Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
1 พงศาวดาร 29

ของถวายสำหรับสร้างพระวิหาร

29 จากนั้นกษัตริย์ดาวิดตรัสกับชุมนุมประชากรทั้งหมดว่า “โซโลมอนบุตรของข้าพเจ้าซึ่งพระเจ้าทรงเลือกสรรนั้นยังเด็กและอ่อนประสบการณ์นัก งานที่รออยู่ก็ใหญ่หลวง เพราะอาคารมโหฬารนี้ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อมนุษย์ แต่สำหรับพระเจ้าพระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าได้จัดเตรียมไว้สุดความสามารถสำหรับพระวิหารของพระเจ้า ไม่ว่าทอง เงิน ทองสัมฤทธิ์ เหล็ก ไม้ โกเมน หินจำพวกโมรา พลอยขี้นกการเวก[a] สำหรับฝังประดับเพชรพลอยหลากสี หินลาย และหินอ่อนจำนวนมหาศาล และบัดนี้ ด้วยชีวิตที่ทุ่มเทเพื่อพระวิหารของพระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอมอบทองและเงินซึ่งเป็นสมบัติส่วนตัวเพื่อสมทบในการก่อสร้างพระวิหารอันศักดิ์สิทธิ์นี้ นอกเหนือจากวัสดุทั้งปวงที่ข้าพเจ้าได้รวบรวมไว้ให้แล้วนั้น ของถวายส่วนตัวนี้ได้แก่ ทองคำหนักประมาณ 100 ตัน[b] (เป็นทองคำจากโอฟีร์) และเงินบริสุทธิ์หนักประมาณ 240 ตัน[c] สำหรับใช้กรุผนังอาคาร สำหรับทำเครื่องเงินเครื่องทองและงานช่างฝีมือ บัดนี้มีใครบ้างที่เต็มใจจะทุ่มเทถวายตัวแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าในวันนี้?”

บรรดาผู้นำของวงศ์วานต่างๆ เจ้าหน้าที่ประจำเผ่า แม่ทัพนายกอง และข้าราชบริพารทั้งหลายจึงพากันเต็มใจถวาย เพื่องานสร้างพระวิหารของพระเจ้า พวกเขาได้มอบทองคำหนักประมาณ 170 ตัน กับอีกประมาณ 84 กิโลกรัม[d] เงินหนักประมาณ 345 ตันทองสัมฤทธิ์หนักประมาณ 610 ตัน และเหล็กหนักประมาณ 3,450 ตัน[e] ใครมีเพชรนิลจินดาก็นำมาถวายที่คลังของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า ในความดูแลของเยฮีเอลตระกูลเกอร์โชน ประชาชนพากันชื่นชมยินดีที่บรรดาผู้นำของตนเต็มใจมอบถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดหัวใจ กษัตริย์ดาวิดเองก็ทรงปีติยินดีอย่างยิ่ง

คำอธิษฐานของดาวิด

10 ดาวิดสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าต่อหน้าชุมนุมประชากรทั้งปวงว่า

“ข้าแต่พระยาห์เวห์
พระเจ้าของอิสราเอลบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลาย
ขอสรรเสริญพระองค์จากนิรันดร์กาลถึงนิรันดร์กาล
11 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ความยิ่งใหญ่ ฤทธานุภาพ
เกียรติสิริ บารมี และเดชานุภาพ เป็นของพระองค์
ทุกสิ่งในฟ้าสวรรค์และพิภพโลกเป็นของพระองค์
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าราชอาณาจักรเป็นของพระองค์
พระองค์ทรงเป็นที่ยกย่องเทิดทูนในฐานะประมุขเหนือสิ่งสารพัด
12 ความมั่งคั่งและเกียรติมาจากพระองค์
พระองค์ทรงครอบครองเหนือสรรพสิ่ง
พลังอำนาจอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ที่จะเชิดชู
และประทานกำลังแก่ทุกคน
13 ข้าแต่พระเจ้า บัดนี้ข้าพระองค์ทั้งหลายขอขอบพระคุณพระองค์
และสรรเสริญพระนามอันธำรงเกียรติสิริของพระองค์

14 “แต่ข้าพระองค์เป็นใครหนอ และประชากรของข้าพระองค์เป็นใครกันเล่า ที่จะสามารถถวายแด่พระองค์อย่างเต็มใจเช่นนี้ ทุกสิ่งล้วนมาจากพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายเพียงแต่ถวายสิ่งที่มาจากพระหัตถ์ของพระองค์ 15 ข้าพระองค์ทั้งหลายก็เหมือนบรรพบุรุษ คือเป็นคนแปลกหน้าและต่างถิ่นในสายพระเนตรของพระองค์ วันเวลาของข้าพระองค์ทั้งหลายในโลกนี้ก็เหมือนเงา ไม่มีความหวังใดๆ 16 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ทรัพย์สมบัติที่ข้าพระองค์ทั้งหลายได้รวบรวมขึ้นเพื่อสร้างพระวิหารสำหรับพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์นี้ล้วนมาจากพระหัตถ์ของพระองค์ และทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นของพระองค์ 17 ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ทราบว่าพระองค์ทรงชันสูตรจิตใจและพอพระทัย ในความซื่อสัตย์สุจริต ข้าพระองค์ถวายสิ่งทั้งปวงนี้ด้วยความเต็มใจและจากใจจริง บัดนี้ข้าพระองค์ดีใจที่เห็นประชากรของพระองค์ในที่นี้ถวายสิ่งของด้วยความเต็มใจ 18 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และอิสราเอล บรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงกระทำให้ประชากรของพระองค์มีความปรารถนาเช่นนี้ในจิตใจเสมอ และมีจิตใจจงรักภักดีต่อพระองค์ตลอดไป 19 ขอโปรดให้โซโลมอนบุตรของข้าพระองค์ทุ่มเทหัวใจที่จะปฏิบัติตามพระบัญชา ข้อกำหนด และกฎหมายของพระองค์ และทำทุกสิ่งในการสร้างพระวิหารซึ่งข้าพระองค์เตรียมการไว้นี้”

20 แล้วดาวิดตรัสกับชุมนุมประชากรทั้งปวงว่า “จงสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน” เขาทั้งปวงก็หมอบกราบต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า และกษัตริย์ และสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา

โซโลมอนขึ้นเป็นกษัตริย์(A)

21 วันรุ่งขึ้นพวกเขานำวัวหนุ่มหนึ่งพันตัว แกะผู้หนึ่งพันตัว และลูกแกะตัวผู้หนึ่งพันตัวมาเป็นเครื่องเผาบูชา พร้อมทั้งเครื่องดื่มบูชาและเครื่องบูชาอื่นๆ มากมายมาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า สำหรับอิสราเอลทั้งปวง 22 ในวันนั้นมีงานเลี้ยงฉลองด้วยความชื่นชมยินดีต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

แล้วพวกเขาสถาปนาโซโลมอนราชโอรสของดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์เป็นครั้งที่สอง พวกเขาเจิมตั้งพระองค์ขึ้นเป็นผู้ปกครองต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า และเจิมตั้งศาโดกเป็นปุโรหิต 23 โซโลมอนจึงขึ้นเป็นกษัตริย์ครองราชบัลลังก์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าแทนดาวิดราชบิดา ทรงเจริญรุ่งเรือง และอิสราเอลทั้งปวงต่างเชื่อฟังพระองค์ 24 บรรดาผู้นำของชาติ แม่ทัพนายกอง ตลอดจนโอรสทั้งปวงของกษัตริย์ดาวิดต่างถวายความจงรักภักดีต่อกษัตริย์โซโลมอน

25 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเชิดชูโซโลมอนอย่างสูงในสายตาปวงชนอิสราเอล และประทานเกียรติบารมีอย่างที่ไม่มีกษัตริย์อิสราเอลองค์ใดเคยได้รับมาก่อน

ดาวิดสิ้นพระชนม์(B)

26 ดาวิดบุตรเจสซีทรงเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอลทั้งปวง 27 พระองค์ทรงปกครองอิสราเอลอยู่ 40 ปี โดยปกครองในเมืองเฮโบรน 7 ปี และในกรุงเยรูซาเล็ม 33 ปี 28 ดาวิดสิ้นพระชนม์เมื่อทรงชรามาก ได้ชื่นชมกับชีวิตยืนยาว เกียรติ และความมั่งคั่ง โซโลมอนราชโอรสขึ้นครองราชย์แทน

29 เหตุการณ์ต่างๆ ในรัชกาลกษัตริย์ดาวิดตั้งแต่ต้นจนจบบันทึกไว้ในพงศาวดารของผู้ทำนายซามูเอล พงศาวดารของผู้เผยพระวจนะนาธัน และในพงศาวดารของผู้ทำนายกาด 30 พร้อมทั้งรายละเอียดเกี่ยวกับรัชกาลของพระองค์ แสนยานุภาพ และเหตุการณ์ทั้งปวงที่เกิดขึ้นกับพระองค์ และอิสราเอลกับอาณาจักรอื่นๆ ทั้งปวง

2 เปโตร 3

วันแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า

เพื่อนที่รักทั้งหลายนี่เป็นจดหมายฉบับที่สองของข้าพเจ้าถึงท่าน ข้าพเจ้าเขียนมาทั้งสองฉบับเป็นเครื่องเตือนใจเพื่อกระตุ้นให้ท่านคิดในทางที่บริสุทธิ์ ข้าพเจ้าอยากให้ท่านระลึกถึงถ้อยคำที่เหล่าผู้เผยพระวจนะบริสุทธิ์กล่าวไว้ในอดีต และระลึกถึงพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเราที่ประทานผ่านทางเหล่าอัครทูต

ก่อนอื่นท่านต้องเข้าใจว่าในยุคสุดท้ายจะมีคนชอบเยาะเย้ยมาเยาะเย้ยและทำตามตัณหาชั่วของตนเอง พวกเขาจะกล่าวว่า “ไหนล่ะ ‘การเสด็จมา’ ที่ทรงสัญญาไว้? นานมาแล้วตั้งแต่บรรพบุรุษของเราตายไปทุกอย่างก็ดำเนินไปเหมือนที่เป็นมาตั้งแต่เริ่มสร้างโลก” แต่เขาจงใจลืมความจริงที่ว่า นานมาแล้วโดยพระดำรัสของพระเจ้าฟ้าสวรรค์ก็มีขึ้นและแผ่นดินโลกก็ก่อตัวขึ้นมาจากน้ำโดยมีน้ำล้อมรอบ น้ำเหล่านี้เองที่ท่วมทำลายโลกในครั้งนั้น โดยพระดำรัสเดียวกันนี้ ฟ้าสวรรค์และโลกปัจจุบันก็ถูกสงวนไว้ให้ไฟเผาผลาญ ถูกเก็บไว้เพื่อวันแห่งการพิพากษาและความหายนะของคนอธรรม

แต่อย่าลืมข้อนี้เพื่อนที่รัก คือสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วหนึ่งวันก็เหมือนหนึ่งพันปี และหนึ่งพันปีก็เหมือนหนึ่งวัน องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเชื่องช้าที่จะทำตามพระสัญญาอย่างที่บางคนคิด แต่ทรงอดทนต่อท่านเพราะพระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้ผู้ใดพินาศ แต่ทรงประสงค์ให้ทุกคนกลับใจใหม่

10 กระนั้นวันแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าจะมาเหมือนขโมยที่ลอบเข้ามาโดยไม่มีใครคาดคิด ฟ้าสวรรค์จะหายวับไปด้วยเสียงกัมปนาทและโลกธาตุทั้งหลายจะถูกไฟเผาทำลาย นั่นคือแผ่นดินโลกกับสรรพสิ่งในนั้นจะถูกทำลายสิ้น[a]

11 ในเมื่อทุกสิ่งจะถูกทำลายลงเช่นนี้ พวกท่านควรจะเป็นคนแบบไหน? พวกท่านควรดำเนินชีวิตอย่างบริสุทธิ์และอยู่ในทางพระเจ้า 12 ขณะที่พวกท่านเฝ้ารอและเร่งวันแห่งพระเจ้าให้มาโดยเร็ว[b] วันนั้นฟ้าสวรรค์จะล่มสลายด้วยไฟและโลกธาตุต่างๆ จะหลอมละลายในความร้อน 13 แต่ด้วยการยึดมั่นในพระสัญญาของพระองค์ พวกเรากำลังเฝ้ารอฟ้าสวรรค์ใหม่และโลกใหม่ซึ่งเป็นที่พำนักของความชอบธรรม

14 เช่นนั้นแล้วเพื่อนที่รัก ในเมื่อท่านกำลังเฝ้ารอสิ่งนี้อยู่ จงพยายามทุกวิถีทางที่จะให้พระองค์ทรงเห็นว่าท่านปราศจากข้อด่างพร้อย ไร้ตำหนิและมีสันติสุขในพระองค์ 15 จงระลึกว่าที่องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงอดกลั้นพระทัยไว้ก็เพื่อให้คนทั้งหลายมีโอกาสได้รับความรอด เหมือนที่น้องเปาโลที่รักของเราได้เขียนจดหมายมาถึงท่านด้วยสติปัญญาที่พระเจ้าประทาน 16 จดหมายทุกฉบับของเขาได้กล่าวถึงเรื่องเหล่านี้ไว้ในทำนองเดียวกัน ในจดหมายของเขามีบางอย่างที่เข้าใจยากซึ่งพวกที่รู้ไม่จริงและไม่หนักแน่นได้บิดเบือนไป เช่นเดียวกับที่ได้บิดเบือนพระคัมภีร์ข้ออื่นๆ และนำความพินาศมาสู่ตนเอง

17 เพราะฉะนั้นเพื่อนที่รัก ในเมื่อท่านทราบเช่นนี้แล้วก็จงระวังระไวเพื่อท่านจะไม่ถูกชักจูงให้หลงผิดไปตามคนไร้ศีลธรรมเหล่านี้ และไม่ตกจากที่อันมั่นคงของท่าน 18 แต่จงเจริญขึ้นในพระคุณของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเราและรู้จักพระองค์มากขึ้น ขอพระเกียรติสิริจงมีแด่พระองค์ทั้งบัดนี้และตลอดนิรันดร์! อาเมน

มีคาห์ 6

องค์พระผู้เป็นเจ้า

จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด

“ขอเจ้ายืนขึ้น แถลงคดีความของเจ้าต่อหน้าภูเขาทั้งหลาย
และให้บรรดาเนินเขาฟังสิ่งที่เจ้าพูด

“ภูเขาทั้งหลายจงฟังการกล่าวโทษขององค์พระผู้เป็นเจ้า
จงฟังเถิด เจ้าซึ่งเป็นฐานรากอันมั่นคงของโลก
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมีคดีความกับประชากรของพระองค์
พระองค์ทรงตั้งข้อหาอิสราเอล

“ประชากรของเราเอ๋ย เราทำอะไรเจ้า?
เราได้ใส่ภาระอันใดให้แก่เจ้า? จงตอบเรามา
เรานำเจ้าออกมาจากอียิปต์
และไถ่เจ้าจากแดนทาส
เราส่งโมเสสมาเพื่อนำเจ้า
พร้อมทั้งอาโรนและมิเรียม
ประชากรของเราเอ๋ย
จงระลึกถึงกษัตริย์บาลาคแห่งโมอับที่พยายามจะทำให้เจ้าถูกสาปแช่ง
แต่บาลาอัมบุตรเบโอร์กลับอวยพรเจ้าแทน
จงระลึกถึงการเดินทางของเจ้าจากชิทธีมถึงกิลกาล
เพื่อเจ้าจะได้รู้ถึงความซื่อสัตย์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า”

ข้าพเจ้าจะนำสิ่งใดมาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า
และกราบลงต่อพระเจ้าผู้ประทับในสวรรค์?
ควรที่ข้าพเจ้าจะเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยเครื่องเผาบูชา
ด้วยบรรดาลูกวัวหนึ่งขวบหรือ?
องค์พระผู้เป็นเจ้าจะพอพระทัยแกะนับพันๆ ตัว
และธารน้ำมันนับหมื่นๆ สายหรือ?
ควรที่ข้าพเจ้าจะถวายลูกหัวปีเพื่อการละเมิดของข้าพเจ้า
ถวายเลือดเนื้อเชื้อไขของข้าพเจ้าเพื่อบาปแห่งจิตวิญญาณของข้าพเจ้าหรือ?
มนุษย์เอ๋ย พระองค์ได้ทรงสำแดงแก่ท่านแล้วว่าอะไรดี
และอะไรที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์จากท่าน?
คือจงประพฤติอย่างเที่ยงธรรม รักความเมตตากรุณา
และดำเนินอย่างถ่อมใจไปกับพระเจ้าของท่าน

ความผิดและโทษทัณฑ์ของอิสราเอล

ฟังเถิด! องค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังตรัสเรียกเยรูซาเล็ม
เป็นการฉลาดที่จะยำเกรงพระนามพระองค์
“จงฟังเถิด เผ่าที่ชุมนุมกันในกรุงนั้น[a]
10 พงศ์พันธุ์ที่ชั่วร้ายเอ๋ย
จะให้เราลืมทรัพย์สมบัติที่เจ้าได้มาอย่างทุจริต
และลืมเครื่องตวงคดโกง[b]อันเป็นที่สาปแช่งหรือ?
11 จะให้เรายอมปล่อยคนที่ใช้เครื่องชั่งไม่เที่ยงตรง
และมีตุ้มน้ำหนักขี้โกงให้ลอยนวลไปหรือ?
12 คนมั่งมีในกรุงนั้นโหดเหี้ยมทารุณ
และชาวกรุงนั้นล้วนเป็นคนโกหก
และลิ้นของเขาพูดแต่คำหลอกลวง
13 ฉะนั้นเราจึงตั้งต้นทำลายเจ้า
ตั้งต้นล้มล้างเจ้าเพราะบาปทั้งหลายของเจ้า
14 เจ้าจะกิน แต่ไม่อิ่ม
ท้องของเจ้ายังคงว่างเปล่า[c]
เจ้าจะสะสม แต่ไม่มีอะไรเหลือ
เพราะเราจะมอบสิ่งที่เจ้าสะสมไว้ให้แก่คมดาบ
15 เจ้าจะปลูก แต่ไม่ได้เก็บเกี่ยว
เจ้าจะคั้นน้ำมันมะกอก แต่ไม่ได้ใช้เอง
เจ้าจะย่ำองุ่น แต่ไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่น
16 เจ้าได้ถือรักษากฎเกณฑ์ของอมรี
และพิธีกรรมทั้งปวงของราชวงศ์อาหับ
แล้วเจ้าก็เอาอย่างเขา
ฉะนั้นเราจะปล่อยให้เจ้าพินาศ
ประชาชนของเจ้าจะถูกเหยียดหยาม
เจ้าจะเป็นที่เยาะเย้ยของบรรดาประชาชาติ[d]

ลูกา 15

คำอุปมาเรื่องแกะหลงหาย(A)

15 ครั้งนั้นคนเก็บภาษีและ “คนบาป” มาชุมนุมกันเพื่อฟังพระเยซู แต่พวกฟาริสีและธรรมาจารย์บ่นพึมพำว่า “ชายคนนี้ต้อนรับคนบาปและร่วมรับประทานกับพวกเขา”

พระเยซูจึงตรัสคำอุปมาให้พวกเขาฟังว่า “สมมุติว่าพวกท่านคนหนึ่งมีแกะหนึ่งร้อยตัวและตัวหนึ่งหายไป เขาจะไม่ละแกะทั้งเก้าสิบเก้าตัวไว้กลางทุ่ง แล้วไปตามหาแกะตัวที่หายไปนั้นจนกว่าจะพบหรือ? เมื่อเขาพบแล้วก็แบกแกะนั้นใส่บ่าด้วยความชื่นชมยินดี และกลับบ้าน จากนั้นเขาก็เรียกมิตรสหายและเพื่อนบ้านมาพร้อมกัน และกล่าวว่า ‘มาร่วมยินดีกับเราเถิด เรา ได้พบแกะตัวที่หายไปนั้นแล้ว’ เราบอกท่านว่าทำนองเดียวกัน ในสวรรค์จะมีความชื่นชมยินดีในคนบาปคนหนึ่งซึ่งกลับใจใหม่ มากยิ่งกว่าในคนชอบธรรมเก้าสิบเก้าคนซึ่งไม่ต้องการกลับใจใหม่”

คำอุปมาเรื่องเหรียญหาย

“หรือสมมุติว่าหญิงคนหนึ่งมีเหรียญเงินสิบเหรียญ[a] และหายไปเหรียญหนึ่ง หญิงนั้นจะไม่จุดตะเกียงกวาดเรือนและค้นหาอย่างถี่ถ้วนจนกว่าจะพบหรือ? และเมื่อพบแล้ว นางก็เรียกมิตรสหายและเพื่อนบ้านมาพร้อมหน้ากันและกล่าวว่า ‘มาร่วมยินดีกับเราเถิด เราได้พบเหรียญที่หายไปนั้นแล้ว’ 10 เราบอกท่านว่าในทำนองเดียวกัน จะมีความชื่นชมยินดีท่ามกลางเหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าในคนบาปคนเดียวซึ่งกลับใจใหม่”

คำอุปมาเรื่องบุตรที่หลงหาย

11 พระเยซูตรัสต่อไปว่า “ชายคนหนึ่งมีบุตรชายสองคน 12 บุตรชายคนเล็กพูดกับบิดาว่า ‘บิดาเจ้าข้า ขอยกสมบัติส่วนของข้าพเจ้าให้ข้าพเจ้าเถิด’ ดังนั้นบิดาจึงแบ่งทรัพย์สมบัติของตนให้บุตรทั้งสอง

13 “ต่อมาไม่นาน บุตรชายคนเล็กนี้ก็รวบรวมสมบัติทั้งหมดของตนแล้วไปเมืองไกล และผลาญทรัพย์ของตนด้วยการใช้ชีวิตเสเพล 14 พอเขาหมดตัว ก็เกิดการกันดารอาหารอย่างหนักทั่วแถบนั้น และเขาเริ่มขัดสน 15 ดังนั้นเขาจึงไปรับจ้างชาวเมืองคนหนึ่ง และคนนั้นใช้เขาออกไปเลี้ยงหมูในทุ่งนา 16 เขาอยากจะอิ่มท้องด้วยฝักถั่วที่หมูกิน แต่ไม่มีใครให้อะไรเขากิน

17 “เมื่อเขาคิดขึ้นได้จึงกล่าวว่า ‘บิดาของเรามีลูกจ้างหลายคน พวกเขามีอาหารเหลือเฟือ แต่นี่เรากำลังจะอดตาย! 18 เราจะกลับไปหาบิดาของเราและกล่าวกับท่านว่า บิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้าทำบาปต่อสวรรค์และต่อท่านด้วย 19 ข้าพเจ้าไม่คู่ควรจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของท่านอีกต่อไป ให้ข้าพเจ้าเป็นเหมือนลูกจ้างคนหนึ่งของท่านเถิด’ 20 ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้น กลับไปหาบิดาของเขา

“แต่เมื่อเขายังอยู่แต่ไกล บิดาเห็นเขาก็สงสาร จึงวิ่งมาหาบุตรชายแล้วสวมกอดและจูบเขา

21 “เขากล่าวกับบิดาว่า ‘บิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้าทำบาปต่อสวรรค์และต่อท่านด้วย ข้าพเจ้าไม่คู่ควรจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของท่านอีกต่อไป[b]

22 “แต่บิดาสั่งคนรับใช้ว่า ‘เร็วเข้า! จงนำเสื้อผ้าที่ดีที่สุดมาให้เขาสวมใส่ เอาแหวนมาสวมนิ้วของเขา และเอารองเท้ามาสวมให้เขา 23 จงนำลูกวัวขุนมาฆ่า ให้เราจัดงานเลี้ยงฉลอง 24 เพราะบุตรชายคนนี้ของเราได้ตายไปแล้วและกลับเป็นขึ้นมาอีก เขาหายไปแล้วและได้พบกันอีก’ ดังนั้นเขาทั้งหลายจึงเริ่มเฉลิมฉลองกัน

25 “ฝ่ายบุตรคนโตอยู่ที่ทุ่งนา เมื่อกลับมาใกล้ถึงบ้าน เขาได้ยินเสียงดนตรีและเสียงเต้นรำ 26 ดังนั้นเขาจึงเรียกคนรับใช้คนหนึ่งมาถามว่ามีอะไร 27 คนรับใช้ตอบว่า ‘น้องชายของท่านกลับมาแล้ว บิดาของท่านจึงให้ฆ่าลูกวัวขุน เพราะท่านได้เขากลับมาโดยสวัสดิภาพ’

28 “บุตรคนโตก็โกรธและไม่ยอมเข้าบ้าน บิดาจึงออกมาขอร้องเขา 29 แต่เขาตอบบิดาว่า ‘ดูเถิด! หลายปีมานี้ข้าพเจ้าตรากตรำรับใช้ท่าน และไม่เคยขัดคำสั่งของท่านเลย แต่ลูกแพะสักตัวท่านก็ยังไม่เคยยกให้ข้าพเจ้าเพื่อเลี้ยงฉลองกับเพื่อนๆ 30 แต่เมื่อลูกคนนี้ของท่านกลับมาบ้านทั้งๆ ที่ได้ผลาญสมบัติของท่านหมดไปกับหญิงโสเภณี ท่านยังฆ่าลูกวัวขุนให้เขา!’

31 “บิดากล่าวว่า ‘ลูกเอ๋ย เจ้าอยู่กับพ่อตลอดมา และทุกสิ่งที่พ่อมีก็เป็นของเจ้า 32 แต่ที่เราต้องเฉลิมฉลองและยินดีกัน เพราะน้องคนนี้ของเจ้าได้ตายไปแล้วและกลับเป็นขึ้นมาอีก เขาหายไปแล้วและได้พบกันอีก’ ”

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.