักอยู่กับเขาสิบห้าวัน 19 ข้าพเจ้าไม่ได้พบอัครทูตคนอื่นๆ เลยนอกจากยากอบน้องขององค์พระผู้เป็นเจ้า 20 ข้าพเจ้าขอยืนยันต่อหน้าพระเจ้าว่าที่เขียนมานี้ไม่ได้โกหก 21 หลังจากนั้นข้าพเจ้าไปยังเขตแดนซีเรียและซิลีเซีย 22 คริสตจักรต่างๆ ในพระคริสต์ที่แคว้นยูเดียไม่รู้จักข้าพเจ้าเป็นการส่วนตัว 23 พวกเขาเพียงแต่ได้ข่าวว่า “คนที่แต่ก่อนเคยข่มเหงเราเดี๋ยวนี้ประกาศความเชื่อซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยพยายามทำลาย” 24 และพวกเขาสรรเสริญพระเจ้าเนื่องด้วยข้าพเจ้า

เอเสเคียล 28

คำพยากรณ์กล่าวโทษกษัตริย์ไทระ

28 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกล่าวแก่ผู้ปกครองเมืองไทระว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า

“ ‘ด้วยความหยิ่งผยองในจิตใจ
เจ้ากล่าวว่า “ข้าคือเทพเจ้า
ข้านั่งเหนือบัลลังก์ของเทพเจ้า
ที่ใจกลางห้วงสมุทร”
แต่เจ้าเป็นเพียงมนุษย์ ไม่ใช่เทพเจ้า
แม้เจ้าจะคิดว่าตนเองเฉลียวฉลาดเสมอเทพเจ้า
เจ้าฉลาดกว่าดาเนียล[a]หรือ?
ไม่มีความลับใดซ่อนเร้นจากเจ้าหรือ?
โดยสติปัญญาและความเข้าใจ
เจ้าหาทรัพย์สมบัติมาให้ตนเอง
และสะสมเงินทอง
ไว้ในคลังของเจ้า
โดยความช่ำชองในการค้าขาย
เจ้าทำให้ทรัพย์สมบัติของตนทวีขึ้น
และเนื่องจากความมั่งคั่งของเจ้า
จิตใจของเจ้าก็หยิ่งผยองขึ้น

“ ‘ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า

“ ‘เนื่องจากเจ้าคิดว่าตัวเองฉลาด
มีสติปัญญาเสมอเทพเจ้า
เรากำลังจะนำคนต่างชาติมาสู้รบกับเจ้า
เป็นประชาชาติที่อำมหิตที่สุด
พวกเขาจะชักดาบห้ำหั่นความงามและสติปัญญาของเจ้า
และทำลายความโอ่อ่าตระการตาของเจ้า
คนเหล่านั้นจะผลักเจ้าลงสู่เหวลึก
และเจ้าจะถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม
ที่ใจกลางห้วงสมุทร
ถึงตอนนั้นเจ้าจะพูดไหมว่า “ข้าคือเทพเจ้า”
ต่อหน้าบรรดาผู้สังหารเจ้า?
เจ้าจะเป็นเพียงมนุษย์ไม่ใช่เทพเจ้า
ในเงื้อมมือของผู้ที่ปลิดชีวิตเจ้า
10 เจ้าจะตายอย่างคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัต
โดยน้ำมือของชาวต่างชาติ

เราได้ลั่นวาจาไว้ พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น’ ”

11 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 12 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงคร่ำครวญเกี่ยวกับกษัตริย์ไทระและกล่าวแก่เขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า

“ ‘เจ้าเป็นแบบฉบับของความสมบูรณ์
เปี่ยมด้วยสติปัญญาและความงามเพียบพร้อม
13 เจ้าอยู่ในเอเดน
ในอุทยานของพระเจ้า
มีอัญมณีล้ำค่าประดับประดา
ได้แก่ ทับทิม บุษราคัม มรกต
เพชร เพทาย โกเมน
มณีโชติ ไพฑูรย์ และเบริล[b]
ทั้งเรือนและหนามเตย[c]ทำด้วยทองคำ
สิ่งเหล่านี้จัดเตรียมไว้พร้อมสรรพในวันที่สร้างเจ้าขึ้นมา
14 เจ้าได้รับการเจิมตั้งให้เป็นเครูบผู้พิทักษ์
เพราะเราได้กำหนดเจ้าไว้เช่นนั้น
เจ้าอยู่บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า
และดำเนินอยู่ท่ามกลางอัญมณีอันส่องประกายโชติช่วงดุจไฟ
15 ตั้งแต่วันที่เจ้าถูกสร้างขึ้น
ความประพฤติของเจ้าก็ปราศจากที่ติ
จนกระทั่งพบความชั่วร้ายในตัวเจ้า
16 การทำมาค้าขึ้น
ทำให้เจ้าเต็มไปด้วยความอำมหิต
และเจ้าได้ทำบาป
ฉะนั้นเราจึงขับไล่เจ้าไปจากภูเขาของพระเจ้าด้วยความอดสู
เครูบผู้พิทักษ์เอ๋ย เราจึงไล่เจ้าไป
จากท่ามกลางอัญมณีอันส่องประกายโชติช่วงดุจไฟ
17 จิตใจของเจ้าหยิ่งผยอง
เพราะความงามของเจ้า
และเจ้าได้ทำให้สติปัญญาของตนเสื่อมทรามไป
เพราะความโอ่อ่าตระการของตน
ฉะนั้นเราจึงเหวี่ยงเจ้าลงบนแผ่นดินโลก
ทำให้กษัตริย์ทั้งหลายตกตะลึง
18 เจ้าได้ทำให้สถานนมัสการทั้งหลายของเจ้าตกต่ำ
เพราะบาปหนาและการค้าอันทุจริตของเจ้า
ฉะนั้นเราจึงบันดาลไฟออกมาจากเจ้า
เผาผลาญเจ้า
และทำให้เจ้าเหลือแต่เถ้าถ่าน
กองอยู่ที่พื้นต่อหน้าคนพบเห็น
19 มวลประชาชาติที่รู้จักเจ้า
ก็ตกตะลึงเพราะเจ้า
เจ้ามาถึงจุดจบอันน่าสยดสยอง
และไม่มีเจ้าอีกต่อไป’ ”

คำพยากรณ์กล่าวโทษไซดอน

20 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 21 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงประณามไซดอน กล่าวพยากรณ์แก่เมืองนั้นว่า 22 ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า

“ ‘ไซดอนเอ๋ย เราเป็นศัตรูกับเจ้า
และเราจะได้รับเกียรติสิริจากสิ่งที่เราจะทำกับเจ้า
เจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์
เมื่อเราลงอาญาเจ้า
และสำแดงความบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ของเราแก่เจ้า
23 เราจะส่งภัยพิบัติมาเหนือเจ้า
และทำให้เลือดหลั่งนองตามถนนหนทาง
ผู้ที่ถูกสังหารจะล้มตายในเจ้า
ด้วยดาบซึ่งฟาดฟันอยู่รอบด้าน
เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์

24 “ ‘ประชากรอิสราเอลไม่ต้องพบกับเพื่อนบ้านที่ชั่วร้ายซึ่งเป็นหนามทิ่มแทงให้เจ็บปวดอีกต่อไป เมื่อนั้นพวกเขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต

25 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เมื่อเรารวบรวมชนชาติอิสราเอลออกมาจากชาติต่างๆ ที่เขาถูกทำให้กระจัดกระจัดกระจายไปนั้น เราจะสำแดงความบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ของเราผ่านพวกเขาต่อหน้าชนชาติทั้งหลาย จากนั้นพวกเขาจะอาศัยอยู่ในดินแดนของตน ซึ่งเรามอบให้ยาโคบผู้รับใช้ของเรา 26 พวกเขาจะอาศัยอยู่ที่นั่นอย่างปลอดภัย จะสร้างบ้านเรือน ทำสวนองุ่น จะอาศัยอยู่อย่างสงบสุข เมื่อเราลงทัณฑ์บรรดาประเทศเพื่อนบ้านผู้ประทุษร้ายเขา เมื่อนั้นพวกเขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา’ ”

สดุดี 77

(ถึงหัวหน้านักร้อง ถึงเยดูธูน บทสดุดีของอาสาฟ)

77 ข้าพเจ้าร้องทูลขอให้พระเจ้าทรงช่วย
ข้าพเจ้าร้องทูลให้พระเจ้าทรงสดับฟัง
ยามทุกข์ยาก ข้าพเจ้าแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า
ยามค่ำคืนข้าพเจ้าชูมือวิงวอนไม่อ่อนล้า
จิตวิญญาณของข้าพเจ้าไม่ยอมรับการปลอบประโลม

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ระลึกถึงพระองค์ และร้องคร่ำครวญ
ข้าพระองค์ครุ่นคิดและจิตวิญญาณของข้าพระองค์อ่อนระโหยไป
เสลาห์
พระองค์ทรงทำให้ตาของข้าพระองค์ไม่อาจปิดลงได้
ข้าพระองค์ทนทุกข์จนพูดไม่ออก
ข้าพระองค์คิดถึงวันคืนที่ผ่านมา
ปีเดือนซึ่งล่วงเลยมานานแล้ว
ข้าพระองค์นึกถึงบทเพลงที่ร้องในยามค่ำคืน
จิตใจของข้าพระองค์ครุ่นคิดและจิตวิญญาณก็เสาะหา

“องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทอดทิ้งตลอดไปหรือ?
พระองค์จะไม่ทรงโปรดปรานอีกเลยหรือ?
ความรักมั่นคงของพระองค์สูญสิ้นไปเป็นนิตย์แล้วหรือ?
พระสัญญาของพระองค์ล้มเลิกไปตลอดกาลหรือ?
พระเจ้าทรงลืมที่จะเมตตากรุณาแล้วหรือ?
พระองค์ทรงระงับความสงสารเพราะพิโรธแล้วหรือ?”
เสลาห์

10 แล้วข้าพเจ้าก็คิดว่า “ข้าพเจ้าจะร้องอุทธรณ์ในเรื่องนี้
คือเรื่องปีเดือนที่องค์ผู้สูงสุดทรงสำแดงฤทธานุภาพแห่งพระหัตถ์ขวาของพระองค์”[a]
11 ข้าพเจ้าจะระลึกถึงพระราชกิจทั้งปวงขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าจะระลึกถึงการอัศจรรย์ต่างๆ ของพระองค์ในครั้งเก่าก่อน
12 ข้าพเจ้าจะใคร่ครวญถึงพระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์
และตรึกตรองพระราชกิจอันเกรียงไกรทั้งปวงของพระองค์

13 ข้าแต่พระเจ้า พระมรรคาของพระองค์บริสุทธิ์
พระใดเล่ายิ่งใหญ่เสมอเหมือนพระเจ้าของเรา?
14 พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงกระทำการอัศจรรย์
ทรงสำแดงเดชานุภาพท่ามกลางชนชาติต่างๆ
15 โดยพระกรอันเกรียงไกร พระองค์ทรงไถ่ประชากรของพระองค์
คือวงศ์วานยาโคบและโยเซฟ
เสลาห์

16 เมื่อห้วงน้ำเห็นพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า
ห้วงน้ำเห็นพระองค์ก็คร้ามกลัว
ห้วงลึกก็สะทกสะท้าน
17 เมฆเทฝนลงมา ท้องฟ้ากึกก้องคำราม
ลูกศรของพระองค์แวบวาบไปมา
18 เสียงฟ้าร้องของพระองค์ดังมาจากพายุหมุน
ฟ้าแลบจุดประกายสว่างแก่พิภพ
ปฐพีก็สั่นสะเทือนและหวั่นไหว
19 พระมรรคาของพระองค์ผ่านทะเล
ทางของพระองค์ผ่านห้วงน้ำหลาก
แม้ไม่เห็นรอยพระบาทของพระองค์

20 พระองค์ทรงนำประชากรของพระองค์ไปดั่งฝูงแกะ
โดยมือของโมเสสและอาโรน

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.