Print Page Options Listen to Reading
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the NIV. Switch to the NIV to read along with the audio.

New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
มีคาห์ 1-4

คำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้ามาถึงมีคาห์แห่งโมเรเชท ในรัชสมัยโยธาม อาหัส และเฮเซคียาห์ บรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์[a] ท่านเห็นภาพนิมิตเกี่ยวกับสะมาเรียและเยรูซาเล็ม

ความพินาศใกล้เข้ามา

โอ บรรดาชนชาติเอ๋ย พวกท่านทุกคนจงฟัง
    โอ แผ่นดินโลกเอ๋ย ทุกคนที่อยู่ในนั้น จงตั้งใจฟัง
และให้พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เป็นพยานถึงสิ่งที่พวกท่านกระทำ
    พระผู้เป็นเจ้าจะมาจากพระวิหารอันบริสุทธิ์ของพระองค์
ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้ากำลังออกมาจากที่ของพระองค์
    พระองค์จะลงมาและเดินย่ำสถานบูชาบนภูเขาสูงของแผ่นดินโลก
และภูเขาจะละลายอยู่ภายใต้พระองค์
    หุบเขาจะแยกออก
เหมือนขี้ผึ้งที่อยู่หน้าไฟ
    เหมือนน้ำที่ไหลลงจากที่สูงชัน
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นก็เพราะการล่วงละเมิดของยาโคบ
    เพราะบาปของพงศ์พันธุ์อิสราเอล
การล่วงละเมิดของยาโคบคืออะไร
    ไม่ใช่สะมาเรียหรือ
และอะไรคือสถานบูชาบนภูเขาสูงของยูดาห์
    ไม่ใช่เยรูซาเล็มหรือ
“ฉะนั้น เราจะทำให้สะมาเรียเป็นกองหินปรักหักพังในทุ่งโล่ง
    เป็นที่สำหรับปลูกสวนองุ่น
และเราจะเทหินของเมืองนั้นลงสู่หุบเขา
    และจะไม่มีอะไรเหลือจนถึงฐานราก
รูปเคารพทั้งสิ้นของเมืองจะถูกทุบจนแหลก
    ค่าจ้างทั้งสิ้นของเมืองนั้นจะถูกเผาไฟ
    และเราจะทำลายรูปบูชาทั้งสิ้นให้พินาศ
ด้วยว่า เมืองนั้นสะสมมันมาได้จากค่าจ้างของหญิงแพศยา
    และสิ่งเหล่านั้นจะกลับไปเป็นค่าจ้างของหญิงแพศยาอีก”

ข้าพเจ้าจะร้องรำพันและร้องฟูมฟาย
    ข้าพเจ้าจะเดินเท้าเปล่าและไม่สวมเสื้อ
ข้าพเจ้าจะหอนดั่งหมาใน
    และโอดครวญดั่งนกกระจอกเทศ
เพราะบาดแผลของเมืองนั้นรักษาไม่หาย
    และได้เกิดขึ้นกับยูดาห์
มันถึงประตูเมืองของชนชาติของข้าพเจ้าแล้ว
    มาจนถึงเยรูซาเล็ม
10 อย่าบอกเรื่องนี้ในเมืองกัท
    อย่าร้องไห้เลย
พวกท่านจงเกลือกกลิ้งตัวในฝุ่น
    ที่เมืองเบธเลอัฟราห์
11 ชาวเมืองชาฟีร์เอ๋ย
    จงไปตามทางของพวกท่าน
    ด้วยความเปลือยเปล่าและความอับอาย
ผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองศาอานันเอ๋ย
    จงอย่าออกมา
เบธเอเซลร้องรำพัน
    ที่ยืนอันมั่นคงจะถูกเอาไปจากพวกท่าน
12 ด้วยว่า บรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในมาโรทเจ็บปวดแสนสาหัส
    รอด้วยความหวังว่าจะดีขึ้น
เพราะความเลวร้ายได้ลงมาจากพระผู้เป็นเจ้า
    และถึงประตูเมืองเยรูซาเล็ม
13 บรรดาผู้อาศัยอยู่ในลาคีชเอ๋ย
    จงผูกอานม้าเข้ากับรถศึก
ท่านเป็นจุดเริ่มต้น
    ที่ทำให้ธิดาแห่งศิโยนทำบาป
ด้วยว่า ท่านกระทำตาม
    การล่วงละเมิดของอิสราเอล
14 ฉะนั้นท่านจงมอบสินสอด
    ให้แก่โมเรเชทกัท
พงศ์พันธุ์ของอัคซีบจะกลายเป็นผู้หลอกลวง
    สำหรับบรรดากษัตริย์ของอิสราเอล
15 “ผู้อยู่อาศัยของมาเรชาห์เอ๋ย
    เราจะนำผู้ยึดครองมายังเจ้า
ความสูงส่งของอิสราเอล
    จะมายังอดุลลาม
16 จงโกนศีรษะให้ล้านเป็นการไว้อาลัย
    เพื่อลูกหลานที่เจ้าชื่นชอบ
โกนศีรษะให้ล้านอย่างนกแร้ง
    เพราะพวกเขาจะลี้ภัยไปจากเจ้า”

วิบัติจงเกิดแก่ผู้กดขี่ข่มเหง

วิบัติจงเกิดแก่บรรดาผู้ที่วางแผนชั่วร้าย
    และเจตนาทำความชั่วขณะที่นอนอยู่บนเตียง
ทันทีที่ฟ้าสาง พวกเขาก็ดำเนินการ
    เพราะมีอำนาจอยู่ในมือ
พวกเขาโลภอยากได้ที่นาแล้วก็ยึดไป
    อยากได้บ้านเรือนแล้วก็ยึดไป
พวกเขากดขี่ข่มเหงและปล้นเอาบ้านของเขาไป
    บ้านซึ่งเป็นมรดกของเขา

ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้

“ดูเถิด เรากำลังวางแผนที่จะทำให้ตระกูลนี้พินาศ
    และเจ้าจะไม่สามารถช่วยตัวเองให้รอดได้
แล้วเจ้าจะไม่ดำเนินชีวิตด้วยความยโส
    เพราะจะเป็นกาลวิบัติ
ในวันนั้น จะมีคนที่ใช้สุภาษิตถากถางเจ้า
    และเขาจะร้องคร่ำครวญดังนี้ว่า
‘พวกเรายับเยินอย่างสิ้นเชิง
    พระองค์เปลี่ยนส่วนแบ่งซึ่งเป็นของชนชาติของเรา
พระองค์เอาไปจากเราได้อย่างไร
    พระองค์แบ่งที่นาของพวกเราไปให้แก่คนทรยศ’
ฉะนั้น เจ้าจะไม่มีใครสักคนในที่ประชุมของพระผู้เป็นเจ้า
    ที่จะแบ่งที่ดินด้วยการจับฉลาก

พวกเขาเทศนาดังนี้ว่า ‘จงหยุดเทศนา
    ไม่ควรมีใครกล่าวคำเทศนาเรื่องเหล่านี้
    ความอัปยศจะไม่เกิดขึ้นกับพวกเรา’
โอ พงศ์พันธุ์ของยาโคบเอ๋ย เจ้าควรจะพูดอย่างนี้กันหรือว่า
    พระผู้เป็นเจ้าหมดความอดทนแล้วหรือ
    พระองค์กระทำสิ่งเหล่านี้หรือ’
คำพูดของเราไม่ทำให้เกิดผลดี
    กับคนที่ดำเนินชีวิตด้วยความเที่ยงธรรมหรือ
เมื่อไม่นานมานี้ ชนชาติของเรา
    ได้ลุกขึ้นสู้เหมือนกับว่าเป็นศัตรู
เจ้าริบเสื้อคลุมไปจากบรรดาผู้ที่เดินผ่านมา
    อย่างไม่ระวังตัว
    จากบรรดาผู้ที่กลับมาจากสงคราม
พวกเจ้าขับไล่บรรดาผู้หญิงของชนชาติของเราออกไปจากบ้านอันร่มรื่น
    ของพวกนาง
เจ้าเอาบารมีของเราไปจากลูกๆ
    ของพวกนางไปตลอดกาล
10 จงลุกขึ้นและไปให้พ้น
    เพราะนี่ไม่ใช่ที่พักของพวกเจ้า
เนื่องจากความเป็นมลทิน
    เจ้าจะถูกทำลายจนยับเยิน
11 ถ้าคนใดคนหนึ่งดำเนินชีวิตด้วยการพูดอย่างลมๆ แล้งๆ และโป้ปดว่า
    ‘เราจะเทศนาเรื่องเหล้าองุ่นและสุราแก่เจ้า’
    เขาจะเป็นนักเทศน์ของชนชาตินี้
12 โอ ยาโคบเอ๋ย เราจะรวบรวมพวกเจ้าทุกคนอย่างแน่นอน
    เราจะรวบรวมผู้ที่ยังมีชีวิตเหลืออยู่ของอิสราเอล
เราจะให้พวกเขาเข้ามาอยู่ด้วยกัน
    เหมือนแกะในคอก
เหมือนฝูงแกะในทุ่งหญ้า
    ผู้คนจำนวนมากส่งเสียงเอิกเกริก
13 ผู้ที่ทะลวงทางจะนำหน้าพวกเขาขึ้นไป
    จะพังประตู และออกไปทางนั้น
กษัตริย์ของพวกเขาจะเดินนำพวกเขาออกไป
    พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้นำของพวกเขา”

ผู้ปกครองและผู้เผยคำกล่าวถูกห้ามปราม

และข้าพเจ้าพูดดังนี้ว่า

“บรรดาผู้นำของยาโคบ
    และบรรดาผู้ปกครองของพงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย
จงฟังเถิด พวกท่านควรรู้จักความยุติธรรมมิใช่หรือ
    พวกท่านเกลียดความดีและรักความชั่ว
ท่านฉีกผิวหนังประชาชนของข้าพเจ้า
    และขูดเนื้อจากกระดูกของพวกเขา
ท่านกินเนื้อประชาชนของข้าพเจ้า
    และขูดผิวจากพวกเขา
และหักกระดูกเป็นชิ้นๆ
    และสับอย่างสับเนื้อลงในกระทะ
    อย่างเนื้อในหม้อต้ม”

แล้วพวกเขาจะส่งเสียงร้องถึงพระผู้เป็นเจ้า
    แต่พระองค์จะไม่ตอบพวกเขา
ในเวลานั้นพระองค์จะซ่อนหน้าไปจากพวกเขา
    เพราะพวกเขาได้กระทำความชั่ว

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า

“บรรดาผู้เผยคำกล่าว
    ซึ่งนำชนชาติของเราให้หลงผิด
ในเวลาที่มีคนให้อาหาร
    พวกเขาก็ร้องประกาศสันติสุข
แต่กลับประกาศสงครามต่อต้าน
    คนที่ไม่ให้อาหารพวกเขา
ฉะนั้น ความมืดจะตกอยู่กับพวกเจ้าโดยปราศจากภาพนิมิต
    และความมืดจะตกอยู่กับพวกเจ้าโดยปราศจากการทำนาย
จะไม่มีดวงอาทิตย์ส่องให้แก่บรรดาผู้เผยคำกล่าว
    และพวกเขาจะเผชิญกับวันที่มืดมิด
บรรดาผู้รู้จะได้รับความอัปยศ
    และบรรดาผู้ทำนายจะต้องอับอาย
พวกเขาทุกคนจะปิดปาก
    เพราะไม่มีคำตอบจากพระเจ้า”
แต่สำหรับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะเปี่ยมล้นด้วยพลัง
    ด้วยพระวิญญาณพระผู้เป็นเจ้า
    ด้วยความยุติธรรมและอานุภาพ
เพื่อจะประกาศการล่วงละเมิดของยาโคบ
    และประกาศบาปของอิสราเอลให้ทราบ

บรรดาผู้นำของยาโคบ
    และบรรดาผู้ปกครองของพงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเถิด
ใครเกลียดความยุติธรรม
    และทำทุกสิ่งที่ตรงให้คด
10 บรรดาผู้สร้างศิโยนด้วยการนองเลือด
    และสร้างเยรูซาเล็มด้วยความชั่วร้าย
11 บรรดาผู้นำของเมืองตัดสินโทษเพราะเห็นแก่สินบน
    บรรดาปุโรหิตของเมืองสอนเพราะเห็นแก่ค่าจ้าง
    บรรดาผู้เผยคำกล่าวทำนายเพราะเห็นแก่เงินทอง
ถึงกระนั้นพวกเขายังพึ่งในพระผู้เป็นเจ้า และพูดว่า
    พระผู้เป็นเจ้าอยู่ท่ามกลางพวกเรามิใช่หรือ
    ความวิบัติใดๆ จะไม่เกิดขึ้นกับพวกเราหรอก”
12 ฉะนั้น เป็นเพราะพวกท่าน
    ศิโยนจะถูกไถเหมือนเป็นไร่นา
เยรูซาเล็มจะกลายเป็นกองซากปรักหักพัง
    และภูเขาของพระตำหนักจะเป็นดงไม้ทึบ

ภูเขาของพระผู้เป็นเจ้า

เมื่อถึงช่วงเวลาแห่งวาระสุดท้าย
    ภูเขาของพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า
    จะได้รับการสถาปนาเป็นภูเขาสูงที่สุดในบรรดาเทือกเขาทั้งหลาย
และจะถูกยกขึ้นอยู่เหนือเนินเขาทั้งปวง
    และบรรดาชนชาติจะพากันหลั่งไหลเข้าไป

ประชาชาติจำนวนมากจะมาและพูดว่า

“มาเถิด เราขึ้นไปยังภูเขาของพระผู้เป็นเจ้า
    ไปยังพระตำหนักของพระเจ้าของยาโคบกันเถิด
เพื่อให้พระองค์สอนวิถีทางของพระองค์ให้แก่พวกเรา
    และเพื่อพวกเราจะดำเนินในทางของพระองค์”
เพราะกฎบัญญัติจะออกมาจากศิโยน
    และคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าจะมาจากเยรูซาเล็ม
พระองค์จะตัดสินความระหว่างชนชาติจำนวนมาก
    และจะตัดสินการโต้แย้งให้กับบรรดาประชาชาติที่แข็งแกร่งที่อยู่ห่างไกล
และพวกเขาจะตีดาบให้เป็นใบมีดคันไถ
    และตีหอกให้เป็นขอเกี่ยวสำหรับลิดกิ่งไม้
ประชาชาติจะไม่ใช้ดาบต่อสู้กัน
    และพวกเขาจะไม่ศึกษาเรื่องการสู้รบอีกต่อไป
ผู้ชายแต่ละคนจะนั่งอยู่ใต้ซุ้มองุ่นและใต้ต้นมะเดื่อของตน
    จะไม่มีผู้ใดทำให้พวกเขาหวาดกลัว
    เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวดังนั้นแล้ว
ชนชาติทั้งปวงดำเนินชีวิต
    ในนามของปวงเทพเจ้าของพวกเขา
แต่พวกเราจะดำเนินชีวิตในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา
    จนชั่วกัปชั่วกัลป์

พระผู้เป็นเจ้าจะช่วยศิโยนให้รอด

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้

“ในวันนั้นเราจะเรียกประชุมคนง่อย
และรวบรวมบรรดาผู้ที่ถูกขับไล่
    และบรรดาผู้ที่เราได้ทำให้รับทุกข์
เราจะทำให้คนง่อยเป็นผู้ที่เหลืออยู่
    และบรรดาผู้ที่ถูกขับไล่เป็นประชาชาติที่แข็งแกร่ง
และพระผู้เป็นเจ้าจะปกครองพวกเขาที่ภูเขาศิโยน
    ตั้งแต่บัดนี้จนชั่วกัปชั่วกัลป์
สำหรับเจ้า โอ หอคอยของฝูงแกะ
    เนินเขาของธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย
การปกครองแบบที่เคยเป็นจะกลับมา
    อาณาจักรสำหรับธิดาแห่งเยรูซาเล็มจะกลับมาสู่เจ้า”

ทำไมท่านจึงร้องเสียงดังในเวลานี้
    ท่านไม่มีกษัตริย์หรือ
ที่ปรึกษาของท่านเสียชีวิตไปแล้วหรือ
    ท่านเจ็บปวดดั่งผู้หญิงในยามคลอดลูก
10 ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงบิดด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
    และโอดครวญดั่งผู้หญิงในยามคลอดลูก
เพราะบัดนี้ ท่านจะออกไปจากเมือง
    และอาศัยอยู่ในที่โล่งแจ้ง
    ท่านจะไปยังบาบิโลน
ที่นั่นท่านจะได้รับความปลอดภัย
    ที่นั่นพระผู้เป็นเจ้าจะไถ่ท่านให้พ้นจากมือของศัตรู

11 แต่ในเวลานี้ ประชาชาติจำนวนมาก
    มาร่วมกันโจมตีท่าน พวกเขาพูดว่า
“เราไปทำให้เมืองเป็นมลทินกันเถิด
    และมองดูศิโยนอย่างสะใจ”
12 แต่พวกเขาไม่ทราบความคิดของพระผู้เป็นเจ้า
    พวกเขาไม่เข้าใจแผนการของพระองค์
พระองค์ได้รวบรวมพวกเขา
    อย่างฟ่อนข้าวไปที่ลานนวดข้าว
13 “โอ ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย
    จงลุกขึ้นและเหยียบย่ำเถิด
    เพราะเราจะทำให้เขาของเจ้าแกร่งดั่งเหล็กกล้า
และเราจะทำให้กีบเท้าของเจ้าเป็นดั่งทองสัมฤทธิ์
    เจ้าจะโจมตีชนชาติจำนวนมากให้แหลก”
และท่านจะมอบสิ่งที่พวกเขาริบไปเพื่อถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า
    มอบสมบัติมหาศาลของพวกเขาให้แด่พระผู้เป็นเจ้าแห่งโลกทั้งโลก

วิวรณ์ 6

ตราประทับทั้งเจ็ด

ครั้นแล้วข้าพเจ้าเห็นลูกแกะเปิดตราประทับดวงแรกของตราประทับทั้งเจ็ดออก ข้าพเจ้าได้ยินหนึ่งในบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งสี่พูดด้วยเสียงประดุจฟ้าร้องว่า “มาเถิด” ดูเถิด ข้าพเจ้าเห็นม้าขาวตัวหนึ่ง ผู้ที่ขี่มีคันธนู เขารับเอามงกุฎไว้ แล้วขี่ม้าออกไปอย่างผู้มีชัยเพื่อจะได้ชัยชนะ

เมื่อพระองค์เปิดตราประทับดวงที่สองออก ข้าพเจ้าก็ได้ยินสิ่งมีชีวิตตัวที่สองพูดว่า “มาเถิด” ครั้นแล้วม้าอีกตัวหนึ่งซึ่งเป็นม้าสีแดงเพลิงก็ออกไป ผู้ที่ขี่ได้รับอนุญาตให้นำสันติสุขออกไปจากแผ่นดินโลก และทำให้คนทั้งปวงฆ่าฟันกันเอง เขาเองได้รับดาบใหญ่เล่มหนึ่ง

เมื่อพระองค์เปิดตราประทับดวงที่สามออก ข้าพเจ้าก็ได้ยินสิ่งมีชีวิตตัวที่สามพูดว่า “มาเถิด” ดูเถิด ข้าพเจ้าเห็นม้าสีดำตัวหนึ่งซึ่งผู้ที่ขี่ถือตราชูอยู่ในมือ และข้าพเจ้าได้ยินเสียงที่ดูเหมือนว่ามาจากท่ามกลางสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ว่า “ข้าวสาลีราคาลิตรละ 1 เดนาริอัน[a] และข้าวบาร์เลย์ 3 ลิตรต่อ 1 เดนาริอัน และอย่าทำให้น้ำมันมะกอกกับเหล้าองุ่นเสียไป”

เมื่อพระองค์เปิดตราประทับดวงที่สี่ออก ข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงของสิ่งมีชีวิตตัวที่สี่พูดว่า “มาเถิด” ดูเถิด ข้าพเจ้าเห็นม้าสีเขียวซีดตัวหนึ่ง ผู้ที่ขี่มีชื่อว่า ความตาย และชื่อ แดนคนตาย ซึ่งกำลังขี่ตามหลังของพวกเขามา พวกเขาได้รับสิทธิอำนาจฆ่าหนึ่งในสี่ส่วนของแผ่นดินโลกด้วยคมดาบ ความอดอยาก โรคระบาด และด้วยสัตว์ป่าของแผ่นดินโลก

เมื่อพระองค์เปิดตราประทับดวงที่ห้าออก ข้าพเจ้าก็เห็นดวงวิญญาณที่ใต้แท่นบูชา ซึ่งเป็นวิญญาณของพวกที่ถูกสังหารเพราะคำกล่าวของพระเจ้า และเพราะคำยืนยันที่เขาประกาศ 10 เขาเหล่านั้นร้องเรียกด้วยเสียงอันดังว่า “พระผู้เป็นเจ้าผู้สูงสุด องค์ผู้บริสุทธิ์และสัตย์จริง อีกนานเท่าใดกว่าพระองค์จะพิพากษา และสนองตอบคนทั้งปวงที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินโลก” 11 และแต่ละคนก็ได้รับเสื้อคลุมสีขาว และรับสั่งว่าให้รอคอยต่อไปอีกหน่อย จนกว่าบรรดาเพื่อนผู้รับใช้และพี่น้องของพวกเขาจะต้องถูกสังหารเหมือนกับพวกเขาจนครบจำนวนเสียก่อน

12 เมื่อพระองค์เปิดตราประทับดวงที่หกออก ข้าพเจ้าก็เห็นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ และดวงอาทิตย์กลับดำมืดดุจผ้าดำสำหรับไว้ทุกข์ และดวงจันทร์ทั้งดวงก็กลับกลายเป็นสีเลือด 13 และดวงดาวทั้งหลายบนท้องฟ้าก็ตกลงมาบนแผ่นดินโลก ประดุจลูกมะเดื่อที่ยังไม่ทันสุกแล้วต้องหล่นจากต้นเมื่อถูกลมกรรโชกแรง 14 และท้องฟ้าก็ม้วนตัวกลับคืนเหมือนหนังสือม้วน ภูเขาทุกลูกและเกาะทุกเกาะก็ขยับเขยื้อนไปจากที่ของมันเอง 15 ครั้นแล้วบรรดากษัตริย์ของแผ่นดินโลก ผู้มีอำนาจสูงศักดิ์ บรรดาทหารระดับนายพล คนมั่งมี ผู้มีอิทธิพล ทาสและอิสระชนทุกคน ต่างก็ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำและตามโขดหินที่ภูเขา 16 แล้วพวกเขาพูดกับภูเขาและโขดหินว่า “ตกลงมาเถิด เพื่อเราจะได้ซ่อนตัวให้พ้นจากสายตาขององค์ผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์ และจากการลงโทษของลูกแกะเถิด 17 เพราะว่าวันลงโทษอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าและลูกแกะได้มาถึงแล้ว ใครจะสามารถทนได้เล่า”

สดุดี 134

มาสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเถิด

บทเพลงบรรเลงในขบวนแห่ขณะเคลื่อนขึ้นสู่เนินเขา

ดูเถิด บรรดาผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าทุกคน จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
    ทุกคนที่ยืนอยู่ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าในยามค่ำ
จงยกมือของท่านขึ้นสู่สถานที่บริสุทธิ์
    และสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า

ขอให้พระผู้เป็นเจ้าอวยพรท่านจากศิโยน
    พระองค์เป็นผู้สร้างสวรรค์และแผ่นดินโลก

สุภาษิต 30:1-4

คำพูดของอากูร์

30 คำพูดของอากูร์บุตรชายของยาเคห์เป็นคำพยากรณ์

ชายผู้นี้ประกาศแก่อิธีเอล
    แก่อิธีเอลและอูคาลว่า
ข้าพเจ้าโง่เกินกว่าที่จะเป็นมนุษย์
    และข้าพเจ้าไม่มีความเข้าใจของมนุษย์
ข้าพเจ้ายังไม่ได้เรียนรู้เรื่องสติปัญญา
    และไม่มีความรู้เรื่ององค์ผู้บริสุทธิ์
ใครได้ขึ้นไปบนสวรรค์แล้วลงมา
    แล้วใครกอบลมอยู่ในกำมือ
ใครห่อน้ำไว้ในเสื้อคลุม
    ใครสร้างโลกทั่วแหล่งหล้าขึ้นมา
พระองค์มีพระนามว่าอะไร และบุตรของพระองค์มีนามว่าอะไร
    เจ้าต้องรู้แน่

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation