Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
1 พงศาวดาร 16

16 พวกเขาอัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้ามาตั้งไว้ในพลับพลาซึ่งดาวิดทรงจัดเตรียมไว้ และถวายเครื่องเผาบูชากับเครื่องสันติบูชาต่อหน้าพระเจ้า หลังจากที่ถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสันติบูชาเสร็จแล้ว ดาวิดก็ทรงอวยพรประชาชนในพระนามของพระยาห์เวห์ และประทานขนมปัง อินทผลัมอัด และขนมลูกเกดอย่างละหนึ่งก้อนแก่อิสราเอลทุกคนทั้งชายและหญิง

ดาวิดทรงแต่งตั้งคนเลวีบางคนให้ปฏิบัติงานอยู่หน้าหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้า โดยการทูลขอ ขอบพระคุณ และถวายคำสรรเสริญแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลได้แก่ อาสาฟเป็นหัวหน้า รองลงมาคือเศคาริยาห์ คนอื่นๆ ได้แก่ เยอีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล มัททีธิยาห์ เอลีอับ เบไนยาห์ โอเบดเอโดม และเยอีเอล คนเหล่านี้เล่นพิณใหญ่และพิณเขาคู่ อาสาฟเป็นผู้ตีฉาบ ปุโรหิตเบไนยาห์และยาฮาซีเอลเป่าแตรเป็นประจำหน้าหีบพันธสัญญาของพระเจ้า

บทสดุดีขอบพระคุณของดาวิด(A)

ในวันนั้นดาวิดทรงมอบบทสดุดีขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าให้อาสาฟกับผู้ช่วยของเขาเป็นครั้งแรกดังนี้ว่า

จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า และร้องทูลออกพระนามของพระองค์
ให้ประชาชาติทั้งหลายได้รู้ถึงสิ่งที่พระองค์ทรงทำ
จงร้องเพลงถวายพระองค์ ร้องสรรเสริญถวายพระองค์
บอกถึงพระราชกิจอันมหัศจรรย์ทั้งสิ้นของพระองค์
10 จงเทิดทูนพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์
ให้จิตใจของผู้ที่แสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้าชื่นชมยินดี
11 จงหมายพึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าและพลังอำนาจของพระองค์
จงแสวงหาพระพักตร์พระองค์เสมอ

12 จงระลึกถึงปาฏิหาริย์ที่พระองค์ทรงกระทำ
ถึงการอัศจรรย์และคำพิพากษาที่พระองค์ทรงประกาศ
13 วงศ์วานอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์เอ๋ย
ลูกหลานของยาโคบที่ทรงเลือกสรรเอ๋ย
14 พระองค์ทรงเป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา
การพิพากษาของพระองค์อยู่ทั่วพื้นแผ่นดินโลก

15 พระองค์ทรงระลึกถึง[a]พันธสัญญาของพระองค์ตลอดกาล
ทรงระลึกถึงพระดำรัสที่ทรงบัญชาไว้ตลอดพันชั่วอายุคน
16 พันธสัญญาที่พระองค์ทรงทำกับอับราฮัม
คำปฏิญาณที่พระองค์ทรงสัญญากับอิสอัค
17 พระองค์ทรงยืนยันต่อยาโคบเป็นกฎเกณฑ์
ต่ออิสราเอลเป็นพันธสัญญานิรันดร์
18 “เราจะยกดินแดนคานาอันให้เจ้า
ให้เป็นมรดกของเจ้าทั้งหลาย”

19 เมื่ออิสราเอลยังมีจำนวนน้อยนัก
น้อยเหลือเกิน และเป็นเพียงคนแปลกหน้าในดินแดนนั้น
20 พวกเขา[b]ระเหเร่ร่อนจากชนชาติหนึ่งไปอีกชนชาติหนึ่ง
จากอาณาจักรหนึ่งไปอีกอาณาจักรหนึ่ง
21 พระองค์ไม่ทรงยอมให้ใครข่มเหงรังแกเขา
เพราะเห็นแก่เขา พระองค์ทรงกำราบกษัตริย์ทั้งหลาย
22 “อย่าแตะต้องบรรดาผู้ที่เราเจิมตั้งไว้
อย่าทำอันตรายใดๆ แก่เหล่าผู้เผยพระวจนะของเรา”

23 ทั่วทั้งโลกจงร้องเพลงถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า
จงประกาศความรอดของพระองค์ทุกๆ วัน
24 จงประกาศพระเกียรติสิริของพระองค์ท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย
ประกาศพระราชกิจล้ำเลิศของพระองค์ท่ามกลางชนชาติทั้งมวล

25 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยิ่งใหญ่นัก และควรแก่การสรรเสริญเป็นที่สุด
พระองค์ทรงเป็นที่เคารพยำเกรงเหนือพระทั้งปวง
26 เพราะพระของชนชาติต่างๆ เป็นเพียงรูปเคารพ
แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างฟ้าสวรรค์
27 สง่าราศีและพระบารมีอยู่ต่อหน้าพระองค์
พระเดชานุภาพและความปีติยินดีอยู่ในที่ประทับของพระองค์

28 ทุกครอบครัวในชนชาติทั้งหลายเอ๋ย จงเทิดทูนองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงเทิดทูนองค์พระผู้เป็นเจ้าถึงพระเกียรติสิริและพระเดชานุภาพของพระองค์
29 จงเทิดทูนองค์พระผู้เป็นเจ้าตามพระเกียรติสิริที่ควรแก่พระนามของพระองค์
จงนำเครื่องบูชามาต่อหน้าพระองค์
จงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าใน[c]สง่าราศีแห่งความบริสุทธิ์ของพระองค์
30 โลกทั้งโลกจงสั่นสะท้านต่อหน้าพระองค์
โลกได้รับการสถาปนาไว้อย่างมั่นคง จะไม่มีวันคลอนแคลน

31 ฟ้าสวรรค์จงชื่นชมยินดี แผ่นดินโลกจงเปรมปรีดิ์
ให้ประชาชาติทั้งหลายกล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงครอบครอง!”
32 ท้องทะเลและสรรพสิ่งในนั้นจงแซ่ซ้องกังวาน
ท้องทุ่งและทุกสิ่งในนั้นจงร่าเริง
33 แล้วต้นไม้ในป่าจะร้องเพลง
พวกมันจะร้องเพลงอย่างชื่นบานต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระองค์เสด็จมาเพื่อพิพากษาแผ่นดินโลก

34 จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ทรงแสนดี
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์
35 จงร้องทูลพระองค์ว่า “ข้าแต่พระเจ้า องค์พระผู้ช่วยให้รอด ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้รอด
ขอทรงรวบรวมและกอบกู้ข้าพระองค์ทั้งหลายจากชนชาติต่างๆ
เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะขอบพระคุณพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์
เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะยกย่องสรรเสริญพระองค์”
36 ขอสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล
จากนิรันดร์กาลจวบจนนิรันดร์กาล

แล้วให้ปวงประชากรจงกล่าวว่า “อาเมน” และ “สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า”

37 ดาวิดทรงมอบหมายให้อาสาฟและคณะปฏิบัติหน้าที่อย่างสม่ำเสมอที่หน้าหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้า โดยจัดการทุกอย่างให้ครบถ้วนตามข้อกำหนดทุกวัน 38 และให้โอเบดเอโดม และเพื่อนร่วมงาน 68 คนร่วมปรนนิบัติด้วย โอเบดเอโดมบุตรเยดูธูนและโฮสาห์เป็นยามเฝ้าประตู

39 ดาวิดทรงให้ปุโรหิตศาโดกและปุโรหิตคนอื่นๆ ซึ่งรับใช้ร่วมกันกับเขาประจำอยู่ที่พลับพลาขององค์พระผู้เป็นเจ้าบนสถานบูชาบนที่สูงในกิเบโอน 40 เพื่อถวายเครื่องเผาบูชาบนแท่นบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า ทุกเช้าทุกเย็นตามที่บันทึกไว้ในบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ประทานแก่อิสราเอล 41 และให้เฮมาน เยดูธูน กับคนอื่นๆ อีกหลายคนที่ได้รับเลือกและระบุชื่อไว้เป็นผู้ถวายคำขอบพระคุณแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์” 42 เฮมานกับเยดูธูนรับผิดชอบการเป่าแตร ตีฉาบ และบรรเลงเครื่องดนตรีต่างๆ คลอไปกับบทเพลงศักดิ์สิทธิ์ บุตรทั้งหลายของเยดูธูนประจำอยู่ที่ประตู

43 จากนั้นประชาชนทั้งหมดก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ส่วนดาวิดเสด็จกลับพระราชวังไปอวยพรเชื้อพระวงศ์

ยากอบ 3

ฝึกลิ้นให้เชื่อง

พี่น้องทั้งหลาย อย่าตั้งตัวเป็นอาจารย์กันให้มากนักเลยเพราะรู้อยู่ว่าเราทั้งหลายที่เป็นผู้สอนนั้นจะถูกตัดสินอย่างเข้มงวดกว่าผู้อื่น เราทุกคนล้วนพลั้งพลาดในหลายๆ ทาง ผู้ที่ไม่เคยทำผิดทางวาจาก็เป็นคนดีเพียบพร้อม สามารถควบคุมร่างกายทั้งหมดของตนได้

เมื่อเราเอาบังเหียนใส่ปากม้าเพื่อให้มันเชื่อฟัง เราก็บังคับให้ม้าไปทางไหนๆ ได้ทั้งตัว หรือให้ดูเรือเป็นตัวอย่าง ถึงแม้ว่ามันจะมีขนาดใหญ่และแล่นไปตามแรงลม แต่มันก็มีหางเสือเล็กๆ คอยคัดท้ายเรือให้ไปในที่ต่างๆ ตามที่นายท้ายต้องการ ลิ้นก็เช่นกันเป็นอวัยวะเล็กๆ แต่ชอบคุยโวโอ้อวด คิดดูเถิด ประกายไฟนิดเดียวอาจเผาป่าใหญ่ได้ ลิ้นก็เป็นเช่นไฟ เป็นโลกแห่งความชั่วร้ายท่ามกลางอวัยวะทั้งหลาย ลิ้นทำให้คนทั้งคนเสื่อมทรามไป ทำให้ชีวิตทั้งชีวิตลุกเป็นไฟและตัวมันเองก็ลุกเป็นไฟโดยนรก

สัตว์ทุกชนิด นก สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ทะเลยังถูกฝึกให้เชื่องได้และคนก็ได้ฝึกให้เชื่องมาแล้ว แต่ไม่มีใครฝึกลิ้นให้เชื่องได้ ลิ้นเป็นสิ่งชั่วร้ายที่ไม่เคยหยุดนิ่ง เต็มด้วยพิษร้ายทำลายชีวิต

เราทั้งหลายสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระบิดาของเราด้วยลิ้น และเราก็ใช้ลิ้นแช่งด่ามนุษย์ซึ่งทรงสร้างขึ้นตามแบบของพระองค์ 10 คำสรรเสริญและคำแช่งด่าต่างก็ออกมาจากปากเดียวกัน พี่น้องทั้งหลายอย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย 11 น้ำจืดและน้ำเค็ม[a] ไหลออกมาจากตาน้ำเดียวกันได้หรือ? 12 พี่น้องทั้งหลาย ต้นมะเดื่อจะออกผลเป็นมะกอก หรือเถาองุ่นจะออกผลเป็นมะเดื่อได้หรือ? เช่นกันตาน้ำเค็มก็ไม่อาจให้น้ำจืดได้

สติปัญญาสองแบบ

13 ถ้าผู้ใดในพวกท่านฉลาดและมีความเข้าใจ ก็ให้เขาแสดงออกมาโดยการดำเนินชีวิตที่ดี โดยการกระทำอันถ่อมสุภาพซึ่งมาจากสติปัญญา 14 แต่ถ้าท่านขมขื่นด้วยใจอิจฉาและทะเยอทะยานอย่างเห็นแก่ตัวก็อย่าโอ้อวดหรือปฏิเสธความจริง 15 “สติปัญญา” แบบนั้นไม่ได้มาจากสวรรค์แต่เป็นแบบโลก ไม่อยู่ฝ่ายวิญญาณและเป็นของมาร 16 เพราะที่ใดมีความอิจฉาและความทะเยอทะยานอย่างเห็นแก่ตัว ที่นั่นก็วุ่นวายและมีการกระทำที่ชั่วร้ายทุกชนิด

17 แต่สติปัญญาจากสวรรค์ประการแรกนั้นคือบริสุทธิ์ จากนั้นคือรักสันติ เห็นอกเห็นใจ ยอมเชื่อฟัง เต็มด้วยความเมตตาและผลดี ไม่ลำเอียงและจริงใจ 18 ผู้สร้างสันติหว่านในสันติย่อมเก็บเกี่ยวผลแห่งความชอบธรรม

โอบาดีห์

นิมิตของโอบาดีห์

(ยรม.49:9-10,14-16)

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสเกี่ยวกับเอโดมว่า

เราได้ยินถ้อยคำจากองค์พระผู้เป็นเจ้าดังนี้
มีทูตคนหนึ่งถูกส่งไปยังประชาชาติต่างๆ เพื่อแจ้งว่า
“ลุกขึ้นเถิด ให้เราไปรบกับเอโดม”

“ดูเถิด เราจะทำให้เจ้าเล็กกระจ้อยร่อยในหมู่ประชาชาติ
เจ้าจะถูกเหยียดหยามยิ่งนัก
ความหยิ่งผยองในใจได้หลอกลวงเจ้า
เจ้าผู้อาศัยอยู่ในซอกหิน
และสร้างบ้านไว้บนที่สูง
เจ้าผู้บอกตัวเองว่า
‘ใครเล่าสามารถดึงเราลงไปอยู่ที่พื้นได้?’
ถึงแม้เจ้าเหินฟ้าเหมือนนกอินทรี
และสร้างรังไว้กลางหมู่ดาว
เราก็จะฉุดเจ้าลงมาจากที่นั่น”
องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
“หากขโมยมาหาเจ้า
หากโจรบุกมาในยามค่ำคืน
เจ้าจะย่อยยับสักปานใด
เขาจะไม่ขโมยไปเพียงเท่าที่เขาอยากได้หรือ?
หากคนเก็บองุ่นมาหาเจ้า
เขาจะไม่เหลือไว้บ้างนิดหน่อยหรือ?
แต่เอซาวจะถูกปล้นชิงจนหมดสิ้น
ทรัพย์สมบัติที่เขาซ่อนไว้ถูกปล้นชิงไปหมด!
พันธมิตรทั้งหมดจะบังคับให้เจ้าออกไปจนสุดแดน
เพื่อนฝูงจะหลอกและเอาชนะเจ้า
เพื่อนร่วมสำรับอาหารเดียวกันกับเจ้าจะวางกับดักเจ้า[a]
แต่เจ้าจะไม่ระแคะระคาย”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “ในวันนั้น
เราจะไม่ทำลายปราชญ์ของเอโดม
และผู้ที่มีความเข้าใจที่ภูเขาต่างๆ ของเอซาวหรือ?
เทมานเอ๋ย นักรบของเจ้าจะครั่นคร้าม
และทุกคนที่ภูเขาของเอซาว
จะถูกประหาร
10 เพราะความอำมหิตที่เจ้าทำแก่ยาโคบน้องชายของเจ้า
เจ้าจะอับอายขายหน้า
เจ้าจะถูกทำลายไปตลอดกาล
11 ในวันที่เจ้ายืนเฉยอย่างไม่แยแส
ขณะที่คนแปลกหน้าขนทรัพย์สมบัติของเขาไป
คนต่างชาติบุกเข้าประตูเมืองของเขา
และจับสลากแบ่งกรุงเยรูซาเล็มกัน
เจ้าก็เป็นเหมือนคนหนึ่งในพวกนั้น
12 เจ้าไม่ควรหยามน้ำหน้าน้องชาย
ในวันที่เขารับเคราะห์
หรือกระหยิ่มยิ้มย่องทับถมชาวยูดาห์
ในวันที่พวกเขาพินาศ
หรือคุยโวโอ้อวดเหลือเกิน
ในวันที่พวกเขาเดือดร้อน
13 เจ้าไม่ควรเดินเข้าประตูเมืองของประชากรของเรา
ในวันที่พวกเขาพินาศย่อยยับ
หรือสมน้ำหน้าที่พวกเขาป่นปี้
ในวันที่พวกเขาพินาศย่อยยับ
หรือยึดทรัพย์สมบัติของพวกเขา
ในวันที่พวกเขาพินาศย่อยยับ
14 เจ้าไม่ควรดักรออยู่ที่ทางแยก
เพื่อคอยเล่นงานพวกเขาซึ่งหนีภัยมา
หรือมอบตัวผู้รอดชีวิตของพวกเขา
ในวันที่เขาเดือดร้อน

15 “วันแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับมวลประชาชาติใกล้เข้ามาแล้ว
เจ้าทำสิ่งใดไว้จะได้รับสิ่งนั้นตอบแทน
กรรมที่เจ้าก่อไว้จะย้อนกลับมาตกบนหัวของเจ้า
16 เหมือนที่เจ้าดื่มบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา
ประชาชาติทั้งปวงก็จะดื่มไม่หยุด
เขาจะดื่มแล้วดื่มอีก
เขาจะเป็นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
17 แต่บนภูเขาศิโยนจะมีการช่วยกู้
ภูเขานั้นจะศักดิ์สิทธิ์
และพงศ์พันธุ์ยาโคบ
จะครอบครองกรรมสิทธิ์ในดินแดนนั้น
18 พงศ์พันธุ์ยาโคบจะเป็นไฟ
พงศ์พันธุ์โยเซฟจะเป็นเปลวไฟ
พงศ์พันธุ์ของเอซาวจะเป็นตอข้าว
ซึ่งจะถูกไฟเผาจนมอดไหม้
พงศ์พันธุ์เอซาว
จะไม่มีใครรอดชีวิตเลย”
องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้แล้ว

19 ประชาชนจากเนเกบจะครอบครอง
ภูเขาต่างๆ ของเอซาว
และประชาชนจากเชิงเขาต่างๆ จะครอบครอง
ดินแดนของชาวฟีลิสเตีย
พวกเขาจะครอบครองท้องทุ่งของเอฟราอิมกับสะมาเรีย
และเบนยามินจะครอบครองกิเลอาด
20 กลุ่มเชลยอิสราเอลซึ่งอยู่ในคานาอัน
จะครอบครองดินแดนไกลไปถึงศาเรฟัท
เชลยจากเยรูซาเล็มซึ่งอยู่ในเสฟาราด
จะครอบครองเมืองต่างๆ ของเนเกบ
21 พวกกู้ชาติจะขึ้นไปบน[b]ภูเขาศิโยน
เพื่อครอบครองภูเขาต่างๆ ของเอซาว
และอาณาจักรนั้นจะเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า

ลูกา 5

ทรงเรียกสาวกกลุ่มแรก(A)

วันหนึ่งขณะพระเยซูทรงยืนอยู่ริมทะเลสาบเยนเนซาเรท[a]โดยมีประชาชนกำลังรุมล้อมพระองค์เพื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า พระองค์ทรงเห็นเรือสองลำจอดอยู่ริมน้ำ ส่วนชาวประมงขึ้นจากเรือแล้วกำลังซักอวนอยู่ พระองค์จึงเสด็จลงเรือลำหนึ่งซึ่งเป็นเรือของซีโมนและทรงขอให้เขาถอยเรือไปจากฝั่งเล็กน้อย จากนั้นทรงนั่งลงและทรงสอนประชาชนจากบนเรือ

หลังจากพระองค์ทรงสอนจบ พระองค์ตรัสกับซีโมนว่า “จงถอยออกไปที่น้ำลึก แล้วจงหย่อน[b]อวนลงจับปลา”

ซีโมนทูลตอบว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า พวกข้าพระองค์ตรากตรำมาทั้งคืนแต่จับปลาไม่ได้เลย แต่เพราะพระองค์ทรงสั่งเช่นนั้น ข้าพระองค์ก็จะหย่อนอวนลง”

เมื่อพวกเขาหย่อนอวนลงก็จับปลาได้มากมายจนอวนของพวกเขาเริ่มจะขาด ดังนั้นพวกเขาจึงส่งสัญญาณให้เพื่อนร่วมงานในเรืออีกลำมาสมทบ พวกเขาก็มาช่วยและได้ปลาเต็มเรือทั้งสองลำจนเรือเริ่มจะจม

เมื่อซีโมนเปโตรเห็นเช่นนี้ก็กราบลงที่เข่าของพระเยซูและทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า เสด็จไปจากข้าพระองค์เถิด ข้าพระองค์เป็นคนบาป!” เพราะเขากับเพื่อนพ้องประหลาดใจที่จับปลาได้มากขนาดนั้น 10 เพื่อนของซีโมนคือยากอบและยอห์นบุตรชายของเศเบดีก็ประหลาดใจเช่นกัน

แล้วพระเยซูตรัสกับซีโมนว่า “อย่ากลัวเลย ตั้งแต่นี้ไปท่านจะเป็นผู้จับคน” 11 ดังนั้นพวกเขาจึงลากเรือขึ้นฝั่ง แล้วละทิ้งทุกสิ่งและติดตามพระองค์ไป

คนโรคเรื้อน(B)

12 ขณะพระเยซูทรงอยู่ในเมืองแห่งหนึ่ง มีคนเป็นโรคเรื้อน[c]ทั้งตัวเดินมาตามทาง เมื่อเขาเห็นพระองค์ เขาก็หมอบซบหน้าลงกับพื้นทูลวิงวอนพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงรักษาข้าพระองค์ให้หายได้ถ้าพระองค์เต็มใจ”

13 พระเยซูทรงยื่นพระหัตถ์แตะต้องเขาและตรัสว่า “เราเต็มใจจะรักษา จงหายโรคเถิด!” ทันใดนั้นโรคเรื้อนที่เขาเป็นอยู่ก็หายไป

14 แล้วพระเยซูทรงกำชับเขาว่า “อย่าบอกผู้ใดเลย แต่จงไปแสดงตัวต่อปุโรหิตและถวายเครื่องบูชาสำหรับการที่เจ้าหายจากโรคเรื้อนตามที่โมเสสสั่งไว้ เพื่อเป็นพยานแก่คนทั้งหลายว่าเจ้าหายโรคแล้ว”

15 ถึงกระนั้นกิตติศัพท์ของพระองค์กลับเลื่องลือออกไปมากยิ่งขึ้นจนฝูงชนมากมายพากันมาฟังพระองค์และรับการรักษาโรค 16 แต่พระเยซูมักจะทรงปลีกตัวไปอยู่ในที่สงบและอธิษฐาน

พระเยซูทรงรักษาคนเป็นอัมพาต(C)

17 วันหนึ่งขณะพระองค์ทรงสอนอยู่ พวกฟาริสีกับธรรมจารย์จากทุกหมู่บ้านแถบกาลิลี และจากแคว้นยูเดีย และกรุงเยรูซาเล็มมานั่งอยู่ที่นั่นด้วย ฤทธิ์อำนาจขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับพระองค์เพื่อรักษาผู้ป่วย 18 มีผู้หามคนเป็นอัมพาตมาบนที่นอน พยายามจะเข้ามาในบ้านเพื่อวางเขาลงต่อหน้าพระเยซู 19 แต่เมื่อหมดช่องทางเพราะคนแน่นมาก พวกเขาจึงขึ้นไปบนหลังคาบ้านแล้วหย่อนที่นอนซึ่งคนเป็นอัมพาตนอนอยู่ผ่านช่องหลังคาลงมากลางฝูงชน ตรงหน้าพระเยซูพอดี

20 เมื่อพระเยซูทรงเห็นความเชื่อของพวกเขาก็ตรัสว่า “เพื่อนเอ๋ย บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว”

21 พวกฟาริสีกับธรรมาจารย์คิดในใจว่า “คนที่พูดหมิ่นประมาทพระเจ้าคนนี้เป็นใครกัน? นอกจากพระเจ้าแล้วใครจะอภัยบาปได้?”

22 พระเยซูทรงทราบว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่และตรัสถามพวกเขาว่า “ทำไมพวกท่านจึงคิดในใจเช่นนั้น? 23 ที่จะพูดว่า ‘บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว’ กับ ‘จงลุกขึ้นเดินไป’ อย่างไหนจะง่ายกว่ากัน? 24 แต่ทั้งนี้เพื่อให้พวกท่านรู้ว่าบุตรมนุษย์มีสิทธิอำนาจในโลกที่จะอภัยบาป” แล้วพระองค์ตรัสกับคนเป็นอัมพาตว่า “เราสั่งเจ้าว่าลุกขึ้น จงแบกที่นอนของเจ้าและกลับบ้านไปเถิด” 25 ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นต่อหน้าคนทั้งปวงแล้วแบกที่นอนและเดินร้องสรรเสริญพระเจ้ากลับบ้านไป 26 ทุกคนพากันตื่นเต้นและสรรเสริญพระเจ้า พวกเขาเกรงกลัวจนกล่าวว่า “วันนี้เราได้เห็นเรื่องเหลือเชื่อ”

ทรงเรียกเลวี(D)

27 จากนั้นพระเยซูเสด็จออกไปและทรงเห็นคนเก็บภาษีชื่อเลวีนั่งอยู่ที่ด่านเก็บภาษี พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “จงตามเรามา” 28 เลวีก็ลุกขึ้นและละทิ้งทุกสิ่งแล้วติดตามพระองค์ไป

29 แล้วเลวีก็จัดงานเลี้ยงใหญ่ถวายพระเยซูที่บ้านของเขา มีคนเก็บภาษีกลุ่มใหญ่และคนอื่นๆ มาร่วมรับประทานอาหารกับพวกเขา 30 ฝ่ายพวกฟาริสีกับธรรมาจารย์ของพวกเขาบ่นติเตียนกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “ทำไมท่านจึงกินและดื่มกับคนเก็บภาษีและ ‘คนบาป’?”

31 พระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า “คนสุขภาพดีไม่ต้องการหมอ แต่คนป่วยต้องการ 32 เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเพื่อเรียกคนบาปให้กลับใจใหม่”

ถามพระเยซูเรื่องการถืออดอาหาร(E)

33 พวกเขาทูลพระองค์ว่า “ศิษย์ของยอห์นมักถืออดอาหารและอธิษฐานอยู่เสมอ ศิษย์ของพวกฟาริสีก็เช่นกัน แต่ศิษย์ของท่านทั้งกินทั้งดื่ม”

34 พระเยซูทรงตอบว่า “ท่านจะให้แขกของเจ้าบ่าวอดอาหารขณะเจ้าบ่าวอยู่ด้วยได้หรือ? 35 แต่สักวันหนึ่งเจ้าบ่าวจะถูกนำตัวไปจากเขาและในวันนั้นพวกเขาจะอดอาหาร”

36 พระองค์ตรัสคำอุปมานี้ให้เขาฟังว่า “ไม่มีใครฉีกผ้าจากเสื้อใหม่ไปปะเสื้อเก่า ถ้าทำเช่นนั้นเขาจะทำให้เสื้อใหม่ฉีกขาด ทั้งเศษผ้าใหม่ก็เข้ากับเสื้อเก่าไม่ได้ 37 และไม่มีใครเทเหล้าองุ่นใหม่ใส่ถุงหนังเก่า ถ้าทำเช่นนั้นเหล้าองุ่นใหม่จะทำให้ถุงนั้นปริขาด เหล้าองุ่นจะไหลออกมาและถุงหนังก็จะเสียหาย 38 ไม่หรอก เหล้าองุ่นใหม่จะต้องใส่ในถุงหนังใหม่ 39 และไม่มีใครดื่มเหล้าองุ่นเก่าแล้วอยากได้เหล้าหมักใหม่เพราะเขากล่าวว่า ‘ของเก่าดีกว่า’ ”

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.