Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
กันดารวิถี 16

การขัดขืนของโคราห์ ดาธาน และอาบีรัม

16 โคราห์บุตรอิสฮาร์ ผู้เป็นบุตรโคฮาท ผู้เป็นบุตรเลวี ดาธานและอะบีรามบุตรของเอลีอับ (โอนบุตรเปเลท) และบรรดาบุตรรูเบน ทุกคนต่างก็บุ่มบ่าม และพากันมาประท้วงโมเสส พวกเขามาพร้อมกับชาวอิสราเอล 250 คนซึ่งเป็นหัวหน้าของมวลชนที่คัดเลือกมาจากคณะประชุมและเป็นที่รู้จักดี พวกเขามาประชุมร่วมกันเพื่อประท้วงโมเสสและอาโรน โดยกล่าวกับท่านทั้งสองว่า “พวกท่านกระทำเกินเหตุแล้ว เพราะมวลชนทั้งปวงบริสุทธิ์ ไม่เว้นแม้คนเดียว และพระผู้เป็นเจ้าอยู่ท่ามกลางพวกเขา แล้วทำไมท่านยกตัวเองเหนือคณะประชุมของพระผู้เป็นเจ้า ครั้นโมเสสได้ยินก็ซบหน้าลงกับพื้น และท่านพูดกับโคราห์และพวกของเขาว่า “ตอนรุ่งเช้าพระผู้เป็นเจ้าจะแสดงว่าใครเป็นของพระองค์และใครบริสุทธิ์ และพระองค์จะให้คนนั้นเข้ามาใกล้พระองค์ พระองค์จะให้คนที่พระองค์เลือกเป็นผู้มาใกล้พระองค์[a] โคราห์และพรรคพวกจงกระทำอย่างนี้คือ จงเอากระถางไฟของตนมา ตักถ่านที่ลุกแดงใส่กระถางและวางเครื่องหอมไว้บนถ่าน ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าในวันพรุ่งนี้ และชายใดที่พระผู้เป็นเจ้าเลือก ก็จะเป็นผู้บริสุทธิ์ บรรดาบุตรของเลวีเอ๋ย พวกท่านกระทำเกินเหตุไปเสียแล้ว” โมเสสพูดกับโคราห์ว่า “ขอให้บรรดาบุตรของเลวีฟังเถิด เป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับพวกท่านนักหรือ ที่พระเจ้าของอิสราเอลได้แยกท่านออกมาจากมวลชนชาวอิสราเอล เพื่อนำท่านมาอยู่ใกล้พระองค์และปฏิบัติงานในที่พำนักของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อที่จะยืนอยู่ต่อหน้ามวลชน เพื่อช่วยเหลือรับใช้พวกเขา 10 พระองค์ได้นำท่านและพี่น้องชาวเลวีของท่านทุกคนมาใกล้พระองค์ แล้วท่านจะแสวงหาตำแหน่งปุโรหิตด้วยอย่างนั้นหรือ 11 ฉะนั้นที่ท่านและพวกของท่านมาชุมนุมกันก็เพื่อมาต่อว่าพระผู้เป็นเจ้า แล้วอาโรนเป็นอะไรเล่าที่ท่านจะบ่นพึมพำต่อว่าเขา”

12 ครั้นแล้วโมเสสให้ไปเรียกดาธานและอะบีรามบุตรเอลีอับมา แต่เขาทั้งสองกลับพูดว่า “พวกเราจะไม่ขึ้นไป 13 ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยหรืออย่างไรที่ท่านพาพวกเราออกมาจากดินแดนอันอุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง เพื่อจะฆ่าเราในถิ่นทุรกันดาร ท่านมาทำตนเป็นเจ้านายเหนือพวกเรา 14 ยิ่งกว่านั้นท่านก็ยังไม่ได้พาเราเข้าไปในดินแดนอันอุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง และแม้แต่จะให้เราได้รับนาหรือสวนองุ่นเป็นมรดก ท่านจะยังนำชายเหล่านี้ให้หลงผิดต่อไปอีกหรือ พวกเราจะไม่ขึ้นไป” 15 โมเสสโกรธมาก ท่านพูดกับพระผู้เป็นเจ้าว่า “ขอพระองค์อย่ารับของถวายจากพวกเขาเลย ข้าพเจ้าไม่ได้เอาลาสักตัวจากพวกเขา และไม่ทำอันตรายแก่พวกเขาสักคน”

16 โมเสสพูดกับโคราห์ว่า “ท่านและพรรคพวกของท่านจงแสดงตน ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าในวันพรุ่งนี้ คือทั้งตัวท่านเอง พรรคพวก และอาโรนด้วย 17 แต่ละคนควรนำกระถางไฟของตนไปพร้อมกับเครื่องหอม ทุกคนจงนำกระถางไฟของตนไป ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า รวมจำนวน 250 กระถาง ตัวท่านเองและอาโรนด้วย แต่ละคนถือกระถางไฟของตนเอง” 18 ดังนั้นทุกคนจึงเอากระถางไฟของตนไป ตักถ่านที่ลุกแดงใส่กระถาง วางเครื่องหอมไว้บนถ่าน แล้วยืนที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมายพร้อมกับโมเสสและอาโรน 19 เมื่อโคราห์เรียกมวลชนมาประชุมกันเพื่อประท้วงท่านทั้งสองที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย พระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าก็ปรากฏขึ้นแก่มวลชนทั้งปวง

20 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสและอาโรนว่า 21 “จงแยกตัวออกมาจากมวลชนเหล่านี้ เราจะได้เผาพวกเขาเสียภายในพริบตา” 22 ทั้งสองจึงซบหน้าลงกับพื้นและพูดว่า “โอ พระเจ้า พระเจ้าของวิญญาณมนุษย์ทั้งปวง ใยพระองค์จะกริ้วโกรธกับมวลชนทั้งปวงในเมื่อมีเพียงคนคนเดียวกระทำบาป” 23 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 24 “จงบอกมวลชนว่าให้ออกไปจากบริเวณรอบๆ ที่พักของโคราห์ ดาธาน และอะบีราม”

25 โมเสสจึงลุกขึ้นไปหาดาธานและอะบีราม บรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของอิสราเอลก็ตามท่านไป 26 และท่านพูดกับผู้คนทั้งปวงว่า “เราขอให้พวกท่านออกจากกระโจมของคนชั่วร้ายเหล่านี้ และอย่าแตะต้องสิ่งของที่เป็นของเขา มิฉะนั้นท่านจะถูกกำจัดไปพร้อมกับบาปทุกชนิดของพวกเขา” 27 ดังนั้นเขาทั้งหลายจึงออกไปจากบริเวณรอบๆ ที่พักของโคราห์ ดาธาน และอะบีราม แล้วดาธานกับอะบีรามก็ออกมายืนอยู่ที่ทางเข้ากระโจมกับบรรดาภรรยา บุตร และเด็กเล็กของเขา 28 แล้วโมเสสพูดว่า “ด้วยเหตุการณ์เช่นนี้พวกท่านจะรู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าได้ส่งเรามาเพื่อปฏิบัติงาน และไม่ใช่ความคิดของเราเอง 29 ถ้าหากคนพวกนี้ตายเหมือนๆ กับที่คนทั่วๆ ไปตายและประสบกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเหมือนคนทั่วไป ก็นับว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ส่งเรามา 30 แต่ถ้าพระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ทำให้เรื่องที่เกิดขึ้นต่างไปจากนี้ แผ่นดินจะเปิดปากและกลืนพวกเขาเข้าไปพร้อมกับทุกสิ่งที่เป็นของเขา พวกเขาจะลงไปที่แดนคนตายทั้งเป็น และพวกท่านจะได้รู้ว่าคนเหล่านี้ได้ดูหมิ่นพระผู้เป็นเจ้า

31 เมื่อท่านพูดจบ พื้นดินเบื้องล่างก็แยกออก 32 และแผ่นดินได้ดูดกลืนเขาเหล่านั้นลงไปพร้อมกับครอบครัวและทุกคนที่เป็นของโคราห์อีกทั้งข้าวของทุกอย่างที่เป็นของเขาด้วย 33 ฉะนั้นเขาเหล่านั้นและทุกสิ่งที่เป็นของเขาถูกดูดลงไปในแดนคนตายทั้งเป็น แล้วแผ่นดินก็พลิกกลบพวกเขา เขาเหล่านั้นได้ตายไปในท่ามกลางมวลชน 34 แล้วชาวอิสราเอลทุกคนที่อยู่แถวนั้นได้ยินเสียงร้องของเขาเหล่านั้นก็พากันหนี พูดกันว่า “กลัวว่าแผ่นดินจะดูดกลืนพวกเราลงไปด้วย” 35 เปลวไฟพุ่งออกมาจากพระผู้เป็นเจ้าและไหม้ตัวชาย 250 คนที่กำลังมอบเครื่องหอมอยู่

36 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 37 “จงบอกเอเลอาซาร์บุตรของอาโรนปุโรหิตให้เอากระถางไฟออกจากเพลิงไฟและโยนถ่านทิ้งไปให้ไกล เพราะกระถางไฟบริสุทธิ์ 38 ส่วนกระถางของชายเหล่านี้ที่กระทำบาป จนเป็นเหตุให้พวกเขาถึงแก่ความตาย เจ้าจงใช้ค้อนตีให้เป็นแผ่นเพื่อใช้คลุมแท่นบูชา เพราะถูกมอบ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าแล้วจึงนับว่าบริสุทธิ์ ฉะนั้นสิ่งเหล่านี้จะเป็นหมายสำคัญที่เตือนชาวอิสราเอล” 39 เอเลอาซาร์ปุโรหิตจึงรวบรวมกระถางไฟทองสัมฤทธิ์ของคนที่ถูกไฟเผาในการถวาย โดยให้คนใช้ค้อนตีกระถางเหล่านั้นให้เป็นแผ่นเพื่อใช้คลุมแท่นบูชา 40 เพื่อเตือนความจำสำหรับชาวอิสราเอลว่าไม่ควรมีผู้ใดเข้ามาใกล้และเผาเครื่องหอม ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า ยกเว้นผู้สืบเชื้อสายของอาโรน มิฉะนั้นเขาจะเป็นเหมือนโคราห์และพวกของเขา ตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวแก่เอเลอาซาร์ผ่านโมเสส

41 วันรุ่งขึ้นมวลชนชาวอิสราเอลทั้งปวงพากันบ่นพึมพำต่อว่าโมเสสและอาโรนว่า “ท่านได้ฆ่าผู้คนของพระผู้เป็นเจ้า 42 ขณะที่มวลชนชุมนุมกันเพื่อประท้วงโมเสสและอาโรน และหันหน้าไปทางกระโจมที่นัดหมาย ดูเถิด มีก้อนเมฆปกคลุมและพระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าได้ปรากฏขึ้น 43 โมเสสและอาโรนมายังด้านหน้ากระโจมที่นัดหมาย 44 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 45 “จงออกไปให้ห่างจากมวลชนเหล่านี้ เราจะเผาผลาญพวกเขาภายในพริบตา” แล้วทั้งสองก็ซบหน้าลงกับพื้น 46 โมเสสพูดกับอาโรนว่า “หยิบกระถางไฟของพี่ไปด้วย และตักถ่านที่ลุกแดงจากแท่นบูชาใส่ในกระถาง วางเครื่องหอมไว้บนถ่าน และนำไปที่มวลชนโดยเร็ว จงทำพิธีชดใช้บาปให้พวกเขา เพราะยามนั้นความเกรี้ยวโกรธของพระผู้เป็นเจ้าระเบิดออกมาแล้ว ภัยพิบัติได้เริ่มขึ้นแล้ว” 47 อาโรนจึงหยิบกระถางไฟตามที่โมเสสบอกและวิ่งเข้าไปท่ามกลางที่ประชุม ดูเถิด ภัยพิบัติได้เริ่มเกิดขึ้นในหมู่ประชาชนแล้ว แต่ก็มีการถวายเครื่องหอมและทำพิธีชดใช้บาปให้แก่ประชาชน 48 ดังนั้นอาโรนจึงยืนอยู่ระหว่างคนเป็นและคนตาย และภัยพิบัติได้ถูกยับยั้งไว้ 49 กลุ่มผู้ที่เสียชีวิตด้วยภัยพิบัติมีถึง 14,700 คน ไม่นับรวมพวกที่ตายเพราะเรื่องของโคราห์ 50 แล้วอาโรนก็กลับไปหาโมเสสที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย และภัยพิบัติได้ถูกยับยั้งไว้

สดุดี 52-54

คำตัดสินลงโทษและพระคุณของพระเจ้า

ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีแห่งความฉลาดรอบรู้ของดาวิด เมื่อโดเอกชาวเอโดมไปหาซาอูลและบอกท่านว่า “ดาวิดได้ไปยังบ้านของอาหิเมเลค”[a]

ท่านผู้มีอานุภาพ ทำไมท่านจึงโอ้อวดเรื่องสิ่งเลวร้าย
    ความรักอันมั่นคงของพระเจ้ามีอยู่ตลอดวันเวลา
ท่านวางแผนเพื่อทำลายผู้อื่น
    ลิ้นของท่านเป็นเสมือนมีดโกนคมกริบ
    ท่านกระทำแต่สิ่งลวงหลอก
ท่านรักความชั่วมากกว่าความดี
    และพูดเท็จมากกว่าความจริง เซล่าห์
ท่านรักคำพูดบาดใจ
    โอ ลิ้นที่ลวงหลอก

แต่พระเจ้าจะทำลายท่านไปตลอดกาล
    พระองค์จะฉุดกระชากตัวท่านออกจากกระโจม
    พระองค์จะถอนรากถอนโคนท่านไปเสียจากดินแดนของคนเป็น เซล่าห์
ผู้มีความชอบธรรมจะเห็นและเกรงกลัว
    และจะหัวเราะเยาะคนกระทำความชั่วโดยพูดว่า
“ดูสิว่า เกิดอะไรขึ้นกับคนที่ไม่ให้
    พระเจ้าเป็นที่พึ่งพิง
แต่วางใจในความมั่งคั่ง
    และโอ่ว่าตนเข้มแข็งด้วยการทำลายผู้อื่น”

แต่ข้าพเจ้าเป็นดั่งต้นมะกอกเขียวชอุ่ม
    ที่พระตำหนักของพระเจ้า
ข้าพเจ้าวางใจในความรักอันมั่นคงของพระเจ้า
    ไปชั่วนิรันดร์กาล
ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระองค์ชั่วนิรันดร์กาล
    เพราะสิ่งที่พระองค์ได้กระทำ
ข้าพเจ้าจะประกาศพระนามของพระองค์ว่าดีเช่นไร
    ต่อหน้าบรรดาผู้ภักดีของพระองค์

คนโง่ถูกตัดสินโทษ

ถึงหัวหน้าวงดนตรีตามเสียงปี่ เพลงสดุดีแห่งความฉลาดรอบรู้ของดาวิด

คนโง่เขลาคิดอยู่ในใจว่า
    “พระเจ้าไม่มีจริง”
พวกเขาไร้ศีลธรรม และทำสิ่งที่น่าขยะแขยง
    ไม่มีผู้ใดกระทำความดี

พระเจ้ามองลงมาจากสวรรค์
    ดูว่า มีใครสักคนในบรรดาบุตรของมนุษย์
    ที่เข้าใจและแสวงหาพระเจ้า
ทุกคนเอาใจออกห่าง
    เขากลายเป็นคนไร้ศีลธรรมกันไปหมด
ไม่มีผู้ใดกระทำความดี
    ไม่มีแม้แต่คนเดียว[b]

พวกที่ทำความชั่วไม่เข้าใจหรือ
    พวกเขากินชนชาติของเราเหมือนกินขนมปัง
    และไม่ร้องเรียกถึงพระเจ้า
นั่นแหละ พวกเขาหวาดหวั่นยิ่งนัก
    หวาดหวั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เพราะพระเจ้าจะเหวี่ยงกระดูกของผู้ที่ไม่ใฝ่ใจในพระองค์ไปคนละทิศละทาง
    พวกเขาจะอับอายเพราะพระเจ้าไม่ยอมรับพวกเขาไว้

ขอให้ความรอดพ้นของอิสราเอลมาจากศิโยน
    เวลาพระเจ้าทำให้ความอุดมสมบูรณ์ของชนชาติของพระองค์คืนสู่สภาพเดิม
    ยาโคบจะชื่นชมยินดี อิสราเอลจะร่าเริงใจ

คำอธิษฐานขอให้พ้นจากศัตรู

ถึงหัวหน้าวงดนตรี ด้วยเครื่องสาย เพลงสดุดีแห่งความฉลาดรอบรู้ของดาวิด เมื่อชาวศิฟไปบอกซาอูลว่า “ดาวิดกำลังซ่อนตัวในหมู่พวกเรา”[c]

โอ พระเจ้า ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นโดยพระนามของพระองค์
    และพิสูจน์ให้เห็นโดยฤทธานุภาพของพระองค์เถิดว่า ข้าพเจ้าไม่ใช่ฝ่ายผิด
โอ พระเจ้า โปรดสดับคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
    เงี่ยหูฟังคำพูดจากปากของข้าพเจ้า

พวกคนลำพองต่อต้านข้าพเจ้า
    คนโหดเหี้ยมตามล่าเอาชีวิตข้าพเจ้า
    คนพวกนี้ไม่คำนึงถึงพระเจ้า เซล่าห์

ดูเถิด พระเจ้าเป็นผู้ช่วยเหลือข้าพเจ้า
    พระผู้เป็นเจ้าทำให้ชีวิตข้าพเจ้ายืนยงอยู่ได้
พระองค์จะเอาคืนจากเหล่าศัตรูของข้าพเจ้าตามความชั่วของพวกเขา
    ทำให้พวกเขาพินาศตามความสัตย์จริงของพระองค์เถิด

ข้าพเจ้าจะมอบเครื่องสักการะแด่พระองค์ด้วยความสมัครใจ
    โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระนามของพระองค์ เพราะพระนามประเสริฐยิ่งนัก
ด้วยว่า พระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากความทุกข์ยากทั้งปวง
    ดวงตาของข้าพเจ้ามองดูศัตรูด้วยความมีชัย

อิสยาห์ 6

อิสยาห์เห็นภาพนิมิตของพระผู้เป็นเจ้า

ในปีที่กษัตริย์อุสซียาห์สิ้นชีวิต[a] ข้าพเจ้าเห็นพระผู้เป็นเจ้านั่งบนบัลลังก์สูงและได้รับการยกย่อง ชายเสื้อคลุมยาวของพระองค์แผ่เต็มพระวิหาร มีตัวเสราฟ[b]ยืนเหนือพระองค์ แต่ละตัวมี 6 ปีก ใช้ 2 ปีกปกใบหน้า 2 ปีกปกเท้า และอีก 2 ปีกใช้บิน ต่างก็ส่งเสียงร้องตอบกันและกันว่า

“บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ คือพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
    ทั่วแผ่นดินโลกเต็มด้วยพระบารมีของพระองค์”

ฐานที่ยึดธรณีประตูสั่นสะเทือนเนื่องจากเสียงขององค์ผู้เรียก และพระตำหนักเต็มด้วยควัน และข้าพเจ้าพูดว่า “วิบัติแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องย่อยยับ เพราะข้าพเจ้าเป็นคนริมฝีปากไม่บริสุทธิ์ และข้าพเจ้าอาศัยอยู่ท่ามกลางประชาชนที่ริมฝีปากไม่บริสุทธิ์ เพราะนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นองค์กษัตริย์ คือพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา

ครั้นแล้วเสราฟตัวหนึ่งบินมาหาข้าพเจ้า ในมือมีถ่านที่ลุกเป็นไฟอยู่ ซึ่งใช้คีมคีบมาจากแท่นบูชา เสราฟแตะปากข้าพเจ้า และพูดว่า “ดูเถิด เราได้แตะถ่านที่ริมฝีปากของท่านแล้ว ความผิดบาปของท่านถูกรับไปจากท่านแล้ว และบาปของท่านก็ได้รับการชดใช้ด้วย”

อิสยาห์ได้รับมอบหมายจากพระผู้เป็นเจ้า

ข้าพเจ้าได้ยินเสียงของพระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ “เราจะส่งใครไป และใครจะไปเพื่อเรา” ข้าพเจ้าตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่นี่ โปรดส่งข้าพเจ้าไปเถิด” พระองค์กล่าวว่า “จงไป และบอกชนชาตินี้ว่า

‘ได้ยินเรื่อยไป แต่ไม่มีวันที่จะเข้าใจ
    มองดูเรื่อยไป แต่ไม่มีวันที่จะเห็น’
10 จงทำให้ใจของคนเหล่านี้แข็งกระด้าง
    หูตึง
    และปิดตา
มิฉะนั้นแล้วตาของเขาจะมองเห็น
    หูจะได้ยิน
    และจิตใจของเขาจะเข้าใจ
และหันกลับมา และได้รับการรักษาให้หายขาด”[c]

11 ครั้นแล้วข้าพเจ้าพูดว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้า จะนานเพียงไร”

พระองค์กล่าวว่า

“จนกระทั่งเมืองพังทลาย
    ไร้ผู้อยู่อาศัย
และบ้านถูกทิ้งร้าง
    และแผ่นดินพินาศ จนไม่เหลือแม้แต่ซาก
12 และพระผู้เป็นเจ้าทำให้ผู้คนกระจัดกระจายไปไกล
    และมีหลายแห่งในแผ่นดินถูกทิ้งร้าง
13 และแม้ว่าจะมีคนจำนวนหนึ่งในสิบของผู้ที่ยังเหลืออยู่ในแผ่นดิน
    แต่แผ่นดินก็จะถูกกำหนดให้พังพินาศซ้ำลงไปอีก
เหมือนกับต้นเทเรบินธ์หรือต้นโอ๊ก
    ที่เหลือแต่ตอเมื่อถูกโค่นลง
    ตอนั้นคือเชื้อสายอันบริสุทธิ์”

ฮีบรู 13

เครื่องสักการะอันเป็นที่พอใจของพระเจ้า

13 จงรักกันฉันพี่น้องเสมอไป อย่าละเลยที่จะแสดงการต้อนรับคนแปลกหน้า เพราะว่าการกระทำเช่นนี้บางคนได้ต้อนรับทูตสวรรค์โดยไม่รู้ตัว จงระลึกถึงคนที่ถูกจำขังเหมือนกับว่าท่านอยู่ในคุกด้วยกันกับพวกเขา และระลึกถึงคนที่ถูกกดขี่ข่มเหงเหมือนกับว่าท่านเองทนทุกข์ด้วย จงให้การสมรสเป็นที่นับถือแก่คนทั้งปวง และจงให้เตียงสมรสปราศจากมลทิน เพราะพระเจ้าจะกล่าวโทษผู้ประพฤติผิดทางเพศและผู้ผิดประเวณี อย่าให้ชีวิตของท่านตกเป็นทาสของความรักเงิน จงพอใจกับสิ่งที่ท่านมี เพราะพระองค์เองกล่าวว่า “ไม่มีวันที่เราจะจากหรือทอดทิ้งเจ้าไป”[a] ดังนั้นพวกเราพูดด้วยความมั่นใจได้ว่า

“พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ช่วยของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นกลัว
    มนุษย์จะทำอะไรต่อข้าพเจ้าได้หรือ”[b]

จงระลึกถึงเหล่าผู้นำของท่านที่ประกาศคำกล่าวของพระเจ้าแก่ท่าน จงพิจารณาดูผลที่เกิดจากความประพฤติของเขา และจงทำตามอย่างความเชื่อของเขา พระเยซูคริสต์เป็นเหมือนเดิม ทั้งวานนี้ วันนี้ และตลอดไป อย่ายอมให้การสั่งสอนแปลกๆ สารพันอย่างนำท่านไปในทางที่ผิด จะเป็นการดีถ้ากำลังใจของเราดีขึ้นได้โดยพระคุณ ไม่ใช่โดยอาหารที่กินตามกฎเกณฑ์ ซึ่งไม่เป็นประโยชน์แก่พวกที่ถือตามเลย 10 พวกเรามีแท่นบูชาแท่นหนึ่ง และบรรดาผู้รับใช้ที่กระโจมไม่มีสิทธิ์รับประทานของจากแท่นนั้นได้ 11 หัวหน้ามหาปุโรหิตนำเลือดสัตว์เข้าไปในอภิสุทธิสถานเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป แต่ร่างของสัตว์ถูกเผาที่นอกค่าย 12 และพระเยซูก็ทนทุกข์ทรมานอยู่นอกเขตประตูเมืองด้วย เพื่อให้คนทั้งหลายเป็นผู้บริสุทธิ์ได้โดยโลหิตของพระองค์เอง 13 ขอให้พวกเราออกไปหาพระองค์ที่นอกค่ายเถิด เพื่อทนกับความเหยียดหยามที่พระองค์รับ 14 ด้วยว่า ณ ที่นี้ พวกเราไม่มีเมืองอันถาวร แต่เรากำลังแสวงหาเมืองที่จะมีในภายหน้า 15 ฉะนั้นขอให้เราถวายเครื่องสักการะแห่งการสรรเสริญแด่พระเจ้าโดยผ่านพระเยซูต่อไปเถิด คือเครื่องถวายจากริมฝีปากที่สารภาพรับพระนามของพระองค์ 16 อย่าลืมกระทำความดีและแบ่งปันให้แก่กันและกัน เพราะพระเจ้าพอใจกับเครื่องสักการะแบบนั้น

17 จงเชื่อฟังและยอมอยู่ใต้อำนาจของเหล่าผู้นำของท่าน เพราะเขาห่วงใยและดูแลท่านอยู่เสมอ และต้องรายงานความรับผิดชอบของเขา จงเชื่อฟังเขา เพื่อเขาจะได้ยินดีในการทำงาน มิฉะนั้นจะกลายเป็นภาระกับเขา และท่านจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย

18 จงอธิษฐานเพื่อเรา พวกเราแน่ใจว่าเรามีมโนธรรมที่ดี ต้องการประพฤติสิ่งที่ดีงามทุกอย่าง 19 ข้าพเจ้าขอด้วยความจริงใจให้พวกท่านอธิษฐาน เพื่อว่าข้าพเจ้าจะได้มาหาท่านในไม่ช้า

คำลงท้าย

20 ขอพระเจ้าแห่งสันติสุข ผู้โปรดให้พระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา คือผู้เลี้ยงดูฝูงแกะที่ยิ่งใหญ่ และฟื้นขึ้นจากความตายโดยโลหิตแห่งพันธสัญญาอันเป็นนิรันดร์ 21 ช่วยให้ท่านพร้อมเสมอที่จะประพฤติตามความประสงค์ของพระองค์ และสำแดงการกระทำในหมู่เราตามความพอใจของพระองค์โดยผ่านพระเยซูคริสต์ ขอพระบารมีจงมีแด่พระองค์ชั่วนิรันดร์กาลเถิด อาเมน

22 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอร้องให้ท่านอดทนฟังคำเตือนที่ให้กำลังใจท่าน ด้วยว่าข้าพเจ้าเขียนถึงท่านอย่างสั้นๆ เท่านั้น 23 จงทราบไว้ด้วยว่าทิโมธีน้องชายของเราได้รับการปลดปล่อยแล้ว ถ้าเขามาถึงทันเวลา เขาก็จะมาหาท่านด้วยกันกับข้าพเจ้า 24 ช่วยฝากความคิดถึงมายังเหล่าผู้นำของท่าน และผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าทุกคน บรรดาผู้ที่มาจากประเทศอิตาลีฝากความคิดถึงมาด้วย

25 ขอพระคุณจงอยู่กับท่านทุกคนเถิด

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation