Print Page Options Listen to Reading
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the NRSVUE. Switch to the NRSVUE to read along with the audio.

New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
เฉลยธรรมบัญญัติ 23-25

ผู้ถูกกีดกันไม่ให้ร่วมในที่ประชุม

23 ชายที่ลูกอัณฑะไม่ปกติหรืออวัยวะสืบพันธุ์ถูกตัด ก็อย่าให้เข้าร่วมในที่ประชุมของพระผู้เป็นเจ้า

อย่าให้บุตรนอกสมรสเข้าร่วมในที่ประชุมของพระผู้เป็นเจ้า ลูกหลานของเขารุ่นต่อๆ ไปจน 10 ชั่วอายุคนก็อย่าให้เข้าร่วมในที่ประชุมของพระผู้เป็นเจ้า

อย่าให้ชาวอัมโมนหรือชาวโมอับเข้าร่วมในที่ประชุมของพระผู้เป็นเจ้า รวมถึงคนของพวกเขารุ่นต่อๆ ไปจน 10 ชั่วอายุคนก็อย่าให้เข้าร่วมในที่ประชุมของพระผู้เป็นเจ้าตลอดกาล[a] เพราะว่าเมื่อท่านออกจากอียิปต์ พวกเขาไม่จัดหาอาหารและน้ำให้ท่าน เขาว่าจ้างบาลาอัมบุตรของเบโอร์จากเมืองเปโธร์แห่งอารัมนาหะราอิม[b]ให้สาปแช่งท่าน กระนั้นก็ดีพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านไม่ได้ฟังบาลาอัม แต่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเปลี่ยนการสาปแช่งให้เป็นพระพรแก่ท่าน เพราะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านรักท่าน[c] อย่าพยายามให้พวกเขาสงบสุขหรือเจริญสุขตลอดชีวิตของท่าน

อย่ารังเกียจชาวเอโดม เพราะเขาเป็นพี่น้องของท่าน[d] อย่ารังเกียจชาวอียิปต์ เพราะท่านเคยเป็นคนต่างด้าวในแผ่นดินของเขา ให้หลานๆ ในชั่วอายุที่สามของพวกเขาที่เกิดตามมาเข้าร่วมในที่ประชุมของพระผู้เป็นเจ้าได้

มลทินในค่าย

เมื่อท่านทำศึกกับศัตรูขณะที่ยังอยู่ในค่าย ท่านจงรักษาตัวให้พ้นจากสิ่งที่เป็นมลทิน

10 ถ้าใครในหมู่พวกท่านเป็นมลทินจากมีฝันเปียกในยามค่ำ เขาต้องไปอยู่ที่นอกค่าย จะเข้ามาในค่ายไม่ได้ 11 จนกว่าจะถึงเวลาเย็นอีกครั้งโดยเขาจะต้องชำระล้างตัวในน้ำ พอตะวันตกดิน เขาจึงจะเข้ามาในค่ายได้

12 ท่านต้องมีสถานที่ซึ่งอยู่นอกค่ายไว้สำหรับขับถ่าย 13 และท่านจงเอาไม้ติดตัวไปพร้อมกับอาวุธ ยามท่านต้องขับถ่ายก็จงใช้ไม้นั้นขุดหลุม แล้วก็กลบสิ่งที่ท่านขับถ่าย 14 เพราะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านย่างเท้าอยู่ท่ามกลางค่ายของท่านเพื่อปกป้องท่านและให้ศัตรูยอมจำนนแก่ท่าน ฉะนั้นค่ายของท่านต้องสะอาดบริสุทธิ์ เพื่อพระองค์จะไม่ต้องเห็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมในหมู่พวกท่าน และต้องหันหลังให้ท่าน

กฎเกณฑ์ต่างๆ

15 ถ้ามีทาสที่หนีนายของเขามาพึ่งท่าน ก็อย่าจับทาสส่งคืนให้นายของเขา 16 จงให้เขาอยู่กับท่านในท่ามกลางพวกท่าน เขาพึงพอใจสถานที่ใดมากที่สุดก็ให้เขาเลือกได้ในเมืองของท่าน อย่าบีบบังคับเขาเลย

17 อย่าให้มีชายหรือหญิงชาวอิสราเอลคนใดที่จะมาเป็นชายหรือหญิงแพศยาประจำวิหาร 18 อย่านำค่าแรงของหญิงแพศยาหรือค่าแรงของสุนัข[e]เข้ามาในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเพื่อชดใช้คำสัญญา เพราะทั้งสองสิ่งนี้เป็นที่น่ารังเกียจต่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน

19 อย่าคิดดอกเบี้ยกับพี่น้องของท่าน ดอกเบี้ยที่ได้จากการยืมเงิน จากอาหาร หรือจากสิ่งใดก็ตามที่คิดเป็นดอกเบี้ยได้ 20 ท่านให้ชาวต่างชาติยืมโดยคิดดอกเบี้ยได้ แต่อย่าให้ยืมโดยคิดดอกเบี้ยกับพี่น้องของท่านเอง พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านจะอวยพรท่านในทุกสิ่งที่ท่านทำในแผ่นดินซึ่งท่านกำลังจะไปยึดครอง

21 เมื่อท่านสัญญาต่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน ก็อย่าเลื่อนกำหนดไม่ทำตามคำสัญญา เพราะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านต้องการให้ท่านทำตามที่ได้สัญญาไว้ มิฉะนั้นท่านจะถูกนับว่าท่านมีบาป 22 แต่ถ้าท่านไม่ตั้งคำสัญญา ท่านก็จะไม่มีบาป 23 อะไรก็ตามที่สัญญาด้วยปากท่าน ท่านต้องแน่ใจว่าจะปฏิบัติตามได้ เพราะท่านให้คำมั่นด้วยความสมัครใจต่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านด้วยปากของท่านเอง

24 เมื่อท่านเข้าไปในสวนองุ่นของเพื่อนบ้านท่าน ท่านจะรับประทานองุ่นจนอิ่มได้ตามความต้องการ แต่อย่าเก็บใส่ตะกร้าของท่านไป 25 เมื่อท่านเข้าไปในนาที่เพื่อนบ้านของท่านปลูกข้าวไว้ ท่านจะใช้มือเด็ดรวงข้าวได้ แต่ท่านอย่าใช้เคียวเกี่ยวข้าวที่เพื่อนบ้านของท่านปลูก

24 เมื่อชายใดรับผู้หญิงไว้เป็นภรรยา ถ้านางไม่เป็นที่โปรดปรานในสายตาของเขาเพราะนางทำตนไม่เหมาะสม เขาจึงเขียนใบหย่าใส่มือนางและไล่ออกไปจากบ้าน นางจึงไปจากบ้านเขา[f] ถ้านางจากไปและตกเป็นภรรยาของชายอีกคน สามีคนหลังไม่ชอบนางและเขียนใบหย่าใส่มือนางและไล่ออกไปจากบ้าน หรือถ้าสามีคนหลังที่เอานางไปเป็นภรรยาเกิดเสียชีวิต สามีคนก่อนที่ไล่นางไปจะรับนางไปเป็นภรรยาของเขาอีกไม่ได้หลังจากที่นางมีมลทิน เพราะเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจต่อพระผู้เป็นเจ้า และท่านอย่านำความผิดมายังแผ่นดินที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมอบให้แก่ท่านเป็นมรดก

เมื่อชายใดเพิ่งแต่งงานใหม่ อย่าเพิ่งให้เขาออกไปกับกองทัพหรือถูกประจำการใดๆ เขาต้องมีอิสระอยู่ที่บ้าน 1 ปี เพื่อมีความสุขอยู่กับภรรยาที่เขาได้มา

อย่าให้ผู้ใดยึดเอาโม่หิน หรือแม้เพียงหินท่อนบนไปเป็นประกันการชำระหนี้ เพราะจะนับว่าเขาใช้ชีวิตเป็นประกัน

ถ้าผู้ใดถูกจับได้ว่าลักพาพี่น้องชาวอิสราเอล และปฏิบัติต่อเขาเช่นทาสหรือขายเขาไป ผู้ลักพาจะต้องตาย ดังนั้นจงกำจัดคนชั่วร้ายออกไปจากพวกท่าน

จงระวังในกรณีโรคเรื้อน เอาใจใส่โดยทำตามคำชี้แจงทั้งหมดของบรรดาปุโรหิตที่เป็นชาวเลวีอย่างเคร่งครัด ท่านจงเอาใจใส่ในการปฏิบัติตามที่เราสั่งพวกเขา[g] จงนึกถึงว่าพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านกระทำต่อมิเรียมระหว่างทางที่พวกท่านออกจากอียิปต์[h]

10 เมื่อท่านให้เพื่อนบ้านขอยืมสิ่งใดก็ตาม ท่านอย่าเข้าไปในบ้านของเขาเพื่อเอาสิ่งประกันการชำระหนี้ 11 แต่ท่านจงยืนอยู่ข้างนอก และคนที่ท่านให้ยืมจะนำของประกันการชำระหนี้ออกมาให้ท่านเอง 12 ถ้าเขาเป็นคนขัดสน ก็อย่าเก็บของประกันไว้จนข้ามคืน 13 จงคืนเสื้อคลุมให้เขาก่อนตะวันตกดิน เขาจะได้ใช้คลุมนอนได้ แล้วเขาจะอวยพรท่าน และจะนับว่าท่านมีความชอบธรรม ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน

14 ท่านอย่าบีบบังคับผู้รับจ้างที่ขัดสนและยากไร้ ไม่ว่าเขาจะเป็นพี่น้องของท่านคนหนึ่งหรือคนต่างด้าวที่อยู่บนแผ่นดินภายในเมืองของท่าน 15 จงจ่ายค่าจ้างแก่เขาในวันที่เขาทำงานก่อนดวงอาทิตย์ตก เพราะเขาขัดสนและหวังจะได้รับค่าจ้าง เกรงว่าเขาจะร้องหาพระผู้เป็นเจ้าเรื่องท่าน และท่านจะมีความผิด

16 อย่าให้บิดาตายแทนบุตรของเขา และอย่าให้บุตรตายแทนบิดาเช่นกัน แต่ละคนต้องตายเพราะบาปของตนเอง

17 อย่าบิดเบือนความเป็นธรรมที่คนต่างด้าวและเด็กกำพร้าควรได้รับ และอย่ายึดเสื้อผ้าของหญิงม่ายเป็นประกันการชำระหนี้ 18 แต่ท่านจงจำไว้ว่าท่านเคยเป็นทาสในอียิปต์ และพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านไถ่ท่านมาจากที่นั่น ฉะนั้นเราจึงบัญชาท่านให้กระทำตามนี้

19 เมื่อเก็บเกี่ยวพืชผลในนาของท่าน แล้วท่านลืมฟ่อนข้าวไว้ในนา ก็ไม่ต้องกลับไปเอา จงให้ปล่อยไว้ให้เป็นของชาวต่างด้าว เด็กกำพร้า และหญิงม่าย เพื่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านจะได้อวยพรท่านในทุกสิ่งที่ท่านทำ 20 เมื่อท่านสอยผลมะกอกให้หล่นจากต้น อย่าสอยซ้ำสอง จงปล่อยให้เป็นของชาวต่างด้าว เด็กกำพร้า และหญิงม่าย 21 เมื่อท่านเก็บผลองุ่นจากสวนของท่าน อย่าเก็บเล็มอีก จงปล่อยให้เป็นของชาวต่างด้าว เด็กกำพร้า และหญิงม่าย 22 ท่านจงจำไว้ว่าท่านเคยเป็นทาสในแผ่นดินของอียิปต์ ฉะนั้นเราจึงบัญชาท่านให้ทำตามนี้

25 เมื่อมีคนวิวาทกันจนถึงกับขึ้นโรงขึ้นศาล และบรรดาผู้ตัดสินความตัดสินระหว่างพวกเขา โดยให้ผู้มีความชอบธรรมพ้นข้อหา และผู้มีความผิดต้องรับโทษ และถ้าผู้ผิดสมควรถูกเฆี่ยน ผู้ตัดสินความจะทำให้เขานอนราบลงและเฆี่ยนกันต่อหน้า จำนวนจะมากน้อยตามความผิดของเขา เขาอาจจะถูกเฆี่ยนถึง 40 ครั้ง[i] แต่อย่ามากกว่านั้น เกรงว่าถ้ามีใครเฆี่ยนเขาเกินกว่านั้นแล้ว พี่น้องของท่านจะถูกลบหลู่ต่อหน้าต่อตาท่าน

อย่าเอาตะกร้อครอบปากโคขณะที่มันกำลังนวดข้าวอยู่[j]

ถ้าพี่น้องอาศัยอยู่ด้วยกัน และคนใดคนหนึ่งตายไปโดยที่ไม่มีบุตรชายเลย ภรรยาของผู้ตายต้องไม่แต่งงานกับชายนอกครอบครัวซึ่งเป็นคนอื่น น้องชายของสามีจะเข้าไปหานางและรับนางไว้เป็นภรรยา และให้เขาปฏิบัติหน้าที่ของสามีแก่นาง[k] บุตรชายคนแรกที่นางให้กำเนิดจะได้รับชื่อของพี่ชายที่ตายไป เพื่อว่าชื่อของเขาจะไม่สาบสูญไปเสียจากอิสราเอล แต่ถ้าชายคนนั้นไม่ปรารถนาจะรับภรรยาของพี่ชายของตนไว้เป็นภรรยา นางจะต้องไปหาบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ที่ประตูเมือง และพูดว่า ‘น้องชายของสามีไม่ยอมสืบชื่อให้พี่ชายของเขาในอิสราเอล เขาไม่ปฏิบัติหน้าที่ของสามีแทนพี่ชายให้’ แล้วบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของเมืองก็จะเรียกตัวเขามาพูด และถ้าเขายืนกรานว่า ‘ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาจะรับนางไว้’ ภรรยาของพี่ชายเขาจะต้องไปหาเขาโดยมีหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ไปด้วย นางจะถอดรองเท้าของเขาออกข้างหนึ่ง แล้วถ่มน้ำลายรดหน้าเขา นางจะตอบเขาว่า ‘ก็เป็นแบบนี้แหละสำหรับชายที่ไม่ยอมมีบุตรให้พี่ชายของตน’ 10 และครอบครัวเขาจะได้ชื่อว่า ครอบครัวของคนที่ถูกถอดรองเท้า

11 เมื่อผู้ชายต่อสู้กัน ภรรยาของชายคนใดคนหนึ่งเข้ามาใกล้เพื่อจะช่วยสามีนางให้พ้นจากมือของคนที่กำลังทุบตีเขา เธอได้ยื่นมือคว้าอวัยวะสืบพันธุ์ของเขาไว้ 12 ท่านก็จงตัดมือนางทิ้งเสีย อย่าใจอ่อนสงสาร

13 ท่านอย่ามีตุ้มน้ำหนัก 2 ขนาดไว้ในถุงของท่าน คือทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก 14 อย่ามีเครื่องชั่งตวงในบ้านของท่าน 2 ขนาดทั้งใหญ่และเล็ก 15 ท่านจงมีตุ้มน้ำหนักที่แท้และเที่ยงตรง มีเครื่องชั่งตวงที่แท้และเที่ยงตรง เพื่อท่านจะได้มีชีวิตอันยืนยาวในแผ่นดินที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมอบให้แก่ท่าน 16 เพราะทุกคนที่กระทำการทุจริตดังกล่าวเป็นที่น่ารังเกียจต่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน

17 จงจำไว้ว่าชาวอามาเลขกระทำอะไรต่อท่านในระหว่างทางที่พวกท่านออกจากอียิปต์ 18 เขาโจมตีท่านระหว่างทางเมื่อท่านอ่อนล้าและสิ้นกำลัง เขากำจัดพลังจากท้ายขบวนที่ตามท่านอยู่ล้าหลัง โดยไม่เกรงกลัวพระเจ้า 19 ฉะนั้นเมื่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านให้ท่านหยุดพักจากพวกศัตรูรอบข้างในแผ่นดินที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมอบแก่ท่าน และให้ท่านยึดครองเป็นมรดก ท่านอย่าลืมเสียว่า ท่านจะกำจัดชาวอามาเลขให้สูญไปจากใต้ฟ้าสวรรค์[l]

ลูกา 10:13-37

13 วิบัติจงเกิดแก่เจ้า เมืองโคราซิน วิบัติจงเกิดแก่เจ้า เมืองเบธไซดา หากสิ่งอัศจรรย์ทั้งหลายที่ได้เกิดขึ้นต่อหน้าเจ้า มาปรากฏในเมืองไทระและไซดอน พวกเขาจะต้องกลับใจไปนานแล้ว ทั้งนุ่งห่มด้วยผ้ากระสอบ และนั่งปาขี้เถ้าใส่หัวตัวเอง 14 แต่ในวันพิพากษา เมืองไทระและไซดอนจะทนได้มากกว่าเจ้า 15 ฝ่ายเจ้าเอง เมืองคาเปอร์นาอุม เจ้าจะได้รับการยกขึ้นสู่ฟ้าหรือ เปล่าเลย เจ้าจะดิ่งลงไปถึงแดนคนตาย

16 ผู้ที่ฟังเจ้าก็ฟังเรา ผู้ไม่ยอมรับเจ้าก็จะไม่ยอมรับเรา และผู้ไม่ยอมรับเราก็จะไม่ยอมรับพระองค์ผู้ส่งเรามา”

17 สาวก 72 คน[a]กลับมาด้วยความยินดีและพูดว่า “พระองค์ท่าน แม้แต่พวกมารก็ยังยอมเชื่อฟังพวกเราเมื่อเราใช้พระนามของพระองค์” 18 พระองค์ตอบว่า “เราเห็นซาตาน[b]ตกลงจากสวรรค์ราวฟ้าแลบ 19 เรามอบสิทธิอำนาจให้แก่เจ้าเพื่อเหยียบขยี้พวกงู แมงป่อง[c] และเอาชนะอำนาจทั้งปวงของศัตรู ไม่มีสิ่งใดที่จะทำร้ายเจ้าได้เลย 20 อย่างไรก็ดี อย่าชื่นชมยินดีที่เหล่าวิญญาณยอมเชื่อฟังเจ้า แต่จงชื่นชมยินดีที่นามของเจ้าได้มีบันทึกไว้แล้วในสวรรค์”

21 ในขณะนั้นพระเยซูชื่นชมยินดีในพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์ได้กล่าวว่า “ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์ผู้เป็นพระบิดา พระผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์และโลก เพราะพระองค์ได้ซ่อนสิ่งเหล่านี้จากผู้เรืองปัญญา คนฉลาด แล้วเปิดเผยให้แก่พวกเด็กเล็กๆ ใช่แล้ว พระบิดา เพราะว่านี่คือความพึงพอใจของพระองค์ 22 พระบิดาของเราได้มอบสิ่งทั้งปวงให้แก่เรา ไม่มีใครทราบว่าพระบุตรคือใคร นอกจากพระบิดา และไม่มีใครทราบว่าพระบิดาคือใคร นอกจากพระบุตรและผู้ที่พระบุตรเลือกที่จะเปิดเผยให้รู้ถึงพระองค์”

23 แล้วพระองค์หันไปยังเหล่าสาวก กล่าวกับพวกเขาเป็นการส่วนตัวว่า “นัยน์ตาทั้งหลายที่เห็นสิ่งที่เจ้าเห็นก็เป็นสุข 24 เราขอบอกเจ้าว่า มีผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าหลายท่าน และกษัตริย์จำนวนมากใคร่จะเห็นเช่นเจ้าเห็น แต่ไม่อาจเห็น และใคร่ได้ยินเช่นเจ้าได้ยิน แต่ไม่ได้ยิน”

อุปมาเรื่องชาวสะมาเรียผู้มีเมตตา

25 ครั้งหนึ่งผู้เชี่ยวชาญฝ่ายกฎบัญญัติลุกขึ้นถามเป็นการทดสอบพระเยซูว่า “อาจารย์ ข้าพเจ้าจะต้องปฏิบัติอย่างไรจึงจะได้ชีวิตอันเป็นนิรันดร์” 26 พระองค์ตอบว่า “ในหมวดกฎบัญญัติเขียนไว้อย่างไร แล้วท่านอ่านได้ความว่าอย่างไร” 27 เขาตอบว่า “‘จงรักพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านอย่างสุดดวงใจ สุดดวงจิต สุดกำลัง และสุดความคิดของท่าน’[d] และ ‘จงรักเพื่อนบ้านของเจ้าให้เหมือนรักตนเอง’”[e] 28 พระเยซูตอบว่า “ท่านตอบได้ถูกต้องแล้ว จงทำอย่างนั้นแล้วจะได้ชีวิต”

29 แต่เขาต้องการจะแก้ตัว ฉะนั้นเขาถามต่อไปว่า “แล้วใครคือเพื่อนบ้านของข้าพเจ้า” 30 พระเยซูตอบว่า “มีชายคนหนึ่งกำลังจากเมืองเยรูซาเล็มไปยังเมืองเยรีโค ระหว่างทางโจรได้ปล้นเขาโดยเปลื้องเอาเสื้อผ้าของเขา ทั้งยังทุบตีก่อนจะหนีหายไป ทิ้งชายผู้บาดเจ็บเจียนตายไว้ 31 เผอิญมีปุโรหิตคนหนึ่งเดินไปตามถนนนั้น เมื่อเห็นผู้บาดเจ็บกลับเดินเลยไปอีกฟากถนน 32 ชาวเลวี[f]คนหนึ่งซึ่งผ่านมาถึงที่นั่นเหมือนกันและเห็นชายคนนั้นก็เดินเลยไปอีกฟากถนน 33 ส่วนชาวสะมาเรียคนหนึ่งเดินทางผ่านมาจนมาใกล้ชายคนนั้น เมื่อเห็นเขาแล้วก็เกิดความสงสาร 34 จึงเข้าไปช่วยพันบาดแผล เทน้ำมันและเหล้าองุ่นลงที่บาดแผลให้ แล้วพาดชายคนนั้นบนลาของเขาเอง พาเขาไปที่โรงแรมแห่งหนึ่งเพื่อช่วยรักษา 35 วันรุ่งขึ้นชายเดินทางผู้นั้นหยิบ 2 เหรียญเดนาริอันออกมาให้เจ้าของโรงแรม และพูดว่า ‘ช่วยดูแลเขาด้วย เวลาเรากลับมาเราจะชดใช้ส่วนที่ขาดให้’ 36 ท่านคิดว่า 3 คนที่ว่ามานี้ คนไหนเป็นเพื่อนบ้านของชายที่ตกอยู่ในมือของโจร” 37 ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายกฎบัญญัติตอบว่า “คนที่มีเมตตาต่อเขา” พระเยซูกล่าวว่า “จงไปปฏิบัติเช่นนั้นเถิด”

สดุดี 75

พระเจ้าเป็นผู้ตัดสิน

ถึงหัวหน้าวงดนตรี ตามทำนอง “อย่าทำลาย” เพลงสดุดีของอาสาฟ บทเพลง

พวกเราขอบคุณพระองค์ โอ พระเจ้า
    พวกเราขอบคุณเพราะพระองค์อยู่ใกล้
ผู้คนประกาศถึงสิ่งมหัศจรรย์ที่พระองค์กระทำ

พระองค์กล่าวว่า “เราจะเลือกเวลาตามที่ได้กำหนดไว้
    เราจะตัดสินด้วยความชอบธรรม
เมื่อแผ่นดินโลกและสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลกสั่นไหว
    เรานั่นแหละเป็นผู้ทำให้ฐานรากมั่นคงไว้ เซล่าห์
เราบอกคนขี้อวดว่า ‘อย่าโอ้อวดเลย’
    และบอกคนชั่วว่า ‘อย่าเอาพละกำลังของเจ้ามาอวดอ้างเลย
อย่ายกพละกำลังของเจ้าขึ้นมาเหนือสิ่งอื่น
    หรือเชิดหน้าเวลาพูดจา’”

เพราะว่าไม่มีผู้ใดจากทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตก
    หรือจากถิ่นทุรกันดารที่จะถูกเชิดจนสูงขึ้นได้
เพราะพระเจ้าเป็นผู้ตัดสิน
    พระองค์ทำให้คนหนึ่งถ่อมลง และให้อีกคนได้รับการยกย่อง
เพราะถ้วยอยู่ในมือของพระผู้เป็นเจ้า
    มีเหล้าองุ่นผสมไว้ผุดเป็นฟอง
เวลาพระองค์เทออก พวกคนชั่วทั้งปวงบนแผ่นดินโลกก็พากันดื่ม
    อย่างแน่นอน ดื่มจนเกลี้ยง
    ไม่เหลือแม้ก้นตะกอนด้วยซ้ำ

สำหรับข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะประกาศไปตลอดกาล
    ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าของยาโคบ
10 พระองค์จะกำจัดพละกำลังทั้งหมดของคนชั่วร้าย
    ส่วนพละกำลังของบรรดาผู้มีความชอบธรรมจะถูกเชิดชูขึ้น

สุภาษิต 12:12-14

12 คนชั่วร้ายอยากได้สิ่งที่บรรดาคนเลวปล้นมา
    แต่รากของบรรดาผู้มีความชอบธรรมให้ผลงดงาม
13 คนชั่วร้ายตกในกับดักเพราะปากเสีย
    แต่ผู้มีความชอบธรรมรอดจากความลำบากได้
14 คนจะอิ่มหนำด้วยสิ่งดีๆ ได้ก็จากผลที่มาจากวาจาของเขา
    และงานจากน้ำพักน้ำแรงของเขาจะให้ดอกออกผล

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation