Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Read the Gospels in 40 Days

Read through the four Gospels--Matthew, Mark, Luke, and John--in 40 days.
Duration: 40 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
มัทธิว 1-3

ลำดับวงศ์ของพระเยซูคริสต์

บันทึกลำดับวงศ์ของพระเยซูคริสต์[a] ผู้เป็นเชื้อสายของดาวิดผู้สืบเชื้อสายมาจากอับราฮัม

อับราฮัมเป็นบิดาของอิสอัค

อิสอัคเป็นบิดาของยาโคบ

ยาโคบเป็นบิดาของยูดาห์และพี่น้องของเขา

ยูดาห์เป็นบิดาของเปเรศกับเศรัคซึ่งเกิดจากนางทามาร์

เปเรศเป็นบิดาของเฮสโรน

เฮสโรนเป็นบิดาของราม

รามเป็นบิดาของอัมมีนาดับ

อัมมีนาดับเป็นบิดาของนาโชน

นาโชนเป็นบิดาของสัลโมน

สัลโมนเป็นบิดาของโบอาสซึ่งเกิดจากนางราหับ

โบอาสเป็นบิดาของโอเบดซึ่งเกิดจากนางรูธ

โอเบดเป็นบิดาของเจสซี

เจสซีเป็นบิดาของกษัตริย์ดาวิด

ดาวิดเป็นบิดาของซาโลมอน ซึ่งเกิดจากภรรยาของอุรียาห์

ซาโลมอนเป็นบิดาของเรโหโบอัม

เรโหโบอัมเป็นบิดาของอาบียาห์

อาบียาห์เป็นบิดาของอาสา

อาสาเป็นบิดาของเยโฮชาฟัท

เยโฮชาฟัทเป็นบิดาของเยโฮรัม

เยโฮรัมเป็นบิดาของอุสซียาห์

อุสซียาห์เป็นบิดาของโยธาม

โยธามเป็นบิดาของอาหัส

อาหัสเป็นบิดาของเฮเซคียาห์

10 เฮเซคียาห์เป็นบิดาของมนัสเสห์

มนัสเสห์เป็นบิดาของอาโมน

อาโมนเป็นบิดาของโยสิยาห์

11 โยสิยาห์เป็นบิดาของเยโคนิยาห์กับพวกพี่น้อง เกิดในยามที่ถูกเนรเทศไปยังบาบิโลน

12 หลังจากช่วงเวลาที่ถูกเนรเทศไปยังบาบิโลนแล้ว

เยโคนิยาห์เป็นบิดาของเชอัลทิเอล

เชอัลทิเอลเป็นบิดาของเศรุบบาเบล

13 เศรุบบาเบลเป็นบิดาของอาบียุด

อาบียุดเป็นบิดาของเอลียาคิม

เอลียาคิมเป็นบิดาของอาซอร์

14 อาซอร์เป็นบิดาของศาโดก

ศาโดกเป็นบิดาของอาคิม

อาคิมเป็นบิดาของเอลีอูด

15 เอลีอูดเป็นบิดาของเอเลอาซาร์

เอเลอาซาร์เป็นบิดาของมัทธาน

มัทธานเป็นบิดาของยาโคบ

16 ยาโคบเป็นบิดาของโยเซฟสามีของมารีย์ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดพระเยซูที่เรียกว่า พระคริสต์

17 ดังนั้นตั้งแต่อับราฮัมมาจนถึงดาวิดนับได้ 14 ชั่วอายุคน และระยะเวลานับจากดาวิดมาจนถึงช่วงเวลาการเนรเทศไปยังบาบิโลนก็มีอีก 14 ชั่วอายุคน และนับจากการเนรเทศไปยังบาบิโลนมาจนถึงพระคริสต์มี 14 ชั่วอายุคนเช่นกัน

การเกิดของพระเยซูคริสต์

18 เรื่องการเกิดของพระเยซูคริสต์เป็นไปดังนี้คือ มารีย์มารดาของพระองค์ได้รับหมั้นไว้กับโยเซฟ แต่ก่อนที่ทั้งสองจะอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา มารีย์ทราบว่าเธอตั้งครรภ์แล้วโดยอานุภาพของพระวิญญาณบริสุทธิ์[b] 19 โยเซฟสามีของนางเป็นคนมีความชอบธรรม และไม่ปรารถนาที่จะให้นางได้รับความอับอายจากคนทั่วไป จึงคิดจะถอนหมั้นอย่างลับๆ[c] 20 แต่หลังจากที่โยเซฟได้ไตร่ตรองเรื่องนี้แล้ว ทูตสวรรค์[d]ของพระผู้เป็นเจ้าก็ได้มาปรากฏแก่เขาในฝันกล่าวว่า “โยเซฟ บุตรของดาวิด อย่ากลัวที่จะรับมารีย์เป็นภรรยาของท่าน ที่นางตั้งครรภ์ก็เนื่องจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ 21 นางจะได้บุตรชาย และท่านจะตั้งชื่อบุตรว่า เยซู เพราะพระองค์จะเป็นผู้ที่โปรดให้ชนชาติของพระองค์รอดพ้นจากบาปของพวกเขา”

22 เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น เพื่อเป็นไปตามที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวไว้โดยผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า

23 “ดูเถิด พรหมจาริณีผู้หนึ่งจะตั้งครรภ์ และให้กำเนิดบุตรชายผู้หนึ่ง
    และคนทั้งหลายจะเรียกพระนามของพระองค์ว่า อิมมานูเอล”[e]

ซึ่งแปลได้ความว่า “พระเจ้าสถิตกับเรา”

24 เมื่อโยเซฟตื่นขึ้นก็กระทำตามที่ทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าได้สั่งไว้ โดยรับมารีย์มาเป็นภรรยาของตน 25 และให้นางดำรงความเป็นพรหมจาริณีอยู่จนนางได้ให้กำเนิดบุตรชาย และโยเซฟตั้งชื่อบุตรนั้นว่า เยซู

โหราจารย์จากทิศตะวันออก

หลังจากที่พระเยซูได้ถือกำเนิดที่เมืองเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย ซึ่งเป็นสมัยของกษัตริย์เฮโรด[f]ก็ได้มีพวกโหราจารย์จากทิศตะวันออกมายังเมืองเยรูซาเล็มกล่าวว่า “ผู้ที่ได้เกิดมาเป็นกษัตริย์ของชาวยิวอยู่ที่ไหน เพราะว่าพวกเราเห็นดาวของพระองค์ปรากฏทางทิศตะวันออก จึงได้พากันมานมัสการพระองค์” เมื่อกษัตริย์เฮโรดได้ยินดังนั้นก็กระวนกระวายใจ รวมไปถึงชาวเมืองเยรูซาเล็มด้วย ท่านเรียกบรรดามหาปุโรหิตและอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติของประชาชนมาประชุม และไต่ถามว่าพระคริสต์จะบังเกิดที่ไหน พวกเขาพูดว่า “ที่เมืองเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย เพราะผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าได้บันทึกไว้ว่า

‘และเจ้าเอง เมืองเบธเลเฮม ดินแดนแห่งแคว้นยูดาห์
    หาใช่จะด้อยที่สุดในบรรดาผู้นำในแคว้นยูเดียไม่
เพราะผู้นำท่านหนึ่งซึ่งมาจากเจ้า
    จะเป็นผู้นำทางให้แก่อิสราเอล ชนชาติของเรา’”[g]

ครั้นแล้วเฮโรดก็เรียกพวกโหราจารย์มาเป็นการลับ เพื่อถามให้ถ้วนถี่ถึงเวลาที่ดาวนั้นปรากฏขึ้น แล้วก็ให้โหราจารย์ไปยังเมืองเบธเลเฮมโดยสั่งว่า “จงไปค้นหาทารกนั้นให้ทั่วจนกว่าจะพบ เมื่อพบแล้วก็มารายงานให้เราทราบ เราจะได้ไปนมัสการพระองค์ด้วย”

เมื่อรับคำสั่งจากกษัตริย์แล้ว พวกโหราจารย์ก็จากไป ดาวที่พวกเขาเห็นทางทิศตะวันออกก็นำทางล่วงหน้าพวกเขาไป และมาหยุดอยู่เหนือสถานที่ที่ทารกอยู่ 10 เมื่อพวกเขาเห็นดาวดวงนั้นก็ยินดียิ่ง 11 ครั้นเข้าไปในเรือน ก็เห็นทารกและมารีย์มารดา จึงกราบนมัสการพระองค์ แล้วเปิดห่อของอันมีค่ามอบแด่พระองค์ ได้แก่ ทองคำ กำยาน และมดยอบ 12 พระเจ้าได้เตือนพวกโหราจารย์ในฝันไม่ให้กลับไปหาเฮโรด พวกเขาจึงเดินทางกลับประเทศของตนโดยใช้เส้นทางอื่น

หนีไปยังประเทศอียิปต์

13 เมื่อพวกเขาได้จากไปแล้ว ทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าก็ปรากฏแก่โยเซฟในฝันกล่าวว่า “จงลุกขึ้นเถิด พาทารกและมารดาของพระองค์หนีไปประเทศอียิปต์ จงอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกท่าน เพราะว่าเฮโรดจะค้นหาทารกนี้เพื่อจะฆ่าเสีย” 14 โยเซฟจึงลุกขึ้นและพามารดาและทารกออกเดินทางไปในคืนนั้น แล้วเดินทางไปยังอียิปต์ 15 และอยู่ที่นั่นจนเฮโรดเสียชีวิต ซึ่งเป็นไปตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวไว้โดยผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า “เราเรียกบุตรของเราออกมาจากประเทศอียิปต์”[h]

เฮโรดฆ่าเด็ก

16 เมื่อเฮโรดเห็นว่าตนหลงกลพวกโหราจารย์ก็ยิ่งโกรธมากขึ้น จึงสั่งให้ฆ่าเด็กชายทุกคนที่อายุตั้งแต่สองขวบลงมา ทั้งในเมืองเบธเลเฮมและย่านใกล้เคียง ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ได้ทราบเรื่องจากโหราจารย์ 17 แล้วก็เป็นไปตามที่ได้กล่าวไว้โดยเยเรมีย์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า

18 “เสียงที่ได้ยินในหมู่บ้านรามาห์คือ
    เสียงร้องไห้และร้องคร่ำครวญอันดัง
นางราเชลร่ำไห้เพราะลูกๆ ของนาง
    และนางไม่ยอมให้ปลอบใจ
    เพราะลูกๆ ตายเสียแล้ว”[i]

กลับไปยังนาซาเร็ธ

19 หลังจากเฮโรดสิ้นชีวิตแล้ว ทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าปรากฏแก่โยเซฟที่ประเทศอียิปต์ในฝันกล่าวว่า 20 “จงลุกขึ้นเถิด พาทารกกับมารดาของพระองค์ไปยังดินแดนของประเทศอิสราเอล เพราะว่าบรรดาคนที่ค้นหาเพื่อเอาชีวิตของทารกได้ตายไปแล้ว” 21 โยเซฟก็ลุกขึ้นและพามารดากับทารกไปยังดินแดนของประเทศอิสราเอล 22 แต่เมื่อเขาได้ยินว่าอาร์เค-ลาอัสครองแคว้นยูเดียแทนเฮโรดผู้เป็นบิดา เขาก็ไม่กล้าไปที่นั่น พระเจ้าเตือนเขาในฝันให้เดินทางไปยังแคว้นกาลิลี 23 ไปอาศัยอยู่ในเมืองหนึ่งชื่อนาซาเร็ธ ดังที่เป็นไปตามที่ได้กล่าวไว้โดยบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า “ผู้คนจะพากันเรียกพระองค์ว่า ชาวนาซาเร็ธ”

ยอห์นประกาศข่าวประเสริฐ

ในครั้งนั้นยอห์นผู้ให้บัพติศมา[j]มาประกาศในถิ่นทุรกันดารแคว้นยูเดียว่า “จงกลับใจ เพราะว่าอาณาจักรแห่งสวรรค์ใกล้จะมาถึงแล้ว”[k] เพราะยอห์นคือผู้ที่กล่าวถึงโดยอิสยาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า

“เสียงของผู้ที่ร้องในถิ่นทุรกันดาร
‘จงเตรียมทางของพระผู้เป็นเจ้าให้พร้อม
    จงทำทางของพระองค์ให้ตรง’”[l]

ยอห์นเองสวมเสื้อผ้าทำด้วยขนอูฐ คาดเอวด้วยหนังสัตว์ และอาหารคือตั๊กแตนและน้ำผึ้งป่า คนทั้งเมืองเยรูซาเล็ม ทั้งแคว้นยูเดีย และทั่วทั้งย่านแม่น้ำจอร์แดนก็ออกไปหายอห์น พวกผู้คนสารภาพบาปและได้รับบัพติศมาจากยอห์นในแม่น้ำจอร์แดน

เมื่อยอห์นเห็นฟาริสี[m]และสะดูสี[n]จำนวนมากมารับบัพติศมา จึงพูดกับพวกเขาว่า “พวกชาติอสรพิษ ใครเตือนให้ท่านหนีจากการลงโทษที่จะมาถึง ฉะนั้นจงประพฤติตนเพื่อพิสูจน์ว่าท่านกลับใจจากการทำบาป และอย่าคิดว่าท่านพูดต่อกันไปได้ว่า ‘เรามีอับราฮัมเป็นบิดาของเรา’ ข้าพเจ้าขอบอกท่านว่า พระเจ้าสามารถทำให้หินพวกนี้กลายเป็นลูกๆ ของอับราฮัมก็ได้ 10 มีขวานจ่อไว้ที่รากต้นไม้แล้ว หากว่าต้นไม้ต้นใดก็ตามไม่สามารถให้ผลงามได้ ก็จะถูกโค่นลงและถูกโยนลงในกองไฟ

11 ข้าพเจ้าให้บัพติศมาแก่ท่านด้วยน้ำเป็นการแสดงถึงการกลับใจของท่าน แต่พระองค์ผู้กำลังมาหลังจากข้าพเจ้ามีอานุภาพยิ่งกว่าข้าพเจ้า แม้แต่รองเท้าของพระองค์ ข้าพเจ้าก็มิบังควรที่จะถือ พระองค์จะให้บัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และไฟ 12 พลั่วสำหรับแยกแกลบอยู่ในมือของพระองค์ เพื่อปรับลานของพระองค์ให้เรียบ และเพื่อแยกเก็บข้าวสาลีของพระองค์ไว้ในยุ้ง แต่พระองค์จะเผาแกลบด้วยไฟซึ่งลุกโชติช่วงอยู่ตลอดเวลา”

พระเยซูรับบัพติศมา

13 ครั้นพระเยซูจากแคว้นกาลิลีมาจนถึงแม่น้ำจอร์แดน พระองค์มาหายอห์นเพื่อรับบัพติศมาจากท่าน 14 แต่ยอห์นพยายามห้ามพระองค์โดยกล่าวว่า “ข้าพเจ้าสมควรที่จะรับบัพติศมาจากพระองค์ แล้วพระองค์จะมารับจากข้าพเจ้าอย่างนั้นหรือ” 15 แต่พระเยซูกล่าวตอบยอห์นว่า “ในเวลานี้ ขอให้เป็นไปตามนั้นเถิด เพราะสมควรที่เราทั้งสองจะกระทำการนี้เพื่อเป็นไปตามความชอบธรรมทุกประการ” แล้วยอห์นก็ยินยอม

16 หลังจากรับบัพติศมาแล้ว พระเยซูขึ้นจากน้ำทันที และสวรรค์ก็เปิดออก และเห็นพระวิญญาณของพระเจ้าในรูปลักษณ์ของนกพิราบลงมาสถิตบนพระองค์ 17 มีเสียงกล่าวจากสวรรค์ว่า “ผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา คือผู้ที่เราพอใจมาก”

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation