Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
กันดารวิถี 4

ชาวโคฮาท

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสและอาโรนว่า “จงจดทะเบียนสำมะโนประชากรของชาวโคฮาทในหมู่ชาวเลวีตามตระกูล และลำดับครอบครัวของพวกเขา จงนับจำนวนผู้ชายทั้งหมดที่มีอายุระหว่าง 30-50 ปีที่มารับใช้งานในกระโจมที่นัดหมาย งานของชาวโคฮาทในกระโจมที่นัดหมายคือ ดูแลสิ่งบริสุทธิ์ที่สุด ในยามที่ต้องเคลื่อนย้ายค่าย ให้อาโรนและบรรดาบุตรของเขาเข้าไปข้างในหยิบม่านกั้น ใช้ผ้าผืนนั้นคลุมหีบพันธสัญญา ให้พวกเขาเอาหนังปลาโลมาหุ้มหีบ แล้วใช้ผ้าสีน้ำเงินล้วนคลุมทับ และสอดคานหามเข้าที่ ให้พวกเขาใช้ผ้าสีน้ำเงินคลุมโต๊ะสำหรับขนมปังอันบริสุทธิ์ วางจาน ชาม ถ้วย และโถสำหรับเครื่องดื่มบูชา ขนมปังที่ถวายเป็นประจำก็ต้องวางไว้บนโต๊ะนั้นด้วย ให้พวกเขาใช้ผ้าสีแดงสดคลุมเครื่องตั้งโต๊ะ และคลุมทับด้วยหนังปลาโลมาก่อนจะสอดคานหามเข้าที่ ให้พวกเขาใช้ผ้าสีน้ำเงินคลุมคันประทีปที่ใช้เป็นแสงสว่าง ดวงประทีป กรรไกรตัดไส้ดวงประทีป ถาด และโถน้ำมันทั้งหมดที่ใช้ในการปฏิบัติงาน 10 พวกเขาต้องใช้หนังปลาโลมาห่อทับทุกสิ่ง และวางไว้บนแคร่ 11 ให้พวกเขาใช้ผ้าสีน้ำเงินคลุมแท่นบูชาทองคำ และคลุมทับด้วยหนังปลาโลมาก่อนจะสอดคานหามเข้าที่ 12 ให้พวกเขาใช้ผ้าสีน้ำเงินห่อภาชนะทุกชิ้นที่ใช้ในการปฏิบัติงานในสถานที่บริสุทธิ์ และใช้หนังปลาโลมาคลุมทับและวางไว้บนแคร่ 13 ให้พวกเขาเอาขี้เถ้าออกจากแท่นบูชา ใช้ผ้าสีม่วงคลุมแท่น 14 และให้เขาวางเครื่องใช้ประกอบทุกชิ้นไว้บนแท่น สิ่งที่ใช้ปฏิบัติงานที่นั่น เช่น ถาดเก็บถ่านร้อน ส้อม ช้อนตัก และอ่างน้ำ เขาต้องวางสิ่งเหล่านี้ไว้บนแท่นก่อน แล้วจึงใช้หนังปลาโลมาคลุม และสอดคานหามเข้าที่ 15 หลังจากที่อาโรนและบรรดาบุตรของเขาคลุมสิ่งของเครื่องใช้ของสถานที่บริสุทธิ์ทุกชิ้นเสร็จแล้ว ค่ายก็พร้อมที่จะเคลื่อนย้าย ชาวโคฮาทจะต้องเป็นผู้ยกหามสิ่งเหล่านี้ แต่ห้ามจับต้องสิ่งบริสุทธิ์ทั้งปวง มิฉะนั้นเขาจะต้องตาย ชาวโคฮาทต้องยกหามทุกสิ่งที่อยู่ในกระโจมที่นัดหมาย

16 ให้เอเลอาซาร์บุตรของอาโรนปุโรหิตเป็นผู้ดูแลเรื่องน้ำมันสำหรับจุดดวงประทีป เครื่องหอม เครื่องธัญญบูชาที่ถวายเป็นประจำ และน้ำมันเจิม เขาต้องดูแลกระโจมที่พำนักทั้งหมดและทุกสิ่งที่อยู่ในกระโจม รวมทั้งภาชนะอันบริสุทธิ์”

17 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสและอาโรนว่า 18 “อย่าทำลายเชื้อสายของตระกูลชาวโคฮาทไปจากชาวเลวี 19 จงกระทำตามนี้แล้วพวกเขาจะได้ไม่ตาย เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้สิ่งบริสุทธิ์ที่สุด อาโรนและบรรดาบุตรของเขาจะกำหนดหน้าที่ให้ผู้ชายแต่ละคนปฏิบัติ และรับผิดชอบงานของตน 20 โดยจะต้องไม่มองสิ่งบริสุทธิ์เหล่านั้นโดยเด็ดขาด แม้เพียงชั่วขณะเดียวก็ไม่ได้ มิฉะนั้นเขาจะต้องตาย”

ชาวเกอร์โชน

21 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 22 “จงจดทะเบียนสำมะโนประชากรของชาวเกอร์โชนตามตระกูล และลำดับครอบครัวของพวกเขาด้วย 23 จงนับจำนวนผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 30-50 ปีที่มารับใช้งานของกระโจมที่นัดหมาย 24 งานรับใช้ของตระกูลชาวเกอร์โชนที่เขาต้องปฏิบัติและรับผิดชอบมีดังนี้ 25 พวกเขาต้องหามม่านของกระโจมที่พำนัก กระโจมที่นัดหมายกับที่คลุม และที่คลุมชั้นนอกเย็บด้วยหนังปลาโลมา ม่านบังตาที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย 26 ผ้าแขวนที่ลานรอบกระโจมที่พำนักและแท่นบูชา ม่านบังตาที่ประตูทางเข้าลาน เชือกและเครื่องอุปกรณ์ทุกชิ้นที่ใช้ในงานรับใช้ ชาวเกอร์โชนต้องปฏิบัติงานที่จำเป็นเหล่านี้ทุกอย่าง 27 งานรับใช้ของชาวเกอร์โชนในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการรับผิดชอบหรืองานรับใช้ เขาต้องกระทำภายใต้การควบคุมของอาโรนและบรรดาบุตรของเขา และเจ้าจะต้องกำหนดงานแบกหามแก่พวกที่มีหน้าที่ดูแล 28 นี่เป็นงานรับใช้ของครอบครัวชาวเกอร์โชน ณ กระโจมที่นัดหมาย หน้าที่การงานของพวกเขาต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของอิธามาร์บุตรของอาโรนปุโรหิต

ชาวเมรารี

29 จงนับจำนวนชาวเมรารีตามตระกูล และลำดับครอบครัวของพวกเขา 30 นับจำนวนผู้ชายทุกคนที่มีอายุ 30-50 ปีที่มารับใช้งานของกระโจมที่นัดหมาย 31 การงานรับใช้ของพวกเขาที่ต้องปฏิบัติที่กระโจมที่นัดหมายมีดังนี้คือ หามโครงสร้างกระโจมที่พำนัก คาน เสาหลัก และฐาน 32 อีกทั้งเสาหลักรอบลานพร้อมฐาน หมุดกระโจม และเชือก เครื่องอุปกรณ์ทุกชิ้นและทุกสิ่งที่ต้องใช้งาน กำหนดงานเจาะจงที่ผู้ชายแต่ละคนต้องแบกหาม 33 นี่คืองานรับใช้ของครอบครัวชาวเมรารีเวลาเขาปฏิบัติงานในกระโจมที่นัดหมายภายใต้การควบคุมของอิธามาร์บุตรของอาโรนปุโรหิต”

จำนวนคนในตระกูลเลวี

34 โมเสส อาโรน และบรรดาหัวหน้าของมวลชนนับจำนวนชาวโคฮาทตามตระกูล และลำดับครอบครัวของพวกเขา 35 ที่มีอายุตั้งแต่ 30-50 ปีและได้มารับใช้งานในกระโจมที่นัดหมาย 36 นับตามลำดับครอบครัวแล้วมีจำนวน 2,750 คน 37 นี่คือจำนวนคนทั้งหมดที่อยู่ในครอบครัวชาวโคฮาทที่ปฏิบัติงานรับใช้ในกระโจมที่นัดหมาย โมเสสและอาโรนนับพวกเขาตามคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้าโดยผ่านโมเสส

38 ชาวเกอร์โชนถูกนับตามตระกูล และลำดับครอบครัวของเขา 39 ผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 30-50 ปีที่มาปฏิบัติงานรับใช้ในกระโจมที่นัดหมาย 40 นับตามตระกูล และลำดับครอบครัวแล้วมีจำนวน 2,630 คน 41 นี่คือจำนวนคนทั้งหมดที่อยู่ในครอบครัวชาวเกอร์โชนที่มาปฏิบัติงานในกระโจมที่นัดหมาย โมเสสและอาโรนนับพวกเขาตามคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า

42 ครอบครัวชาวเมรารีถูกนับตามตระกูล และลำดับครอบครัวของพวกเขา 43 ผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 30-50 ปีที่มาปฏิบัติงานในกระโจมที่นัดหมาย 44 ถูกนับตามลำดับครอบครัวแล้วมีจำนวน 3,200 คน 45 นี่คือจำนวนคนทั้งหมดที่อยู่ในตระกูลชาวเมรารี โมเสสและอาโรนนับพวกเขาตามคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า

46 ดังนั้น โมเสส อาโรน และบรรดาหัวหน้าของอิสราเอลก็ได้นับชาวเลวีทุกคนตามตระกูล และลำดับครอบครัว 47 ผู้ชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 30-50 ปีที่มาปฏิบัติงานรับใช้และหามกระโจมที่นัดหมาย 48 มีจำนวน 8,580 คน 49 ตามคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้าโดยผ่านโมเสส แต่ละคนได้รับมอบหมายงานและได้รับคำสั่งว่าจะต้องแบกหามสิ่งใด ด้วยการกระทำดังกล่าวพวกเขาถูกนับตามที่พระผู้เป็นเจ้าสั่งโมเสสไว้

สดุดี 38

คำอธิษฐานของชายผู้ตกในความทุกข์ทรมาน

เพลงสดุดีของดาวิด ขอความกรุณา

โอ พระผู้เป็นเจ้าโปรดอย่าดุว่าข้าพเจ้าขณะที่พระองค์เกรี้ยวโกรธ
    และขออย่าให้ข้าพเจ้าต้องเรียนรู้จากการลงโทษของพระองค์
เพราะว่าลูกศรของพระองค์ปักถูกตัว
    และมือของพระองค์ฟาดที่ตัวข้าพเจ้า
เพราะความขัดเคืองของพระองค์ ร่างกายข้าพเจ้าจึงไม่สมบูรณ์
    เพราะบาปของข้าพเจ้า กระดูกจึงไม่แข็งแรง
ความรู้สึกผิดท่วมท้นข้าพเจ้า
    ประหนึ่งภาระหนักเกินกว่าจะทนได้

เป็นเพราะความโง่เขลาของข้าพเจ้า
    บาดแผลจึงเน่า และส่งกลิ่นเหม็น
ข้าพเจ้าทิ้งตัวลงราบกับพื้น
    และไม่ว่าข้าพเจ้าจะย่างก้าวไปที่ใด
    ก็มีแต่ความเศร้าหมองตลอดวันเวลา
ด้วยว่าบั้นเอวข้าพเจ้าปวดแสบปวดร้อน
    และเนื้อหนังข้าพเจ้าไม่อยู่ในสภาพปกติ
ข้าพเจ้าหมดเรี่ยวแรงและสิ้นหวังเป็นที่สุด
    ข้าพเจ้าคร่ำครวญด้วยความร้าวรานใจ

โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทราบทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าต้องการ
    เสียงถอนหายใจของข้าพเจ้าไม่อาจซ่อนเร้นจากพระองค์ได้
10 ใจข้าพเจ้าสั่นระริก ข้าพเจ้าอ่อนกำลังลงมาก
    และประกายตาของข้าพเจ้าก็สูญหายไปด้วย
11 บรรดาเพื่อนและมิตรสหายหลีกลี้ข้าพเจ้าไปเพราะภัยพิบัติ
    พวกเพื่อนบ้านก็เลี่ยงหนีจากข้าพเจ้า
12 พวกที่ตามล่าชีวิตข้าพเจ้าวางกับดัก
    ส่วนพวกที่ต้องการทำให้ข้าพเจ้าเจ็บปวดก็ขู่ว่าจะทำให้ข้าพเจ้าวอดวาย
    พวกเขาวางแผนต่อต้านข้าพเจ้าตลอดวันเวลา

13 แต่ข้าพเจ้าเป็นเหมือนคนหูหนวก
    ข้าพเจ้าไม่ได้ยิน เป็นอย่างคนใบ้ที่ไม่เปิดปาก
14 ข้าพเจ้าเป็นเช่นคนที่ไม่ได้ยิน
    และมีปากที่ไร้การตอบโต้
15 โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ารอคอยพระองค์
    พระองค์จะตอบ โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า
16 เพราะข้าพเจ้ากล่าวไว้ว่า “อย่าปล่อยให้พวกเขาสมน้ำหน้าข้าพเจ้าด้วยใจยินดี
    พวกเขาหยามน้ำหน้าข้าพเจ้าเวลาเท้าข้าพเจ้าเพลี่ยงพล้ำ”

17 ด้วยว่า ข้าพเจ้ากำลังจะล้มลง
    และข้าพเจ้าเผชิญความเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา
18 ข้าพเจ้าสารภาพความชั่วของตัวเอง
    และเป็นทุกข์เรื่องบาปของข้าพเจ้า
19 พวกที่เป็นศัตรูข้าพเจ้าโดยไร้สาเหตุมีกำลังมาก
    และคนที่เกลียดชังข้าพเจ้าอย่างผิดๆ ก็มีจำนวนมาก
20 บรรดาผู้ตอบสนองความดีของข้าพเจ้าด้วยความชั่ว
    เป็นศัตรูข้าพเจ้า
    เพราะข้าพเจ้าพยายามทำความดี

21 โอ พระผู้เป็นเจ้า อย่าทอดทิ้งข้าพเจ้าไป พระเจ้าของข้าพเจ้า
    อย่าอยู่ห่างไปจากข้าพเจ้าเลย
22 โปรดช่วยข้าพเจ้าโดยเร็ว
    โอ พระผู้เป็นเจ้า ผู้ช่วยให้รอดพ้นของข้าพเจ้า

เพลงซาโลมอน 2

ผู้หญิง

ฉันเป็นเพียงดอกไม้ดอกหนึ่งที่ชาโรน
    เป็นเพียงดอกไม้ป่าในหุบเขา

ผู้ชาย

เธอเป็นดั่งดอกไม้ป่าที่อยู่ในหมู่ไม้หนาม
    ที่รักของฉันเป็นเช่นนั้นในหมู่ผู้หญิง

ผู้หญิง

ต้นแอปเปิ้ลในหมู่ต้นไม้ในป่าเป็นเช่นไร
    คนรักของฉันก็เป็นเช่นนั้นในหมู่ชายหนุ่ม
ฉันนั่งอยู่ใต้ร่มเงาของเขาด้วยความยินดี
    และได้ลิ้มรสความหวานจากผลของเขา
เขาพาฉันไปยังเรือนเหล้าองุ่น
    และให้ความรักของเขาห่มตัวฉันไว้
เขาให้พละกำลังแก่ฉันด้วยลูกเกด
    ให้ความชุ่มชื่นแก่ฉันด้วยลูกแอปเปิ้ล
    ฉันปรารถนาจะได้ความรักมากยิ่งขึ้น
แขนซ้ายของเขารองใต้ศีรษะของฉัน
    และแขนขวาของเขาโอบกอดฉันไว้
โอ บรรดาผู้หญิงของเยรูซาเล็ม ขอให้พวกเธอสาบาน
    ต่อละองละมั่งหรือกวางตัวเมียในทุ่งว่า
พวกเธอจะไม่รบกวนความรักของเรา
    จนกว่าเราจะพอใจ

เจ้าสาวชื่นชมคนรัก

เสียงของคนรักของฉัน
    ดูเถิด เขากำลังมา
กำลังกระโจนบนภูเขาลูกใหญ่
    เขากระโดดบนเนินเขา
คนรักของฉันเป็นดั่งละองละมั่งหรือกวางหนุ่ม
    ดูเถิด เขายืนอยู่ที่นอกกำแพงบ้าน
มองผ่านหน้าต่าง
    และจ้องดูผ่านบานเกล็ด
10 คนรักของฉันพูดกับฉันว่า
    “ที่รักของฉัน สาวงามของฉันลุกขึ้นเถิด
    มากับฉันเถอะ
11 ดูสิ ฤดูหนาวผ่านพ้นไปแล้ว
    ฝนก็ไม่ตกอีกแล้ว
12 ดอกไม้ก็ผุดขึ้นจากพื้นดิน
    ถึงเวลาได้ยินเสียงเพลงแล้ว
และเสียงของนกพิราบหางขาว
    กู่ร้องไปไกลทั่วแผ่นดินของเรา
13 ต้นมะเดื่อเริ่มผลิดอกออกผล
    และเถาองุ่นออกดอก ส่งกลิ่นหอม
ลุกขึ้นเถิด ที่รักของฉัน
    สาวงามของฉัน และมากับฉัน
14 โอ แม่นกพิราบของฉันเอ๋ย เธอหลบอยู่ในซอกหิน
    ซ่อนตัวอยู่ที่ข้างภูเขา
ให้ฉันดูหน้าเธอ
    ให้ฉันได้ยินเสียงของเธอ
เพราะเสียงของเธอไพเราะนัก
    และใบหน้าของเธอก็งดงาม
15 มาจับพวกเจ้าสุนัขจิ้งจอกให้เรากันเถอะ
    สุนัขจิ้งจอกตัวจิ๋วพวกนั้น
ที่ทำให้สวนองุ่นเสียหาย
    เพราะว่าสวนองุ่นของเรากำลังผลิดอก”

16 คนที่ฉันรักเป็นของฉัน และฉันก็เป็นของเขา
    เขาอิ่มเอิบอยู่ในหมู่ดอกไม้ป่า
17 กระทั่งเวลาเย็นย่างเข้ามา
    และเงาจากดวงอาทิตย์ก็หายไป
ที่รักของฉัน กลับมาเถิด
    เธอวิ่งอย่างละองละมั่ง
    หรือกวางหนุ่มที่ภูเขาเบเธอร์[a]

ฮีบรู 2

การเตือนเพื่อไม่ให้ห่างเหินจากไป

เพราะเหตุนี้ พวกเราจึงต้องสนใจสิ่งที่ได้ยินมาแล้วให้มากขึ้นกว่านี้อีก เพื่อเราจะได้ไม่ห่างเหินไป ในเมื่อคำที่พระเจ้าให้บรรดาทูตสวรรค์กล่าวไว้พิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง และการกระทำผิด รวมทั้งการไม่เชื่อฟังทุกอย่างได้รับโทษที่สมควรได้รับ ดังนั้น หากเราเพิกเฉยกับความรอดพ้นอันยิ่งใหญ่ แล้วเราจะหนีรอดได้อย่างไร แรกเริ่มเดิมทีพระผู้เป็นเจ้าประกาศเรื่องความรอดพ้นนี้ และพวกที่ได้ยินพระองค์ ก็ได้ยืนยันกับเรา พระเจ้าก็ได้ยืนยันแล้วด้วย โดยให้มีปรากฏการณ์อัศจรรย์ สิ่งมหัศจรรย์ ฤทธานุภาพ และของประทานต่างๆ ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งมอบให้ตามความประสงค์ของพระองค์

ผู้เบิกทางแห่งความรอดพ้น

พระองค์ไม่ได้ให้บรรดาทูตสวรรค์เป็นฝ่ายปกครองโลกใหม่ที่เรากำลังพูดถึง แต่มีคนกล่าวยืนยันตอนหนึ่งว่า

“มนุษย์คือใคร ที่พระองค์จะเอาใจใส่
    หรือบุตรมนุษย์คือใคร ที่พระองค์จะดูแลรักษา
พระองค์ทำให้เขาด้อยกว่าเหล่าทูตสวรรค์เล็กน้อยเพียงชั่วขณะ
    พระองค์ได้มอบบารมีและเกียรติให้แก่เขา
    พระองค์ได้ให้ทุกสิ่งอยู่ใต้เท้าของเขา”[a]

ทุกสิ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา จึงไม่มีสักสิ่งเดียวที่พระเจ้าไม่ได้ให้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา แต่ถึงกระนั้น พวกเราก็ไม่เห็นว่า ทุกสิ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาในเวลานี้ แต่พวกเราเห็นพระเยซูผู้ที่พระองค์ทำให้ด้อยกว่าเหล่าทูตสวรรค์เล็กน้อยเพียงชั่วขณะ ได้รับพระบารมีและพระเกียรติเป็นมงกุฎ เพราะพระองค์สิ้นชีวิตโดยการรับทุกข์ทรมาน ทั้งนี้โดยพระคุณของพระเจ้า พระองค์จึงได้ลิ้มรสความตายเพื่อมนุษย์ทุกคน

10 การนำบุตรจำนวนมากไปสู่พระบารมีเป็นการเหมาะสมที่พระเจ้าผู้สร้าง และให้สิ่งทั้งหลายดำรงอยู่ ได้เป็นผู้ทำให้ผู้เบิกทางแห่งความรอดพ้นของเขาเหล่านี้เพียบพร้อมทุกประการโดยการทนทุกข์ทรมาน 11 ทั้งองค์ผู้ชำระให้บริสุทธิ์ และบรรดาผู้ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์มีพระบิดาองค์เดียวกัน ดังนั้นพระเยซูจึงไม่ละอายที่จะเรียกพวกเขาว่าพี่น้อง 12 พระองค์กล่าวว่า

“ข้าพเจ้าจะประกาศพระนามของพระองค์แก่เหล่าพี่น้องของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ในท่ามกลางที่ประชุม”[b]

13 และกล่าวอีกว่า

“ข้าพเจ้าจะวางใจในพระองค์”[c]

ทั้งกล่าวอีกว่า

“ดูเถิด ตัวข้าพเจ้ากับบรรดาบุตรที่พระเจ้าได้ให้แก่ข้าพเจ้า”[d]

14 ในเมื่อบุตรทั้งหลายมีคุณสมบัติที่เป็นเลือดเนื้อ พระองค์เองมีส่วนร่วมในคุณสมบัติเช่นเดียวกัน เพื่อพระองค์จะได้ทำลายผู้มีอำนาจแห่งความตายคือพญามาร ด้วยการสิ้นชีวิตของพระองค์ 15 และจะได้ช่วยพวกที่ตกเป็นทาสแห่งความกลัวตายมาตลอดชีวิตให้มีอิสระ 16 แน่นอนทีเดียวที่พระองค์ไม่ให้ความช่วยเหลือแก่บรรดาทูตสวรรค์ แต่ช่วยผู้สืบเชื้อสายของอับราฮัม 17 ฉะนั้นพระองค์จึงต้องเป็นเหมือนกับพี่น้องของพระองค์ในทุกๆ เรื่อง เพื่อพระองค์จะได้เป็นหัวหน้ามหาปุโรหิตที่มีความเมตตา และรักษาคำมั่นสัญญาในการรับใช้พระเจ้า และเพื่อพระองค์จะได้ชดใช้บาปให้มวลชน 18 และเมื่อพระองค์เองทนทุกข์ทรมานและถูกยั่วยุ พระองค์จึงสามารถช่วยบรรดาผู้ที่ถูกยั่วยุได้

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation