M’Cheyne Bible Reading Plan
สิ่งเป็นมลทินที่ไหลออกจากร่างกาย
15 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสและอาโรนว่า 2 “จงบอกชาวอิสราเอลว่า ‘เมื่อชายใดมีสิ่งที่ไหลออกจากร่างกายของเขา สิ่งนั้นเป็นมลทิน 3 และสิ่งต่อไปนี้จะเป็นมลทินของเขาเมื่อมีสิ่งใดไหลออก ไม่ว่าร่างกายของเขาจะปล่อยให้สิ่งนั้นไหลหรือจะทำให้หยุดไหลก็ตาม เขาก็ยังเป็นมลทิน 4 ที่นอนทุกที่ของผู้มีสิ่งใดไหลออกใช้นอนจะเป็นมลทิน และทุกสิ่งที่เขาใช้นั่งก็จะเป็นมลทิน 5 ทุกคนที่แตะต้องที่นอนของเขาต้องซักเสื้อผ้าของตนและอาบน้ำ และจะเป็นมลทินจนถึงเย็น 6 ผู้ใดนั่งทับที่ของคนมีสิ่งใดไหลออกจะต้องซักเสื้อผ้าของตนและอาบน้ำ และจะเป็นมลทินจนถึงเย็น 7 และผู้ใดสัมผัสตัวของผู้มีสิ่งใดไหลออกจะต้องซักเสื้อผ้าของตนและอาบน้ำ และจะเป็นมลทินจนถึงเย็น 8 ถ้าผู้ที่มีสิ่งใดไหลออกถ่มน้ำลายใส่คนที่สะอาด คนนั้นต้องซักเสื้อผ้าของตนและอาบน้ำ และเป็นมลทินจนถึงเย็น 9 อานใดๆ ของผู้ที่มีสิ่งใดไหลออกนั่งขี่จะเป็นมลทิน 10 และผู้ใดก็ตามที่แตะต้องสิ่งที่อยู่ใต้ตัวเขาก็จะเป็นมลทินจนถึงเย็น และผู้ที่ถือสิ่งนั้นจะต้องซักเสื้อผ้าของตนและอาบน้ำ และเป็นมลทินจนถึงเย็น 11 คนที่มีสิ่งใดไหลออกสัมผัสตัวผู้ใดโดยไม่ล้างมือก่อน ผู้ถูกสัมผัสจะต้องซักเสื้อผ้าของตนและอาบน้ำ และเป็นมลทินจนถึงเย็น 12 และต้องทุบภาชนะดินเผาที่คนมีสิ่งใดไหลออกแตะต้องให้แตก ส่วนภาชนะไม้ทุกชิ้นจะต้องล้างน้ำ
13 เมื่อผู้ที่มีสิ่งใดไหลออกหายจากโรคของเขาแล้ว ต้องรอให้ครบ 7 วันจึงจะซักเสื้อผ้าของตน และอาบน้ำจากแหล่งน้ำพุ จึงจะถือว่าเขาสะอาด 14 ในวันที่แปดเขาต้องเอานกเขา 2 ตัวหรือนกพิราบหนุ่ม 2 ตัวไป ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย เพื่อมอบให้แก่ปุโรหิต 15 ปุโรหิตจะถวายนกตัวหนึ่งเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และอีกตัวเป็นสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย และปุโรหิตจะทำพิธีชดใช้บาปให้เขา ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าเพราะสิ่งที่ไหลออกของเขา
16 ถ้าชายใดมีน้ำกามไหลออก เขาต้องอาบน้ำให้ทั่วทั้งตัว และเป็นมลทินจนถึงเย็น 17 เครื่องแต่งกายทุกชิ้นและหนังสัตว์ที่เปื้อนน้ำกามต้องใช้น้ำซักล้าง และเป็นมลทินจนถึงเย็น 18 ถ้าชายและหญิงมีเพศสัมพันธ์กันโดยมีน้ำกามไหลออก ทั้งสองคนต้องอาบน้ำ และเป็นมลทินจนถึงเย็น
19 เมื่อหญิงมีโลหิตรอบเดือนตามปกติ เธอจะเป็นมลทิน 7 วัน และผู้ใดแตะต้องตัวเธอก็จะเป็นมลทินจนถึงเย็น 20 เมื่อเธอนอนบนสิ่งใดในระหว่างที่เป็นมลทิน สิ่งนั้นก็เป็นมลทินด้วย และทุกสิ่งที่เธอนั่งก็เป็นมลทิน 21 ใครก็ตามที่แตะต้องที่นอนของเธอ เขาต้องซักเสื้อผ้าของเขา และอาบน้ำ และเป็นมลทินจนถึงเย็น 22 ใครก็ตามที่แตะต้องสิ่งที่เธอนั่ง เขาต้องซักเสื้อผ้าของเขา และอาบน้ำ และเป็นมลทินจนถึงเย็น 23 สิ่งที่เขาแตะต้อง ไม่ว่าจะเป็นฟูกหรือสิ่งที่เธอนั่ง เขาจะเป็นมลทินจนถึงเย็น 24 ถ้าชายใดมีเพศสัมพันธ์กับเธอ มลทินจากเธอติดตัวเขาไป เขาต้องเป็นมลทิน 7 วัน และฟูกทุกลูกที่เขานอนจะเป็นมลทินด้วย
25 ถ้าหญิงมีโลหิตไหลหลายวันทั้งๆ ที่ไม่ใช่ระยะมีรอบเดือน หรือมีโลหิตไหลเกินระยะมีรอบเดือนตามปกติ เธอจะเป็นมลทินนานตราบที่โลหิตไหล ซึ่งเหมือนๆ กับช่วงระยะเวลารอบเดือนของเธอคือ เธอจะเป็นมลทิน 26 ฟูกทุกลูกที่เธอนอนในช่วงมีรอบเดือนก็นับว่าเป็นมลทิน และทุกสิ่งที่เธอนั่งจะเป็นมลทินเช่นเดียวกับมลทินช่วงรอบเดือน 27 ผู้ใดก็ตามแตะต้องสิ่งเหล่านั้นจะเป็นมลทิน และต้องซักเสื้อผ้าของตน อาบน้ำ และเป็นมลทินจนถึงเย็น 28 ถ้าหากเธอชำระตัวจากโลหิตที่ไหลแล้ว เธอต้องรออีก 7 วัน หลังจากนั้นจึงจะถือว่าเธอสะอาด 29 ในวันที่แปดเธอต้องนำนกเขา 2 ตัวหรือนกพิราบหนุ่ม 2 ตัวมาให้ปุโรหิตตรงทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย 30 และปุโรหิตจะถวายนกตัวหนึ่งเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และอีกตัวเป็นสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย ปุโรหิตจะทำพิธีชดใช้บาปให้เธอ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า เนื่องจากโลหิตของเธอเป็นมลทิน
31 เจ้าจงให้ชาวอิสราเอลอยู่ห่างจากสิ่งที่ทำให้พวกเขาเป็นมลทิน เขาจะได้ไม่ตายในยามเป็นมลทินเนื่องจากเขาทำให้กระโจมที่พำนักของเรา ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางพวกเขาเป็นมลทิน’”[a]
32 นี่เป็นกฎบัญญัติสำหรับคนที่มีสิ่งใดไหลออก และสำหรับคนที่มีน้ำกามไหลออก ซึ่งทำให้ตนเป็นมลทิน 33 สำหรับหญิงที่มีรอบเดือน สำหรับชายหรือหญิงที่มีสิ่งใดไหลออกหรือโลหิตไหล และสำหรับชายที่มีเพศสัมพันธ์กับหญิงที่เป็นมลทิน
ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าในชัยชนะ
ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด ผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า ท่านกล่าวกับพระผู้เป็นเจ้าเป็นเนื้อร้องในบทเพลงนี้ ในวันที่พระผู้เป็นเจ้าช่วยท่านให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือของพวกศัตรูและจากซาอูล ท่านกล่าวว่า
1 ข้าพเจ้ารักพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า พละกำลังของข้าพเจ้า
2 พระผู้เป็นเจ้าเป็นศิลาและป้อมปราการของข้าพเจ้า และเป็นผู้ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นภัย
พระเจ้าของข้าพเจ้าเป็นศิลาของข้าพเจ้าที่อาศัยพักพิงได้
พระองค์เป็นโล่ป้องกันและเขา[a]แห่งความรอดพ้น เป็นหลักยึดอันมั่นคงของข้าพเจ้า
3 ข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระผู้เป็นเจ้า ผู้สมควรแก่การสรรเสริญ
และข้าพเจ้ารอดพ้นจากพวกศัตรูของข้าพเจ้า
4 สายรัดแห่งความตายพันรอบตัวข้าพเจ้า
กระแสน้ำแห่งความพินาศท่วมท้นเกินทน
5 สายรัดแห่งแดนคนตายขดรอบตัวข้าพเจ้า
กับดักแห่งความตายเผชิญหน้าข้าพเจ้า
6 ในห้วงแห่งความทุกข์ยากข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า
พระองค์ได้ยินเสียงข้าพเจ้าจากพระวิหารของพระองค์
เสียงร้องของข้าพเจ้าดังไปถึงหูของพระองค์
7 แผ่นดินสั่นสะเทือน
และฐานรากของภูเขาโยกคลอน
และสั่นไหวได้เพราะพระองค์โกรธ
8 ควันพลุ่งจากช่องจมูกของพระองค์
และไฟเผาผลาญออกจากปากของพระองค์
ถ่านลุกโพลงขึ้นเป็นเปลวไฟโชติช่วงจากพระองค์
9 พระองค์เบิกสวรรค์ลงมา
เมฆดำอยู่ใต้เท้าพระองค์
10 พระองค์ขึ้นนั่งบนตัวเครูบ[b]แล้วโผบิน
พระองค์ล่องไปกับสายลมอย่างรวดเร็ว
11 พระองค์ใช้ความมืดกำบังดั่งปะรำปกโดยรอบพระองค์
เมฆฝนดำทะมึนในท้องฟ้า
12 ณ เบื้องหน้าพระองค์ มีแสงสว่างเจิดจ้า
เมฆหนาทึบของพระองค์ลอยล่องไป ถ่านลุกโพลงขึ้นเป็นเปลวไฟ
13 ครั้นแล้วพระผู้เป็นเจ้าเปล่งเสียงเป็นฟ้าร้องในสวรรค์
องค์ผู้สูงสุดเปล่งเสียงเป็นลูกเห็บหินกับถ่านลุกเป็นไฟ
14 พระองค์ยิงลูกธนู และทำให้ศัตรูกระเจิดกระเจิงไป
พระองค์ทำให้เกิดฟ้าแลบ และพวกเขาก็เตลิดเปิดเปิงไป
15 โอ พระผู้เป็นเจ้า เมื่อพระองค์บอกห้าม
เมื่อลมหายใจพ่นออกจากจมูกของพระองค์
น้ำในทะเลก็เปิดออกจนเห็นก้นบึ้งแห่งท้องทะเล
และฐานรากของแผ่นดินโลกโล่งโถง
16 พระองค์เอื้อมลงจากที่สูงคว้าตัวข้าพเจ้าไว้ได้
แล้วพระองค์ก็ดึงตัวข้าพเจ้าขึ้นจากห้วงน้ำลึก
17 พระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากศัตรูผู้มีอำนาจยิ่ง
และจากพวกที่เกลียดชังข้าพเจ้า ด้วยว่า เขามีกำลังเกินกว่าข้าพเจ้า
18 เขาเหล่านั้นประจันหน้าข้าพเจ้าในยามวิบัติ
แต่พระผู้เป็นเจ้าเป็นหลักค้ำจุนของข้าพเจ้า
19 พระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากบ่วงอันตราย
พระองค์ช่วยเหลือข้าพเจ้าไว้ก็เพราะพระองค์พอใจในตัวข้าพเจ้า
20 พระผู้เป็นเจ้ากระทำต่อข้าพเจ้าตามความชอบธรรมของข้าพเจ้า
พระองค์ให้รางวัลข้าพเจ้าตามความสะอาดของมือข้าพเจ้า
21 ด้วยว่า ข้าพเจ้าเดินตามทางของพระผู้เป็นเจ้า
และไม่ได้ทำความชั่วโดยหันเหไปจากพระเจ้าของข้าพเจ้า
22 ข้าพเจ้านึกถึงคำบัญชาของพระองค์เป็นที่ตั้ง
ข้าพเจ้าไม่ได้เพิกเฉยต่อกฎเกณฑ์ของพระองค์
23 ข้าพเจ้าปราศจากข้อตำหนิใดๆ ณ เบื้องหน้าพระองค์
และข้าพเจ้าระวังไม่กระทำบาป
24 พระผู้เป็นเจ้าได้ให้รางวัลข้าพเจ้าตามความชอบธรรมของข้าพเจ้า
ตามความบริสุทธิ์ของมือข้าพเจ้าต่อหน้าพระองค์
25 พระองค์แสดงความรักอันมั่นคงต่อคนที่มีความภักดี
พระองค์แสดงความไร้ข้อตำหนิของพระองค์ต่อคนที่ไร้ข้อตำหนิ
26 พระองค์แสดงความบริสุทธิ์ของพระองค์ต่อคนบริสุทธิ์
และพระองค์แสดงต่อคนคดโกงอย่างปราดเปรื่อง
27 ด้วยว่า พระองค์ช่วยคนถ่อมตัวให้รอดพ้น
และพระองค์ทำให้คนใจยโสเจียมตัว
28 โอ พระผู้เป็นเจ้า ด้วยว่า พระองค์ทำให้ตะเกียงของข้าพเจ้าสว่าง
พระเจ้าของข้าพเจ้าทำให้ความมืดของข้าพเจ้าสว่างไสว
29 ข้าพเจ้าเหยียบย่ำกองทัพได้ก็ด้วยพระองค์
ข้าพเจ้าข้ามกำแพงได้ก็ด้วยพระเจ้า
30 พระเจ้านี้แหละ วิถีทางของพระองค์บริบูรณ์ทุกประการ
คำพูดของพระผู้เป็นเจ้าบริสุทธิ์
พระองค์เป็นโล่ป้องกันสำหรับทุกคนที่แสวงหาพระองค์เป็นที่พึ่ง
31 ใครเล่าคือพระเจ้านอกเหนือจากพระผู้เป็นเจ้า
และใครคือศิลานอกเหนือจากพระเจ้าของเรา
32 พระเจ้าช่วยให้ข้าพเจ้าพรั่งพร้อมด้วยกำลัง
และทำให้วิถีทางของข้าพเจ้าบริบูรณ์ทุกประการ
33 พระองค์ทำให้เท้าของข้าพเจ้าเป็นดั่งเท้ากวาง
พระองค์ทำให้ข้าพเจ้ายืนในที่สูงได้
34 พระองค์ฝึกมือข้าพเจ้าให้พร้อมเพื่อการสงคราม
เพื่อแขนข้าพเจ้าจะได้น้าวคันธนูทองสัมฤทธิ์
35 และพระองค์ให้โล่แห่งความรอดพ้นแก่ข้าพเจ้า
มือขวาของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้ายืนหยัดอยู่ได้
และความช่วยเหลือของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้ายิ่งใหญ่
36 พระองค์ทำให้ทางเดินที่ข้าพเจ้าเหยียบก้าวไปกว้างขึ้น
เพื่อเท้าของข้าพเจ้าจะไม่ลื่นล้ม
37 ข้าพเจ้าไล่ล่าศัตรูและจับตัวพวกเขาไว้ได้
ข้าพเจ้าไม่ได้หวนกลับจนกระทั่งศัตรูพินาศไป
38 ข้าพเจ้าทำให้เขาทรุดตัวลงจนลุกไม่ขึ้น
เขาล้มลงอยู่ใต้เท้าของข้าพเจ้า
39 และพระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้าพรั่งพร้อมด้วยกำลังเพื่อศึกสงคราม
พระองค์ทำให้ฝ่ายตรงข้ามจมอยู่เบื้องล่าง
40 พระองค์ทำให้ศัตรูหันหลังหนีไปจากข้าพเจ้า
และข้าพเจ้าทำให้คนที่เกลียดชังข้าพเจ้าพินาศ
41 พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครช่วยชีวิตไว้ได้
เขาร้องขอต่อพระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์ไม่ตอบ
42 ข้าพเจ้าเหยียบขยี้พวกเขาจนแหลกละเอียดเป็นผงธุลีไปกับสายลม
ข้าพเจ้าสาดพวกเขาทิ้งไปที่ถนนดั่งโคลนตม
43 พระองค์ได้ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากการโต้แย้งของชนชาติ
พระองค์ได้ให้ข้าพเจ้าเป็นหัวหน้าของบรรดาประชาชาติ
ชนชาติที่ข้าพเจ้าไม่เคยรู้จักก็รับใช้ข้าพเจ้า
44 ทันทีที่พวกเขาได้ยินข้าพเจ้า เขาก็เชื่อฟัง
ชนต่างชาติยอมสยบต่อหน้าข้าพเจ้า
45 คนแปลกหน้าใจเสีย
และตัวสั่นเทาออกมาจากป้อมปราการของเขา
46 พระผู้เป็นเจ้ามีชีวิตอยู่ ให้ศิลาของข้าพเจ้าได้รับการสรรเสริญเถิด
และให้พระเจ้า ผู้ช่วยให้รอดพ้นของข้าพเจ้าได้รับการยกย่องเถิด
47 พระองค์เป็นพระเจ้าผู้แก้แค้นแทนข้าพเจ้า
และทำให้บรรดาชนชาติยอมจำนนอยู่ใต้ข้าพเจ้า
48 พระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากศัตรู
พระองค์ยกข้าพเจ้าอยู่เหนือข้าศึก
พระองค์ให้ข้าพเจ้ารอดพ้นจากคนปองร้าย
49 ฉะนั้น ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระองค์ท่ามกลางบรรดาประชาชาติ โอ พระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์
50 พระองค์ให้ชัยชนะอันยิ่งใหญ่แก่กษัตริย์ของพระองค์
และแสดงความรักอันมั่นคงแก่ผู้ได้รับการเจิมของพระองค์
แก่ดาวิดและผู้สืบเชื้อสายของท่านชั่วนิรันดร์กาล
29 คนที่ถูกตักเตือนหลายครั้ง แล้วยังหัวรั้น
จะถูกทำลายในพริบตาเดียวโดยไม่อาจแก้ไขได้
2 เมื่อจำนวนผู้มีความชอบธรรมทวีขึ้น ผู้คนก็ยินดี
แต่เมื่อคนชั่วร้ายขึ้นมาปกครอง ผู้คนก็โอดครวญ
3 ผู้รักสติปัญญาย่อมทำให้บิดามีความยินดี
แต่คนที่คบหากับบรรดาหญิงโสเภณีเสียทรัพย์ไปเปล่าๆ
4 กษัตริย์ให้ความมั่นคงกับแผ่นดินได้หากมีความยุติธรรม
แต่ถ้ารับสินบนก็จะทำให้เกิดความเสียหาย
5 ผู้ใดก็ตามที่ปากหวานต่อเพื่อนบ้านของตน
เท่ากับผู้นั้นโยนตาข่ายใส่เท้าตนเอง
6 คนชั่วติดกับดักด้วยบาปของเขาเอง
แต่ผู้มีความชอบธรรมร้องเพลงและมีความยินดี
7 ผู้มีความชอบธรรมรู้จักสิทธิของผู้ยากไร้
ส่วนคนชั่วร้ายไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้
8 คนเยาะเย้ยก่อให้เกิดโกลาหลในเมืองได้
ส่วนผู้มีสติปัญญาช่วยให้ความโกรธบรรเทาลง
9 เวลาผู้มีสติปัญญามีเรื่องโต้เถียงกับคนโง่
คนโง่จะมีแต่เดือดพล่านหรือไม่ก็เยาะเย้ย และหามีความสงบไม่
10 พวกคนกระหายเลือดเกลียดชังผู้ถือสัจจะ
และคนชั่วร้ายก็ตามล่าชีวิตของเขา
11 คนโง่แสดงความฉุนเฉียวเสมอ
แต่ผู้มีสติปัญญาจะระงับไว้ได้
12 ถ้าผู้อยู่ในระดับปกครองสนใจฟังความเท็จ
บริวารของเขาทุกคนก็จะเป็นคนชั่วร้าย
13 ผู้ยากไร้กับผู้บีบบังคับมีสิ่งที่เหมือนๆ กันคือ
คนทั้งสองพวกได้รับชีวิตก็เพราะพระผู้เป็นเจ้าประทานให้
14 หากว่ากษัตริย์ตัดสินผู้ยากไร้ด้วยความยุติธรรม
บัลลังก์ของท่านจะมั่นคงไปตลอดกาล
15 ไม้เรียวและคำตักเตือนทำให้คนมีสติปัญญา
ส่วนเด็กที่ถูกปล่อยปละละเลยนำความอับอายสู่มารดาของตน
16 เมื่อใดคนชั่วร้ายเพิ่มมากขึ้น การกระทำผิดก็เพิ่มตาม
แต่ผู้มีความชอบธรรมจะเห็นวันที่คนเหล่านั้นล้มลง
17 จงฝึกลูกของเจ้าให้มีวินัย แล้วเขาจะไม่ทำให้เจ้าต้องกังวล
และจะทำให้จิตวิญญาณของเจ้าชื่นบาน
18 ถ้าปราศจากการเผยคำกล่าวของพระเจ้า ประชาชนก็ปฏิบัติตามใจชอบ
แต่ผู้ปฏิบัติตามกฎบัญญัติก็เป็นสุข
19 ด้วยคำพูดเพียงอย่างเดียว ไม่อาจทำให้ผู้รับใช้มีวินัยได้
เพราะถึงแม้เขาจะเข้าใจแต่ก็จะไม่ปฏิบัติตาม
20 เจ้าเห็นคนปากไวไหม
ความหวังสำหรับคนโง่ยังมีมากกว่าเขาเสียอีก
21 ผู้ใดเลี้ยงคนรับใช้ที่ยังอยู่ในวัยเด็กโดยปรนเปรอจนเกินขนาด
ในที่สุดก็จะนำความลำบากมาสู่ตนเอง
22 คนช่างโกรธก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาท
และคนอารมณ์ร้อนจะตกอยู่ในห้วงบาป
23 ความเย่อหยิ่งทำให้คนตกต่ำลง
ส่วนคนถ่อมตัวในฝ่ายวิญญาณจะได้รับเกียรติ
24 คนทำงานร่วมกับโจรเกลียดชังตนเอง
เขาได้ยินคำสาปแช่ง แต่ก็ไม่ปริปากพูด
25 การกลัวมนุษย์เป็นเสมือนบ่วงแร้ว
ส่วนคนที่ไว้วางใจพระผู้เป็นเจ้าได้รับความปลอดภัย
26 มีหลายคนที่พยายามทำให้ผู้อยู่ในระดับปกครองพึงพอใจ
แต่สิ่งที่มนุษย์ได้รับจากพระผู้เป็นเจ้า คือความยุติธรรม
27 คนไม่มีความยุติธรรมเป็นที่น่ารังเกียจต่อผู้มีความชอบธรรม
คนดำเนินชีวิตในทางที่ถูกต้องก็เป็นที่น่ารังเกียจต่อคนชั่ว
เปาโลขอให้พี่น้องอธิษฐาน
3 พี่น้องทั้งหลาย สุดท้ายนี้จงอธิษฐานเพื่อเราว่า คำประกาศของพระผู้เป็นเจ้าจะเผยแผ่ไปอย่างรวดเร็ว และจะได้รับเกียรติเหมือนอย่างที่เป็นไปในหมู่ท่าน 2 และอธิษฐานเพื่อว่า เราจะได้พ้นจากคนชั่วร้าย เพราะมิใช่ว่าทุกคนมีความเชื่อ 3 แต่พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้รักษาคำมั่นสัญญา และพระองค์จะเสริมกำลังและปกป้องท่านไว้ให้พ้นจากมารร้าย 4 พระผู้เป็นเจ้าให้เรามีความมั่นใจในตัวท่านว่า ท่านกำลังประพฤติตามที่เรากำชับไว้ และจะประพฤติต่อไป 5 ขอพระผู้เป็นเจ้านำใจท่านสู่ความรักของพระเจ้า และความบากบั่นของพระคริสต์
อย่าเกียจคร้าน
6 พี่น้องทั้งหลาย เราขอกำชับท่านในพระนามของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราว่า ท่านจงอยู่ให้ห่างจากพี่น้องทุกคนที่เกียจคร้านและไม่ปฏิบัติตามสิ่งที่เรียนรู้ต่อๆ กันมาซึ่งพวกเขาได้รับจากเรา 7 ท่านเองก็ทราบว่า ท่านควรปฏิบัติตามตัวอย่างของพวกเราอย่างไร ในเมื่อเราไม่เกียจคร้านเลยเมื่อครั้งที่เราอยู่กับพวกท่าน 8 และเราไม่ได้รับประทานอะไรโดยไม่ได้จ่ายเป็นค่าตอบแทน แต่ทำงานอย่างตรากตรำและด้วยความลำบาก เราทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพื่อเราจะได้ไม่ต้องร้องขอจากผู้ใดในหมู่ท่าน 9 เรากระทำเช่นนี้ไม่ใช่ว่าเราไม่มีสิทธิ์ได้รับความช่วยเหลือในด้านนี้ แต่ปฏิบัติตนเพื่อเป็นตัวอย่างให้ท่านทำตาม 10 แม้เวลาที่เราอยู่กับท่าน เราก็เคยสั่งท่านในเรื่องนี้แล้วว่า หากผู้ใดไม่ยอมทำงานก็อย่าให้เขารับประทานสิ่งใด 11 พวกเราได้ยินว่ามีบางคนในหมู่ท่านที่ใช้ชีวิตอย่างเกียจคร้าน ไม่ยอมทำงาน ซ้ำยังชอบยุ่งกับธุระของคนอื่น 12 เราขอสั่งและขอร้องในพระนามของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า ให้คนประเภทนี้ทำงานด้วยใจสงบและทำมาหากินเอง
13 แต่พี่น้องทั้งหลาย พวกท่านอย่าอ่อนใจที่จะกระทำความดีเลย 14 หากมีผู้ใดที่ไม่เชื่อฟังคำของเราซึ่งกล่าวมาในจดหมายนี้ ก็จงจำคนนั้นไว้ว่าอย่าคบกับเขาเพื่อเขาจะได้มีความละอาย 15 แต่ก็อย่าถือว่าเขาเป็นศัตรู แต่จงเตือนเขาฉันพี่น้อง
คำลงท้าย
16 ขอพระผู้เป็นเจ้าแห่งสันติสุขโปรดให้ท่านมีสันติสุขตลอดกาลในทุกเรื่อง ขอพระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่านทุกคน
17 ข้าพเจ้าเปาโลเขียนส่งความคิดถึงนี้มาด้วยลายมือของข้าพเจ้าเอง ซึ่งเป็นเครื่องหมายบ่งบอกในจดหมายทุกฉบับของข้าพเจ้า นี่ก็เป็นวิธีเขียนของข้าพเจ้า 18 ขอพระคุณของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจงอยู่กับท่านทุกคนเถิด
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation