Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Read the Gospels in 40 Days

Read through the four Gospels--Matthew, Mark, Luke, and John--in 40 days.
Duration: 40 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
ลูกา 1-3

ผู้เขียนได้ลำดับเหตุการณ์ถึงเธโอฟีลัส

ด้วยเหตุว่าหลายท่านได้พยายามรวบรวมเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหมู่เรา คือรวบรวมเรื่องได้เหมือนกับบรรดาผู้รู้เห็นเหตุการณ์มาแต่แรก ซึ่งก็เป็นผู้ประกาศคำกล่าวที่ได้ถ่ายทอดเรื่องเหล่านี้ให้แก่เรา ในเมื่อข้าพเจ้าได้ค้นหาข้อมูลอย่างถ้วนถี่มาแต่ต้นแล้ว จึงควรอย่างยิ่งที่ข้าพเจ้าจะเขียนลำดับเหตุการณ์ถึงใต้เท้าเธโอฟีลัส เพื่อท่านจะได้ทราบข้อเท็จจริงในเรื่องที่ท่านได้รับทราบมาแล้ว

ทูตสวรรค์ประกาศแก่เศคาริยาห์

ในสมัยของเฮโรด[a]กษัตริย์แห่งแคว้นยูเดีย มีปุโรหิต[b]ผู้หนึ่งชื่อเศคาริยาห์อยู่ในกลุ่มเวรอาบียาห์ ภรรยาของเขาชื่อเอลีซาเบธซึ่งเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลอาโรน[c] ในสายตาของพระเจ้าแล้ว เขาทั้งสองมีความชอบธรรม ปฏิบัติตนตามพระบัญญัติและกฎข้อบังคับต่างๆ ของพระผู้เป็นเจ้าอย่างเคร่งครัด เขาไม่มีบุตรเพราะว่าเอลีซาเบธเป็นหมัน และทั้งสองก็มีอายุมากแล้ว

ครั้งหนึ่ง ขณะที่กองเวรของเศคาริยาห์เข้าเวรและเขากำลังปฏิบัติหน้าที่ของปุโรหิตอยู่เบื้องหน้าพระเจ้า ตามประเพณีของเหล่าปุโรหิต เขาได้รับเลือกโดยการจับฉลากให้เป็นผู้ที่เผาเครื่องหอมในพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า 10 ครั้นถึงเวลาเผาเครื่องหอม คนทั่วไปจะอธิษฐานอยู่เพียงภายนอก 11 ทูตสวรรค์[d]องค์หนึ่งของพระผู้เป็นเจ้าได้มาปรากฏแก่เศคาริยาห์ ยืนอยู่ทางด้านขวาของแท่นเผาเครื่องหอม 12 ครั้นเศคาริยาห์เห็นทูตสวรรค์ก็ตกใจกลัว 13 ทูตสวรรค์จึงกล่าวว่า “อย่ากลัวเลยเศคาริยาห์ พระเจ้าได้ยินคำอธิษฐานของท่านแล้ว เอลีซาเบธภรรยาของท่านจะให้กำเนิดบุตรชายแก่ท่าน จงตั้งชื่อเขาว่า ยอห์น 14 ท่านจะมีความยินดีและดีใจยิ่งนัก คนทั้งหลายก็จะชื่นชมยินดีที่เขาเกิดมา 15 เขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า เขาต้องไม่ดื่มเหล้าองุ่นหรือสุราชนิดใดๆ และจะเปี่ยมล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์[e]นับตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของมารดา 16 เขาจะนำชาวอิสราเอลจำนวนมากให้กลับใจเข้าหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเขาทั้งปวง 17 เขาจะไปล่วงหน้าพระองค์โดยจิตวิญญาณและอานุภาพของเอลียาห์[f] เพื่อให้บิดาทั้งหลายเปิดใจเข้าหาบรรดาบุตร และให้ผู้ที่ไม่เชื่อฟังกลับมาเข้าใจถึงวิถีทางของผู้มีความชอบธรรม เขาจะเตรียมผู้คนให้พร้อมเพื่อพระผู้เป็นเจ้า”

18 เศคาริยาห์ถามทูตสวรรค์ว่า “ข้าพเจ้าจะแน่ใจได้อย่างไร ในเมื่อข้าพเจ้าและภรรยาอายุมากแล้ว” 19 ทูตสวรรค์ตอบว่า “เราคือกาเบรียลผู้อยู่เบื้องหน้าพระเจ้า พระองค์ส่งเรามาเพื่อบอกข่าวอันประเสริฐแก่ท่าน 20 เพราะท่านไม่เชื่อคำของเรา ท่านจึงมิอาจเปล่งเสียงหรือพูดได้ จนกว่าวันที่เหตุการณ์นี้จะบังเกิดขึ้นตามกำหนดเวลา” 21 หมู่คนภายนอกที่รอคอยเศคาริยาห์อยู่ต่างก็แปลกใจที่เขาอยู่ในพระวิหารนานกว่าที่เคย 22 เมื่อเขาออกมาก็ไม่อาจเจรจาสิ่งใด ได้แต่ส่งภาษาใบ้ ทำให้ผู้คนทั้งหลายคิดไปว่า เขาเห็นภาพนิมิตในพระวิหาร 23 เมื่อทำหน้าที่อยู่จนครบกำหนด เศคาริยาห์ก็กลับบ้านไป

24 จากนั้นเอลีซาเบธผู้เป็นภรรยาก็ตั้งครรภ์ และไม่ได้ออกไปที่ไหนนานถึง 5 เดือน 25 นางพูดว่า “ในเวลานี้พระผู้เป็นเจ้าได้โปรดข้าพเจ้า พระองค์ได้กำจัดความอับอายของข้าพเจ้าท่ามกลางผู้คน”

ทูตสวรรค์ประกาศแก่มารีย์

26 เมื่อเข้าเดือนที่หก พระเจ้าได้ส่งกาเบรียลทูตสวรรค์ไปยังเมืองนาซาเร็ธในแคว้นกาลิลี 27 เพื่อพบกับพรหมจาริณีชื่อมารีย์ เธอหมั้นอยู่กับชายผู้หนึ่งคือโยเซฟผู้เป็นเชื้อสายของดาวิด[g] 28 เมื่อทูตสวรรค์ไปถึงก็ได้บอกมารีย์ว่า “สันติสุขจงอยู่กับท่าน ท่านเป็นที่โปรดปรานอย่างยิ่ง พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่าน” 29 มารีย์ฉงนใจมากและครุ่นคิดว่าทำไมทูตสวรรค์ทักทายเธอเช่นนั้น 30 ทูตสวรรค์พูดต่อไปอีกว่า “อย่ากลัวเลยมารีย์ เพราะท่านเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า 31 ท่านจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชาย จงตั้งชื่อพระองค์ว่า เยซู[h] 32 พระองค์จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ และจะได้รับพระนามว่า พระบุตรของพระเจ้าผู้สูงสุด และพระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าจะมอบบัลลังก์ของดาวิดผู้เป็นบิดาต้นตระกูลแก่พระองค์ 33 และจะครองพงศ์พันธุ์ของยาโคบตลอดกาล อาณาจักรของพระองค์จะไม่มีวันสิ้นสุด”

34 มารีย์ถามทูตสวรรค์ว่า “สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อข้าพเจ้าเป็นพรหมจาริณี”

35 ทูตสวรรค์ตอบว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์จะสถิตกับท่าน อำนาจแห่งพระเจ้าผู้สูงสุดจะปกเหนือท่าน ด้วยเหตุนี้องค์ผู้บริสุทธิ์จะได้รับพระนามว่า พระบุตรของพระเจ้า 36 ดูเถิด เอลีซาเบธญาติผู้ชราของท่านตั้งครรภ์ได้ 6 เดือนแล้ว แม้ผู้คนทั้งหลายจะกล่าวว่านางเป็นหมันก็ตาม 37 ไม่มีอะไรยากเกินกว่าที่พระเจ้าจะทำได้”

38 มารีย์กล่าวกับทูตสวรรค์ก่อนที่ทูตสวรรค์จะจากไปว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า ขอสิ่งนั้นจงบังเกิดตามคำของท่านเถิด”

มารีย์ทักทายเอลีซาเบธ

39 มารีย์รีบเดินทางไปยังเมืองหนึ่งซึ่งตั้งอยู่แถบเทือกเขาแห่งแคว้นยูเดีย 40 ครั้นเธอเข้าบ้านของเศคาริยาห์ก็ได้ทักทายกับเอลีซาเบธ 41 เมื่อเอลีซาเบธได้ยินเสียงทักทาย ทารกในครรภ์ก็ดิ้นแรงราวกับจะโลดแล่น และทันใดนั้นเอลีซาเบธก็เปี่ยมล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ 42 เอลีซาเบธร้องด้วยเสียงอันดัง และกล่าวว่า “ในหมู่สตรีทั้งหลายเธอเป็นผู้ที่ได้รับพระพร และบุตรในครรภ์ของเธอก็เช่นกัน 43 เป็นไปได้อย่างไรที่มารดาของพระผู้เป็นเจ้าของฉันมาเยี่ยมฉัน 44 เมื่อได้ยินเสียงเธอทักทาย ทารกในครรภ์ของฉันจึงดิ้นด้วยความยินดี 45 เธอคือผู้ที่ได้รับพระพร เพราะเธอเชื่อว่าสิ่งทั้งหลายจะสัมฤทธิผลตามคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า”

มารีย์สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า

46 มารีย์พูดว่า

“จิตวิญญาณของฉันเชิดชูพระผู้เป็นเจ้า
47     วิญญาณของฉันชื่นชมยินดีในพระเจ้าผู้ช่วยให้รอดพ้นของฉัน
48 เพราะพระองค์สนใจผู้รับใช้ซึ่งเจียมตัว
    ดูเถิด ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ทุกชั่วอายุคนจะถือว่าฉันได้รับพระพร
49 ด้วยว่าองค์ผู้มีอานุภาพกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่แก่ฉัน
    และพระนามของพระองค์ก็บริสุทธิ์
50 ความเมตตาของพระองค์ดำรงอยู่ทุกกาล
    หากว่ามีผู้ใดเกรงกลัวในพระองค์
51 พระองค์ก็แสดงอานุภาพด้วยแขนของพระองค์
    สำหรับผู้ที่มีความเย่อหยิ่งในหัวใจ พระองค์ทำให้แยกกระจัดกระจายไป
52 พระองค์นำให้ผู้สูงส่งลงจากบัลลังก์
    และยกผู้ถ่อมตัวขึ้นมา
53 ผู้ที่หิวกระหาย พระองค์ก็ให้จนอิ่มหนำด้วยสิ่งดี
    และผู้มั่งมี พระองค์ก็จะส่งกลับไปมือเปล่า
54 พระองค์ได้ช่วยผู้รับใช้ของพระองค์คือชาวอิสราเอล
    พระองค์ได้ระลึกถึงความเมตตาของพระองค์
55 ที่มีต่ออับราฮัม[i]และผู้สืบเชื้อสายตลอดไป
    ดังที่พระองค์กล่าวกับบรรพบุรุษของเรา”

56 มารีย์พักอยู่กับเอลีซาเบธประมาณ 3 เดือนจึงได้กลับบ้านไป

การเกิดของยอห์นผู้ให้บัพติศมา

57 เมื่อถึงกำหนดคลอด เอลีซาเบธก็ได้คลอดบุตรเป็นชาย 58 เพื่อนบ้านและญาติที่ทราบถึงความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้าที่มีต่อนาง ก็พากันมาแสดงความยินดีกับนาง 59 เมื่อถึงวันที่แปด ผู้คนเหล่านั้นก็พากันมาร่วมในพิธีเข้าสุหนัตของทารก และจะตั้งชื่อทารกนี้ว่า เศคาริยาห์ ตามชื่อบิดา 60 แต่มารดากลับกล่าวว่า “ไม่ได้หรอก ทารกน้อยนี้จะต้องชื่อ ยอห์น” 61 ผู้คนเหล่านั้นพูดกับนางว่า “ไม่มีใครในตระกูลของท่านชื่อนี้เลย” 62 พวกเขาจึงผงกศีรษะเป็นเชิงถามเศคาริยาห์ว่าเขาจะให้ทารกชื่ออะไร 63 เศคาริยาห์เขียนลงบนแผ่นไม้ที่เขาให้คนนำมาว่า “ยอห์น คือชื่อของเขา” คนเหล่านั้นต่างประหลาดใจ 64 และทันใดนั้นปากและลิ้นของเศคาริยาห์ก็ขยับได้เป็นปกติ เศคาริยาห์จึงกล่าวสรรเสริญพระเจ้า 65 เพื่อนบ้านใกล้เคียงก็เกิดความยำเกรง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ถูกเล่าขานกันไปทั่วแถบเทือกเขาแห่งแคว้นยูเดีย 66 ทุกคนที่ได้ยินเรื่องเหล่านี้ล้วนแต่สงสัยและพูดว่า “แล้วทารกนี้จะเป็นอย่างไรในภายหน้า” ด้วยว่ามือของพระผู้เป็นเจ้าสถิตกับเขา

เศคาริยาห์สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า

67 ส่วนเศคาริยาห์ผู้เป็นบิดาเปี่ยมล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า

68 “สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอล
    เพราะว่าพระองค์ได้มาไถ่ชนชาติของพระองค์
69 และได้ยกชูเขาแห่งความรอดพ้นสำหรับเรา[j]
    ในตระกูลของดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์
70 ดังที่พระองค์ได้กล่าวผ่านผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าหลายท่านที่บริสุทธิ์ในสมัยโบราณ
71 ความรอดพ้นจากหมู่ศัตรู
    และเงื้อมมือของทุกคนที่เกลียดชังเรา
72 เพื่อที่จะแสดงความเมตตาต่อบรรพบุรุษของเรา
    และเพื่อที่จะระลึกถึงพันธสัญญาอันบริสุทธิ์ของพระองค์
73     พระองค์รักษาสัญญาที่ได้ปฏิญาณ[k]กับอับราฮัมบิดาของเรา
74 พระองค์ช่วยเราให้หลุดรอดจากเงื้อมมือของเหล่าศัตรู
    และรับใช้พระองค์โดยไม่มีความกลัว
75     ด้วยความบริสุทธิ์และความชอบธรรมต่อหน้าพระองค์ตลอดชีวิตของเรา

76 และเจ้าเอง ลูกยอห์น เจ้าจะได้ชื่อว่าเป็นผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าผู้สูงสุด
    เพราะว่าเจ้าจะไปล่วงหน้าพระผู้เป็นเจ้า เพื่อที่จะเตรียมทางให้แก่พระองค์
77 และเพื่อบอกชนชาติของพระองค์ ให้มีความรู้ถึงความรอดพ้น
    อันเนื่องมาจากที่ได้รับการยกโทษบาปของเขา
78 เพราะว่าพระเจ้าของเรามีใจเมตตาอย่างลึกล้ำ
    โดยที่ว่าอรุณรุ่งจากสวรรค์จะมาเยือนเรา
79 เพื่อจะส่องให้ผู้ที่นั่งอยู่ในความมืด
    และในเงาแห่งความตาย
เพื่อจะนำทางให้เราพบกับทางสันติสุข”

80 ทารกก็ได้เจริญวัย สมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ เขาอาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดารจนถึงวันที่ปรากฏตัวกับชาวอิสราเอล

การเกิดของพระเยซู

ในครั้งนั้นซีซาร์ออกัสตัส[l]ได้ออกคำสั่งให้ประชาชนไปจดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วราชอาณาจักรโรมัน[m] และเป็นครั้งแรกที่มีการจดทะเบียนขณะที่คีรินิอัสเป็นผู้ว่าราชการแคว้นซีเรีย ทุกคนก็เตรียมพร้อมที่จะไปจดทะเบียนยังเมืองของตน

โยเซฟก็เดินทางไปเช่นกัน เขาออกจากเมืองนาซาเร็ธในแคว้นกาลิลีไปยังเมืองของดาวิด ซึ่งเรียกว่าเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย เพราะเขาสืบเชื้อสายจากราชวงศ์ดาวิด เพื่อจดทะเบียนสำมะโนครัวกับมารีย์คู่หมั้นซึ่งกำลังตั้งครรภ์อยู่ ขณะที่อยู่ในเมืองนั้นมารีย์ก็ครบกำหนดคลอด ทั้งสองไม่อาจหาห้องว่างได้แม้แต่ห้องเดียวจากโรงแรมทั่วไป นางได้ให้กำเนิดบุตรชายหัวปี และใช้ผ้าพันไว้แล้ววางในรางหญ้า

ทูตสวรรค์ปรากฏแก่คนเลี้ยงแกะ

ในแถบเดียวกันนั้นเองมีคนเลี้ยงแกะกำลังเฝ้าฝูงแกะอยู่ในทุ่งนายามราตรี ในทันใดนั้น ทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระผู้เป็นเจ้าก็ปรากฏแก่คนเลี้ยงแกะเหล่านั้น แสงอันรุ่งโรจน์ของพระผู้เป็นเจ้าส่องล้อมรอบพวกเขา จึงทำให้เขาตกใจกลัวอย่างยิ่ง 10 ทูตสวรรค์กล่าวกับพวกเขาว่า “อย่ากลัวเลย เรานำข่าวอันประเสริฐที่น่ายินดียิ่งมาให้ทุกท่าน 11 ด้วยว่าวันนี้องค์ผู้ช่วยให้รอดพ้นได้กำเนิดขึ้นแล้วในเมืองของดาวิด พระองค์คือพระคริสต์[n] องค์พระผู้เป็นเจ้า 12 สัญลักษณ์สำคัญที่จะทำให้ท่านทราบได้คือ ท่านจะพบว่าทารกนั้นห่อหุ้มด้วยผ้านอนอยู่ในรางหญ้า” 13 ในทันใดนั้น ชาวสวรรค์กลุ่มใหญ่ก็ได้ปรากฏขึ้นใกล้ๆ ทูตสวรรค์องค์นั้น และได้ร่วมกล่าวสรรเสริญพระเจ้าว่า

14 “ขอพระบารมีจงมีแด่พระเจ้าในที่สูงสุด
    และสันติสุขจงบังเกิดท่ามกลางมวลมนุษย์ในโลกที่พระองค์โปรด”

15 แล้วทูตสวรรค์เหล่านั้นก็จากคนเลี้ยงแกะคืนสู่สวรรค์ คนเลี้ยงแกะพูดกันเองว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้นเราเดินทางไปยังเมืองเบธเลเฮมกันเถิด จะได้เห็นว่าสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าบอกแก่เราได้บังเกิดขึ้นจริง” 16 หมู่คนเลี้ยงแกะจึงได้รีบเดินทางมาพบกับมารีย์ โยเซฟ และทารกน้อยที่นอนอยู่ในรางหญ้า 17 เมื่อพวกเขาเห็นพระองค์ก็ได้เล่าเรื่องที่ทูตสวรรค์บอกเกี่ยวกับทารกน้อยนี้ 18 ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ประหลาดใจกับเรื่องราวที่คนเลี้ยงแกะเหล่านั้นบอกแก่เขา 19 แต่ว่ามารีย์เองได้ระลึกเรื่องราวทั้งหมดไว้ในความทรงจำ และครุ่นคิดในใจ 20 และคนเลี้ยงแกะก็กลับออกไป พลางยกย่องและสรรเสริญพระเจ้าที่พวกเขาได้ยินและได้เห็นทุกสิ่ง ตามที่พวกเขาได้รับฟังคำบอกไว้

21 เมื่อครบ 8 วันก็ได้เวลาเข้าสุหนัต พระองค์ได้รับนามว่า เยซู ซึ่งเป็นชื่อที่ทูตสวรรค์ให้ไว้กับมารีย์เมื่อก่อนตั้งครรภ์

โยเซฟและมารีย์มอบพระเยซูแด่พระผู้เป็นเจ้า

22 เมื่อครบกำหนดเวลาที่จะทำพิธีชำระตัวตามหมวดกฎบัญญัติของโมเสสแล้ว[o] โยเซฟและมารีย์ก็นำพระองค์ไปยังเมืองเยรูซาเล็ม เพื่อมอบแด่พระผู้เป็นเจ้า 23 ตามที่มีบันทึกไว้ในกฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าว่า “บุตรชายคนแรกทุกคนจะนับว่าเป็นบุตรที่ถวายให้แด่พระผู้เป็นเจ้า”[p] 24 และเขายังได้ถวายเครื่องสักการะตามกฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าอันได้แก่ “นกเขา 1 คู่ หรือนกพิราบหนุ่ม 2 ตัว”[q] 25 ในเมืองเยรูซาเล็มมีชายผู้หนึ่งชื่อ สิเมโอน ซึ่งเป็นคนที่มีความชอบธรรมทั้งยังเชื่อในพระเจ้ามาก เขารอคอยวันที่ชาวอิสราเอลจะรอดพ้น และพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็สถิตกับเขาด้วย 26 พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้เผยให้สิเมโอนทราบว่า เขาจะได้เห็นพระคริสต์ของพระผู้เป็นเจ้า ก่อนที่เขาจะตาย 27 พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้นำสิเมโอนเข้าไปในพระวิหาร ขณะที่บิดามารดานำพระเยซูมาเข้าพิธีตามกฎบัญญัติ 28 สิเมโอนจึงรับพระองค์มาไว้ในอ้อมแขนและกล่าวสรรเสริญพระเจ้าว่า

29 “พระผู้เป็นเจ้าผู้สูงสุด ขอพระองค์ให้ข้าพเจ้า
    ผู้เป็นผู้รับใช้ไปอย่างสันติสุขเถิด ตามที่ได้สัญญาไว้
30 เพราะว่าตาของข้าพเจ้าได้เห็นความรอดพ้นที่มาจากพระองค์
31     ซึ่งพระองค์ได้จัดเตรียมไว้ที่ตรงหน้าคนทั้งปวงแล้ว
32 เป็นแสงสว่างให้บรรดาคนนอกได้รู้เห็นชัด[r]
    และเพื่อเป็นบารมีแก่อิสราเอล ซึ่งเป็นชนชาติของพระองค์”

33 บิดามารดาของพระเยซูต่างประหลาดใจเมื่อได้ยินคำที่สิเมโอนกล่าวอ้างถึงพระองค์เช่นนั้น 34 หลังจากสิเมโอนอวยพรทั้งสองแล้วก็ได้กล่าวกับมารีย์มารดาของพระองค์ว่า “ดูเถิด เด็กผู้นี้ได้รับมอบหมายให้เป็นเหตุของการล้มลงและลุกขึ้นของคนจำนวนมากในอิสราเอล และเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่ผู้คนจะต่อต้าน 35 เพื่อว่าความคิดในใจของคนเป็นอันมากจะปรากฏชัด และความโศกเศร้าดั่งคมดาบจะทิ่มแทงจิตใจของท่าน มารีย์”

36 ยังมีหญิงชราผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าคนหนึ่งชื่ออันนา นางเป็นบุตรีของฟานูเอลเผ่าอาเชอร์ นางสมรสอยู่กินกับสามีได้เพียง 7 ปี 37 และก็เป็นม่ายมาจนอายุได้ 84 ปี นางไม่เคยย่างกรายออกจากพระวิหารเลย อันนาใช้เวลาทั้งกลางวันและกลางคืนนมัสการ อดอาหาร และอธิษฐาน 38 ขณะนั้นนางได้เดินเข้ามาหาและกล่าวขอบคุณพระเจ้า แล้วนางก็พูดถึงพระองค์ให้คนทั้งหลายที่เฝ้ารอการไถ่ของเยรูซาเล็มฟังด้วย

39 หลังจากเสร็จพิธีตามกฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าแล้ว คนทั้งสามได้เดินทางกลับมายังนาซาเร็ธเมืองของตนในแคว้นกาลิลี 40 ทารกก็ได้เจริญวัย สมบูรณ์และเปี่ยมด้วยพระปัญญา และพระคุณของพระเจ้าได้สถิตกับพระองค์ด้วย

พระเยซูไปยังพระวิหารครั้งยังเยาว์

41 โยเซฟและมารีย์ได้เดินทางไปยังเมืองเยรูซาเล็มทุกๆ ปีในเทศกาลปัสกา[s] 42 เมื่อพระเยซูอายุได้ 12 ปี ทั้งสามก็ขึ้นไปร่วมในเทศกาลตามประเพณีนิยม 43 ครั้นงานเทศกาลสิ้นสุดลง บิดามารดาของพระองค์ได้เดินทางกลับบ้าน แต่พระเยซูยังอยู่ต่อที่เมืองเยรูซาเล็ม โดยที่ทั้งสองไม่ทราบ 44 แต่คิดว่าพระองค์อาจจะเดินทางพร้อมกับหมู่คนที่เดินทางไปด้วยแล้ว ครั้นออกกันไปได้หนึ่งวัน จึงได้ตามหาพระองค์ในหมู่ญาติและเพื่อน 45 เมื่อไม่พบพระองค์ ทั้งสองจึงได้ย้อนกลับไปตามหาพระองค์ในเมืองเยรูซาเล็ม 46 สามวันผ่านไป จึงพบพระเยซูในพระวิหารท่ามกลางเหล่าอาจารย์ ทั้งฟังและซักถามเขาเหล่านั้น 47 ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ประหลาดใจที่พระองค์เข้าใจและตอบคำถามต่างๆ ได้ 48 เมื่อบิดามารดาเห็นพระองค์ก็รู้สึกแปลกใจ มารีย์บอกพระองค์ว่า “ลูกเอ๋ย ทำไมเจ้าจึงทำเช่นนี้ ดูเถิด พ่อแม่ต้องตามหาเจ้าด้วยความกังวล” 49 พระเยซูตอบว่า “ทำไมจึงตามหาข้าพเจ้า ท่านไม่ทราบหรือว่า ข้าพเจ้าต้องร่วมในกิจการของพระบิดาของข้าพเจ้า”[t] 50 แต่บิดามารดาก็ไม่เข้าใจคำพูดของพระองค์ 51 พระเยซูได้เดินทางกลับลงไปยังเมืองนาซาเร็ธพร้อมกับบิดามารดา และเชื่อฟังเขาทั้งสองด้วยดี แต่มารีย์ระลึกเรื่องราวทั้งหมดมาครุ่นคิดในใจ

52 พระเยซูเจริญวัยขึ้นไม่เพียงแต่ร่างกายและพระปัญญา พระองค์ยังเป็นที่พอใจของพระเจ้าและบุคคลทั่วไปด้วย

ยอห์นประกาศข่าวประเสริฐ

ในปีที่สิบห้าของรัชกาลทิเบริอัสซีซาร์ ปอนทิอัสปีลาตเป็นผู้ว่าราชการแคว้นยูเดีย เฮโรดปกครองแคว้นกาลิลี ฟีลิปผู้เป็นน้องปกครองแคว้นอิทูเรียและตราโคนิติส ลีซาเนียสปกครองแคว้นอาบีเลน ในช่วงเวลาที่อันนาสกับคายาฟาสเป็นหัวหน้ามหาปุโรหิต คำกล่าวของพระเจ้าก็มาถึงยอห์นบุตรของเศคาริยาห์ ซึ่งอยู่ในถิ่นทุรกันดาร ยอห์นได้เดินทางไปทั่วย่านแม่น้ำจอร์แดนเพื่อประกาศเรื่องบัพติศมา[u] ซึ่งเกิดจากการกลับใจเพื่อจะได้รับการยกโทษบาป ตามที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ฉบับอิสยาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า

“เสียงของผู้ที่ร้องในถิ่นทุรกันดาร
‘จงเตรียมทางของพระผู้เป็นเจ้าให้พร้อม
    จงทำทางของพระองค์ให้ตรง
หุบเขาทุกแห่งจะถมให้เต็ม
    ภูเขาและเนินเขาทุกลูกจะถูกลดให้ต่ำลง
ทางที่คดเคี้ยวจะกลายเป็นทางตรง
    ถนนที่ขรุขระจะราบเรียบ
และมวลมนุษย์จะเห็นความรอดพ้นที่มาจากพระเจ้า’”[v]

ยอห์นจึงพูดกับหมู่ชนที่กำลังจะรับบัพติศมาจากท่านว่า “พวกชาติอสรพิษ ใครเตือนให้ท่านหนีจากการลงโทษที่จะมาถึง ฉะนั้นจงประพฤติตนเพื่อพิสูจน์ว่าท่านกลับใจจากการทำบาป อย่าเริ่มพูดในหมู่ท่านว่า ‘เรามีอับราฮัมเป็นบิดาของเรา’ ข้าพเจ้าขอบอกท่านว่า พระเจ้าสามารถทำให้หินพวกนี้กลายเป็นลูกๆ ของอับราฮัมก็ได้ มีขวานจ่อไว้ที่รากต้นไม้แล้ว หากว่าต้นไม้ต้นใดก็ตามไม่สามารถให้ผลงามได้ ก็จะถูกโค่นลงและถูกโยนลงในกองไฟ”

10 ฝูงชนพากันถามยอห์นว่า “แล้วเราจะทำอย่างไรเล่า” 11 ยอห์นตอบว่า “ใครที่มีเสื้อตัวใน 2 ตัวก็ควรแบ่งปันให้กับผู้ที่ไม่มี และคนที่มีอาหารก็ควรทำเช่นเดียวกัน” 12 พวกคนเก็บภาษีซึ่งมารับบัพติศมาด้วยได้ถามยอห์นว่า “อาจารย์ เราควรทำอย่างไรดี” 13 ยอห์นจึงตอบว่า “อย่าเก็บภาษีเกินกว่าที่ควรจะเก็บ” 14 พวกทหารถามขึ้นบ้างว่า “พวกเราเล่าควรทำอย่างไร” ยอห์นก็ตอบทหารว่า “อย่าบังคับขู่เข็ญเอาเงินจากผู้ใดหรือกล่าวหาแบบผิดๆ จงพอใจกับค่าจ้างที่ได้รับ”

15 ผู้คนซึ่งรอดูเหตุการณ์อยู่ต่างก็สงสัยว่ายอห์นคือพระคริสต์หรือไม่ 16 ยอห์นตอบพวกเขาว่า “ข้าพเจ้าให้บัพติศมาแก่ท่านด้วยน้ำ ทว่าเมื่อองค์ผู้มีอานุภาพยิ่งกว่าข้าพเจ้าจะมา แม้แต่เชือกผูกรองเท้าของพระองค์ ข้าพเจ้าก็มิบังควรที่จะแก้ออก พระองค์จะเป็นผู้ให้บัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และไฟ 17 พลั่วสำหรับแยกแกลบอยู่ในมือของพระองค์ เพื่อปรับลานของพระองค์ให้เรียบ และเพื่อแยกเก็บข้าวสาลีไว้ในยุ้งของพระองค์ แต่พระองค์จะเผาแกลบด้วยไฟซึ่งลุกโชติช่วงอยู่ตลอดเวลา”

18 ยอห์นได้เสนอแนะหลายสิ่งแก่ผู้คน รวมทั้งประกาศข่าวอันประเสริฐด้วย 19 เฮโรดผู้ปกครองแคว้นถูกยอห์นตำหนิเรื่องนางเฮโรเดียสน้องสะใภ้ รวมทั้งสิ่งชั่วร้ายซึ่งเฮโรดได้กระทำไว้ 20 มากไปกว่านั้น เฮโรดยังให้ยอห์นถูกจำคุก

บัพติศมาและลำดับวงศ์ของพระเยซู

21 เมื่อผู้คนทั้งปวงได้รับบัพติศมา พระเยซูก็ได้รับบัพติศมาเช่นกัน และขณะที่พระองค์กำลังอธิษฐาน สวรรค์ก็เปิด 22 พระวิญญาณบริสุทธิ์ในรูปลักษณ์ของนกพิราบลงมาอยู่เบื้องบนพระองค์ และมีเสียงจากสวรรค์ว่า “เจ้าเป็นบุตรที่รักของเรา เราพอใจในตัวเจ้ามาก”

23 เมื่อพระเยซูเริ่มรับใช้ พระองค์มีอายุประมาณ 30 ปี ตามที่คนคิดว่าพระองค์เป็นบุตรของโยเซฟ

โยเซฟเป็นบุตรของเฮลี 24 เฮลีเป็นบุตรของมัทธัต

มัทธัตเป็นบุตรของเลวี เลวีเป็นบุตรของเมลคี

เมลคีเป็นบุตรของยันนาย ยันนายเป็นบุตรของโยเซฟ

25 โยเซฟเป็นบุตรของมัทธาธีอัส มัทธาธีอัสเป็นบุตรของอาโมส

อาโมสเป็นบุตรของนาฮูม นาฮูมเป็นบุตรของเอสลี

เอสลีเป็นบุตรของนักกาย 26 นักกายเป็นบุตรของมาอาท

มาอาทเป็นบุตรของมัทธาธีอัส มัทธาธีอัสเป็นบุตรของเสเมอิน

เสเมอินเป็นบุตรของโยเสค โยเสคเป็นบุตรของโยดา

27 โยดาเป็นบุตรของโยอานัน โยอานันเป็นบุตรของเรซา

เรซาเป็นบุตรของเศรุบบาเบล เศรุบบาเบลเป็นบุตรของเชอัลทิเอล

เชอัลทิเอลเป็นบุตรของเนรี 28 เนรีเป็นบุตรของเมลคี

เมลคีเป็นบุตรของอัดดี อัดดีเป็นบุตรของโคสัม

โคสัมเป็นบุตรของเอลมาดัม เอลมาดัมเป็นบุตรของเอร์

29 เอร์เป็นบุตรของโยชูวา โยชูวาเป็นบุตรของเอลีเอเซอร์

เอลีเอเซอร์เป็นบุตรของโยริม โยริมเป็นบุตรของมัทธัต

มัทธัตเป็นบุตรของเลวี 30 เลวีเป็นบุตรของสิเมโอน

สิเมโอนเป็นบุตรของยูดาส ยูดาสเป็นบุตรของโยเซฟ

โยเซฟเป็นบุตรของโยนาม โยนามเป็นบุตรของเอลียาคิม

31 เอลียาคิมเป็นบุตรของเมเลอา เมเลอาเป็นบุตรของเมนนา

เมนนาเป็นบุตรของมัทตะธา มัทตะธาเป็นบุตรของนาธาน

นาธานเป็นบุตรของดาวิด 32 ดาวิดเป็นบุตรของเจสซี

เจสซีเป็นบุตรของโอเบด โอเบดเป็นบุตรของโบอาส

โบอาสเป็นบุตรของสัลโมน สัลโมนเป็นบุตรของนาโชน

33 นาโชนเป็นบุตรของอัมมีนาดับ อัมมีนาดับเป็นบุตรของอัดมิน

อัดมินเป็นบุตรของอารนี อารนีเป็นบุตรของเฮสโรน

เฮสโรนเป็นบุตรของเปเรศ เปเรศเป็นบุตรของยูดาห์

34 ยูดาห์เป็นบุตรของยาโคบ ยาโคบเป็นบุตรของอิสอัค

อิสอัคเป็นบุตรของอับราฮัม อับราฮัมเป็นบุตรของเทราห์

เทราห์เป็นบุตรของนาโฮร์ 35 นาโฮร์เป็นบุตรของเสรุก

เสรุกเป็นบุตรของเรอู เรอูเป็นบุตรของเปเลก

เปเลกเป็นบุตรของเอเบอร์ เอเบอร์เป็นบุตรของเชลาห์

36 เชลาห์เป็นบุตรของไคนาน ไคนานเป็นบุตรของอาร์ฟาซัด

อาร์ฟาซัดเป็นบุตรของเชม เชมเป็นบุตรของโนอาห์

โนอาห์เป็นบุตรของลาเมค 37 ลาเมคเป็นบุตรของเมธูเสลาห์

เมธูเสลาห์เป็นบุตรของเอโนค เอโนคเป็นบุตรของยาเรด

ยาเรดเป็นบุตรของมาหะลาเลเอล มาหะลาเลเอลเป็นบุตรของไคนาน

38 ไคนานเป็นบุตรของเอโนช เอโนชเป็นบุตรของเสท

เสทเป็นบุตรของอาดัม อาดัมเป็นบุตรของพระเจ้า

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation