Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Read the Gospels in 40 Days

Read through the four Gospels--Matthew, Mark, Luke, and John--in 40 days.
Duration: 40 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
มัทธิว 25-26

อุปมาเรื่องพรหมจาริณีทั้งสิบ

25 ครั้นแล้ว อาณาจักรแห่งสวรรค์จะเปรียบเสมือนกับพรหมจาริณี 10 คนที่เอาตะเกียงออกไปเพื่อจะพบเจ้าบ่าว มี 5 คนที่โง่เขลา อีก 5 คนชาญฉลาด เมื่อคนโง่เขลาเอาตะเกียงไป พวกเธอไม่ได้เอาน้ำมันไปด้วย ส่วนคนชาญฉลาดเอาน้ำมันใส่โถติดตัวไปกับตะเกียงด้วย ขณะที่เจ้าบ่าวยังล่าช้าอยู่ ทุกคนเกิดง่วงเหงาและหลับไป พอถึงเที่ยงคืนก็มีเสียงตะโกนว่า ‘ดูสิ เจ้าบ่าวไง ออกมาพบเถิด’ ครั้นแล้วพรหมจาริณีทั้งสิบก็ลุกขึ้นเตรียมจุดตะเกียงให้พร้อม คนโง่เขลาพูดกับคนฉลาดว่า ‘แบ่งปันน้ำมันของท่านให้เราบ้าง เพราะตะเกียงของพวกเราจะดับแล้ว’ คนฉลาดตอบว่า ‘ไม่ได้หรอก มีน้ำมันไม่มากพอสำหรับพวกเราและพวกท่านด้วย ไปหาซื้อจากคนขายเอาเองเถิด’ 10 ขณะที่คนโง่เขลาไปซื้อน้ำมัน เจ้าบ่าวก็มา บรรดาคนที่พร้อมแล้วก็เข้าไปในงานเลี้ยงสมรสกับท่าน และประตูก็ปิด 11 ต่อมาเหล่าพรหมจาริณีอีก 5 คนมาถึงและพูดว่า ‘นายท่าน นายท่าน โปรดเปิดประตูให้พวกเราด้วย’ 12 ท่านกล่าวตอบว่า ‘เราขอบอกความจริงกับพวกท่านว่า เราไม่รู้จักท่าน’ 13 ฉะนั้นจงคอยระวังไว้ เพราะเจ้าไม่อาจรู้วันเวลานั้น

อุปมาเรื่องผู้รับใช้ 3 คนกับเงินตะลันต์

14 และยังเปรียบเสมือนชายคนหนึ่งที่ออกเดินทางไป เขาเรียกบรรดาผู้รับใช้มาเพื่อให้ดูแลทรัพย์สมบัติของเขา 15 เขาให้เงินจำนวน 5 ตะลันต์[a]แก่คนหนึ่ง อีกคนได้รับ 2 ตะลันต์ และอีกคนได้ 1 ตะลันต์ แต่ละคนได้รับตามความสามารถของตน แล้วเขาก็เดินทางไป 16 คนที่ได้รับ 5 ตะลันต์ก็เอาเงินนั้นไปทำการค้าทันที จนได้มาอีก 5 ตะลันต์ 17 คนที่ได้รับ 2 ตะลันต์ก็ทำเช่นเดียวกันคือได้มาอีก 2 ตะลันต์ 18 แต่คนที่ได้รับ 1 ตะลันต์ออกไปขุดดินซ่อนเงินของนายเขาไว้ 19 เป็นเวลานานหลังจากนั้น นายของพวกผู้รับใช้เหล่านั้นก็กลับมา และคิดบัญชีกับพวกเขา 20 คนที่ได้รับ 5 ตะลันต์มาหาพร้อมกับนำเงินอีก 5 ตะลันต์มาพูดว่า ‘นายท่าน ท่านให้ข้าพเจ้าดูแล 5 ตะลันต์ ดูสิ ข้าพเจ้าได้เพิ่มอีก 5 ตะลันต์’ 21 นายของเขากล่าวว่า ‘ดีมาก ผู้รับใช้ที่ดีและภักดี เจ้าได้รับการไว้วางใจเพียงไม่กี่สิ่ง เราจะให้เจ้าดูแลอีกหลายสิ่ง เข้ามาร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด’ 22 คนที่ได้รับ 2 ตะลันต์ก็มาหาด้วย และพูดว่า ‘นายท่าน ท่านได้ให้ข้าพเจ้าดูแล 2 ตะลันต์ ดูสิ ข้าพเจ้าได้เพิ่มอีก 2 ตะลันต์’ 23 นายของเขากล่าวว่า ‘ดีมาก ผู้รับใช้ที่ดีและภักดี เจ้าได้รับการไว้วางใจเพียงไม่กี่สิ่ง เราจะให้เจ้าดูแลอีกหลายสิ่ง เข้ามาร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด’ 24 คนที่ได้รับ 1 ตะลันต์ก็มาหาด้วย และพูดว่า ‘นายท่าน ข้าพเจ้าทราบว่าท่านเป็นคนเข้มงวด ท่านเก็บเกี่ยวสิ่งที่ท่านไม่ได้หว่าน และเก็บรวบรวมสิ่งที่ท่านไม่ได้โปรยเมล็ดไว้ 25 ข้าพเจ้าเกรงกลัวจึงเอาเงินตะลันต์ไปซ่อนไว้ใต้ดิน ดูสิ ท่านได้สิ่งที่เป็นของท่านไป’ 26 นายคนนั้นกล่าวตอบเขาว่า ‘เจ้าเป็นผู้รับใช้ที่ชั่วช้า ขี้เกียจ เจ้ารู้ว่าเราเก็บเกี่ยวสิ่งที่เราไม่ได้หว่าน และรวบรวมสิ่งที่เราไม่ได้โปรยเมล็ดไว้ 27 ถ้าเช่นนั้นเจ้าควรฝากเงินของเราไว้ในธนาคาร เมื่อเรากลับมาเราจะได้รับเงินที่ฝากไว้คืนมาพร้อมดอกเบี้ย 28 ฉะนั้นจงเอาเงินตะลันต์จากเขาไปให้แก่คนที่มีอยู่ 10 ตะลันต์’ 29 เพราะทุกคนที่มีอยู่แล้ว ก็จะได้รับมากขึ้น เขาจะมีอย่างอุดมสมบูรณ์ และใครที่ไม่มี แม้แต่สิ่งที่เขามีอยู่ก็จะถูกริบไปจากเขา 30 และจงโยนผู้รับใช้ไร้ประโยชน์ออกไปยังความมืดข้างนอก ณ ที่นั่นจะมีการร่ำไห้และขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

จำแนกแกะออกจากแพะ

31 เมื่อบุตรมนุษย์มาด้วยสง่าราศีพร้อมกับทูตสวรรค์ทั้งหมด แล้วท่านจะนั่งบนบัลลังก์อันสง่างาม 32 ชนทุกชาติจะมาชุมนุมร่วมกันในเบื้องหน้าท่านและท่านจะแยกพวกเขาออกจากกัน ดังเช่นผู้เลี้ยงดูฝูงแกะจำแนกแกะออกจากแพะ 33 ท่านจะจัดให้แกะอยู่ทางขวามือของท่านและแพะอยู่ทางซ้ายมือ 34 แล้วกษัตริย์จะกล่าวกับพวกที่อยู่ทางขวามือว่า ‘พวกเจ้าเป็นบรรดาผู้ที่พระบิดาของเราได้ให้พร มารับเอาอาณาจักรซึ่งเตรียมไว้ให้เจ้าตั้งแต่แรกสร้างโลกเถิด 35 เพราะเมื่อครั้งที่เราหิว เจ้าก็ให้เรารับประทาน เรากระหาย เจ้าก็ให้เราดื่ม เราเป็นคนแปลกหน้าแต่เจ้าก็เชิญเราเข้าไป 36 เราเปลือยกาย เจ้าก็ให้เสื้อผ้าเรานุ่งห่ม เราเจ็บไข้ เจ้าก็ดูแลเรา เราถูกจำคุก เจ้าก็มาหาเรา’ 37 แล้วบรรดาผู้มีความชอบธรรมจะตอบท่านว่า ‘พระผู้เป็นเจ้า เมื่อไรที่พวกเราเห็นพระองค์หิวก็ให้รับประทาน หรือกระหายก็ให้ดื่ม 38 เมื่อไรที่พวกเราเห็นพระองค์เป็นคนแปลกหน้า และเชิญพระองค์เข้าไป หรือเปลือยกายก็ให้นุ่งห่ม 39 เมื่อไรที่พวกเราเห็นพระองค์เจ็บไข้หรือถูกจำคุกและมาเยี่ยมพระองค์’ 40 แล้วกษัตริย์จะกล่าวตอบพวกเขาว่า ‘เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า เท่าที่พวกเจ้าได้กระทำต่อผู้ที่ต่ำต้อยคนใดคนหนึ่งในพวกพี่น้องของเรานี้ ก็เหมือนได้กระทำต่อเราด้วย’

41 ครั้นแล้วท่านจะกล่าวกับพวกคนที่อยู่ทางซ้ายมือของท่านด้วยว่า ‘จงไปให้พ้นหน้าเรา เจ้าพวกที่ถูกสาปแช่ง จงเข้าไปสู่ไฟที่ลุกไหม้ชั่วนิรันดร์ซึ่งได้เตรียมไว้ให้พญามารกับพวกทูตของมัน 42 เพราะเมื่อครั้งที่เราหิว เจ้าไม่ให้อะไรเรารับประทาน เรากระหาย เจ้าไม่ให้อะไรเราดื่ม 43 เราเป็นคนแปลกหน้า เจ้าไม่ได้เชิญเราเข้าไป เราเปลือยกาย เจ้าไม่ได้ให้เสื้อเรานุ่งห่ม เราเจ็บไข้และถูกจำคุก เจ้าก็ไม่ได้ดูดำดูดี’ 44 แล้วพวกเขาจะตอบด้วยว่า ‘พระผู้เป็นเจ้า เมื่อไรที่พวกเราเห็นพระองค์หิวหรือกระหาย หรือเป็นคนแปลกหน้า หรือเปลือยกาย หรือเจ็บไข้ หรือจำคุกและไม่ได้ช่วยดูแลพระองค์’ 45 ครั้นแล้วท่านจะกล่าวตอบพวกเขาว่า ‘เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า เท่าที่พวกเจ้าไม่ได้กระทำต่อผู้ที่ต่ำต้อยคนใดคนหนึ่งในพวกพี่น้องของเรานี้ เจ้าก็ไม่ได้กระทำต่อเรา’ 46 เขาเหล่านี้จะต้องไปรับโทษอันเป็นนิรันดร์ แต่สำหรับพวกที่มีความชอบธรรมจะเข้าสู่ชีวิตอันเป็นนิรันดร์”

แผนการลับจับกุมพระเยซู

26 เมื่อพระเยซูกล่าวถึงสิ่งเหล่านั้นจบแล้ว ก็กล่าวกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “พวกเจ้ารู้แล้วว่าอีก 2 วันก็จะถึงเทศกาลปัสกา[b] บุตรมนุษย์จะถูกมอบตัวไปตรึงบนไม้กางเขน” พวกมหาปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ของประชาชนเข้าร่วมประชุมกันในวังของหัวหน้ามหาปุโรหิตชื่อคายาฟาส เขาเหล่านั้นวางแผนกันเพื่อจับกุมและฆ่าพระเยซูอย่างลับๆ พวกเขาพูดว่า “ต้องไม่ทำในระหว่างเทศกาล มิฉะนั้นจะเกิดการจลาจลในหมู่ผู้คน”

น้ำมันหอมชโลมศีรษะ

ขณะที่พระเยซูอยู่ที่บ้านของซีโมนชายโรคเรื้อนในหมู่บ้านเบธานี มีหญิงคนหนึ่งเอาผอบหินซึ่งบรรจุด้วยน้ำมันหอมราคาแพงมากมาหาพระองค์ และชโลมบนศีรษะของพระองค์ขณะที่พระองค์เอนกายลงรับประทาน แต่พวกสาวกเห็นเข้าก็โกรธและพูดว่า “ทำไมจึงทำให้เสียของเปล่าๆ เช่นนี้ เพราะว่าน้ำหอมนี้อาจจะขายได้ราคาสูง และเอาเงินไปแจกแก่ผู้ยากไร้ได้” 10 พระเยซูตระหนักดีถึงสิ่งนั้น จึงกล่าวกับพวกเขาว่า “ทำไมเจ้าจึงยุ่งกับหญิงคนนี้ นางได้ทำสิ่งดีให้เรา 11 พวกเจ้ามีผู้ยากไร้อยู่ด้วยเสมอ แต่เราจะไม่ได้อยู่กับพวกเจ้าตลอดไป 12 การที่นางเทน้ำมันหอมบนกายของเรา เท่ากับนางได้เตรียมพิธีฝังศพของเรา 13 เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า ไม่ว่าข่าวประเสริฐนี้จะถูกประกาศไปที่ใดในโลกก็ตาม สิ่งที่นางได้ทำจะเป็นที่กล่าวขวัญถึง เพื่อเป็นการระลึกถึงนาง”

ยูดาสผู้ทรยศ

14 คนหนึ่งในสาวกทั้งสิบสองชื่อยูดาสอิสคาริโอทไปหาพวกมหาปุโรหิต 15 และพูดว่า “ถ้าข้าพเจ้ามอบพระองค์ให้ท่านจับกุมตัว ท่านจะให้อะไรแก่ข้าพเจ้า” แล้วพวกเขาก็นับเหรียญเงินให้ 30 เหรียญ 16 หลังจากนั้น เขาก็รอโอกาสที่จะทรยศพระองค์

ฉลองวันปัสกา

17 ในวันแรกของเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ พวกสาวกมาหาพระเยซูแล้วพูดว่า “พระองค์ประสงค์จะให้พวกเราเตรียมอาหารวันปัสกาเพื่อพระองค์รับประทานที่ไหน” 18 พระเยซูกล่าวว่า “จงเข้าไปในเมือง ไปหาชายคนหนึ่งและพูดกับเขาว่า ‘อาจารย์กล่าวว่า “ถึงกำหนดเวลาของเราแล้ว เราต้องฉลองปัสกากับสาวกของเราที่บ้านของท่าน”’” 19 เหล่าสาวกกระทำตามที่พระเยซูได้สั่งพวกเขาไว้ แล้วก็เตรียมอาหารวันปัสกากัน

20 ครั้นเย็นลง พระองค์เอนกายลงรับประทานกับเหล่าสาวกทั้งสิบสอง 21 ขณะที่พวกเขากำลังรับประทานอยู่ พระองค์กล่าวว่า “เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า คนหนึ่งในพวกเจ้าจะทรยศเรา” 22 เหล่าสาวกเศร้าใจยิ่งนัก ต่างก็พูดว่า “พระองค์ท่าน เป็นข้าพเจ้าหรือเปล่า” 23 พระองค์กล่าวตอบว่า “คนที่ใช้มือจิ้มร่วมกับเราในถ้วยนี้เป็นคนที่จะทรยศเรา 24 บุตรมนุษย์ต้องไป ตามที่มีบันทึกไว้เกี่ยวกับท่าน แต่วิบัติจะเกิดกับคนที่ทรยศบุตรมนุษย์ ถ้าคนนั้นไม่ได้มาเกิดก็จะดีกว่า” 25 ยูดาสคนที่กำลังทรยศพระองค์ถามว่า “รับบี เป็นข้าพเจ้าหรือเปล่า” พระองค์กล่าวว่า “เจ้าได้พูดขึ้นเอง”

26 ขณะที่เขาเหล่านั้นกำลังรับประทานกันอยู่ พระเยซูหยิบขนมปังและกล่าวขอบคุณพระเจ้า แล้วก็บิเป็นชิ้น ยื่นให้แก่เหล่าสาวก พลางกล่าวว่า “เอาไปรับประทานเถิด นี่เป็นกายของเรา” 27 เมื่อพระองค์หยิบถ้วยและกล่าวขอบคุณพระเจ้าแล้ว พระองค์จึงยื่นให้แก่พวกเขาและกล่าวว่า “ทุกคนจงดื่มจากถ้วยนี้ 28 เพราะนี่เป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาของเราซึ่งหลั่งออกให้แก่คนจำนวนมาก เพื่อเป็นการยกโทษบาป 29 เราขอบอกเจ้าว่า เราจะไม่ดื่มน้ำจากผลของเถาองุ่นอีก จนจะถึงวันนั้น คือวันที่เราจะดื่มกันใหม่กับพวกเจ้าในอาณาจักรของพระบิดาของเรา”

สาวกปฏิเสธคำพยากรณ์

30 หลังจากที่ได้ร้องเพลงสรรเสริญกันแล้วก็พากันออกไปยังภูเขามะกอก

31 พระเยซูกล่าวกับพวกเขาว่า “พวกเจ้าทุกคนจะละทิ้งเราในคืนนี้ เพราะมีบันทึกไว้ว่า ‘เราจะฟาดฟันผู้เลี้ยงดูฝูงแกะ และบรรดาแกะในฝูงจะกระจัดกระจายไป’[c]

32 แต่หลังจากที่เราได้ฟื้นคืนชีวิตแล้ว เราจะไปล่วงหน้าพวกเจ้ายังแคว้นกาลิลี” 33 แต่เปโตรพูดตอบพระองค์ว่า “แม้คนทั้งปวงจะละทิ้งพระองค์ ข้าพเจ้าไม่มีวันทิ้งพระองค์แน่นอน” 34 พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า ในคืนวันนี้เอง ก่อนไก่จะขัน เจ้าจะปฏิเสธ 3 ครั้งว่าเจ้าไม่รู้จักเรา” 35 เปโตรพูดกับพระเยซูว่า “ถึงแม้ข้าพเจ้าจะต้องตายไปด้วยกับพระองค์ ข้าพเจ้าก็จะไม่ปฏิเสธพระองค์” สาวกต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันอย่างนั้นทุกคน

เกทเสมนี

36 แล้วพระเยซูกับพวกสาวกมายังที่แห่งหนึ่งซึ่งเรียกว่าเกทเสมนี พระองค์กล่าวกับเหล่าสาวกว่า “จงนั่งลงที่นี่ขณะที่เราไปอธิษฐานที่โน่น” 37 พระองค์พาเปโตรและบุตรชายทั้งสองของเศเบดีไปด้วย พระองค์เริ่มเศร้าใจและหนักใจ 38 พระองค์กล่าวกับพวกเขาว่า “จิตใจของเราเป็นทุกข์เจียนตาย จงอยู่ตรงนี้ เฝ้าคอยอยู่กับเราเถิด” 39 พระองค์เดินเลยพวกเขาไปเล็กน้อยแล้วซบหน้าลงที่พื้นดินอธิษฐานว่า “พระบิดาของข้าพเจ้า ถ้าเป็นไปได้ โปรดให้ถ้วยนี้ผ่านพ้นไปจากข้าพเจ้า ถึงกระนั้น ขออย่าให้เป็นไปตามความประสงค์ของข้าพเจ้า แต่ขอให้เป็นไปตามความประสงค์ของพระองค์เถิด” 40 พระเยซูเดินมาหาเหล่าสาวกและพบว่าพวกเขากำลังนอนหลับกัน พระองค์กล่าวกับเปโตรว่า “พวกเจ้าไม่สามารถคอยเฝ้าอยู่กับเราสักชั่วโมงเดียวหรือ 41 จงคอยเฝ้าและอธิษฐานเถิดว่า พวกเจ้าจะไม่ตกอยู่ในสิ่งยั่วยุ ฝ่ายวิญญาณมีความตั้งใจดี แต่ฝ่ายเนื้อหนังกลับอ่อนแอ”[d] 42 พระองค์เดินจากไปอีกเป็นครั้งที่สอง และอธิษฐานว่า “พระบิดาของข้าพเจ้า หากถ้วยนี้ผ่านข้าพเจ้าไปไม่ได้ นอกจากว่าข้าพเจ้าจะต้องดื่มก่อน ก็ขอให้เป็นไปตามความประสงค์ของพระองค์เถิด” 43 แล้วพระเยซูกลับมาอีกก็พบว่าพวกเขานอนหลับกัน เพราะง่วงจนลืมตาไม่ขึ้น 44 พระองค์เดินจากพวกเขาไปอีกและอธิษฐานเป็นครั้งที่สาม โดยกล่าวเช่นเดิมอีก 45 พระองค์มาหาเหล่าสาวกและกล่าวกับพวกเขาว่า “พวกเจ้ายังนอนหลับและพักผ่อนอยู่หรือ ดูเถิด ใกล้เวลาแล้ว และบุตรมนุษย์กำลังถูกทรยศส่งมอบไว้ในมือของพวกคนบาป 46 จงลุกขึ้น ไปกันเถิด ดูสิ คนทรยศเราเข้ามาใกล้แล้ว”

พระเยซูถูกจับกุม

47 พระองค์ยังกล่าวไม่ทันขาดคำ ยูดาสหนึ่งในสาวกทั้งสิบสองก็เดินมา พร้อมกับคนกลุ่มใหญ่จากบรรดามหาปุโรหิตและผู้ใหญ่ของประชาชน ต่างถือดาบและไม้ตะบองมาด้วย 48 ผู้ทรยศนั้นได้ให้สัญญาณแก่พวกเขาโดยกล่าวว่า “เป็นคนที่เราจะจูบแก้มนั่นแหละ[e] จงจับกุมเขาได้เลย” 49 เขาไปหาพระเยซูทันทีและพูดว่า “สวัสดี รับบี” แล้วก็จูบแก้มพระองค์ 50 พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “เพื่อนเอ๋ย มาเพื่ออะไรก็ทำไปเถิด” ครั้นแล้วพวกเขาก็เข้ามาจับกุมพระเยซู 51 ในทันใดนั้น คนหนึ่งในบรรดาผู้ที่อยู่กับพระเยซูชักดาบออกฟันหูผู้รับใช้ของหัวหน้ามหาปุโรหิตขาด 52 พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “เก็บดาบเสีย เพราะทุกคนที่ใช้ดาบจะตายเพราะดาบ 53 เจ้าคิดหรือว่าเราจะร้องขอพระบิดาของเราให้ช่วยไม่ได้ พระองค์จะส่งทูตสวรรค์มาเป็นจำนวนมากกว่า 12 เลเกโอน[f]ให้เราได้ทันที 54 ถ้าเช่นนั้นแล้วจะเป็นไปตามพระคัมภีร์ได้อย่างไร เรื่องจะต้องเป็นไปเช่นนี้” 55 ในเวลานั้น พระเยซูกล่าวกับฝูงชนว่า “พวกท่านเอาดาบและไม้ตะบองพากันมาจับกุมเรา เหมือนกับว่าเราเป็นโจรอย่างนั้นหรือ ทุกวันเราเคยนั่งสั่งสอนในบริเวณพระวิหาร แต่ท่านก็ไม่ได้จับกุมเรา 56 สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นก็เพื่อเป็นไปตามพระคัมภีร์ในหมวดผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า” เหล่าสาวกก็ละทิ้งพระองค์ไว้และพากันหนีไป

พระเยซูถูกปรักปรำที่ศาสนสภา

57 แล้วพวกที่จับกุมพระเยซูก็พาพระองค์ไปหาคายาฟาสหัวหน้ามหาปุโรหิต ณ ที่ซึ่งพวกอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติและพวกผู้ใหญ่ประชุมร่วมกัน 58 แต่เปโตรก็ได้ติดตามพระองค์ไปอยู่ห่างๆ เขาเข้าใกล้ที่สุดได้ถึงในบริเวณลานบ้านของหัวหน้ามหาปุโรหิต แล้วนั่งลงกับพวกเจ้าหน้าที่เพื่อดูว่าเรื่องจะเป็นอย่างไร 59 ฝ่ายพวกมหาปุโรหิตและสมาชิกทั้งหมดในศาสนสภาพยายามหาพยานเท็จปรักปรำพระเยซูเพื่อจะทำให้พระองค์ได้รับโทษถึงตาย 60 แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำได้ แม้ว่าพยานเท็จจำนวนมากมาให้การ แต่ในที่สุดมี 2 คนมาให้การว่า 61 “ชายคนนี้กล่าวว่า ‘เราสามารถทำลายพระวิหารของพระเจ้าได้และสร้างขึ้นใหม่ใน 3 วัน’” 62 หัวหน้ามหาปุโรหิตยืนขึ้นและพูดกับพระองค์ว่า “ท่านไม่ตอบอะไรหรือ ท่านจะว่าอย่างไรกับคำให้การที่กล่าวหาท่านมานี้” 63 แต่พระเยซูนิ่งเงียบ ส่วนหัวหน้ามหาปุโรหิตพูดกับพระองค์ว่า “เราให้ท่านสาบานต่อหน้าพระเจ้าผู้ดำรงอยู่ ให้ท่านบอกเราว่า ท่านเป็นพระคริสต์บุตรของพระเจ้าหรือไม่” 64 พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “ท่านเป็นคนพูดเช่นนั้นเอง แต่เราขอบอกท่านว่า หลังจากนี้พวกท่านจะเห็นบุตรมนุษย์นั่งอยู่ ณ เบื้องขวาขององค์ผู้มีอานุภาพมาพร้อมเมฆแห่งสวรรค์” 65 ครั้นแล้วหัวหน้ามหาปุโรหิตจึงฉีกเสื้อตัวนอกของตนเองจนขาด และกล่าวว่า “เขาได้พูดจาหมิ่นประมาท พวกเราจำต้องมีพยานอะไรมากกว่านี้ ดูสิ พวกท่านก็ได้ยินคำพูดหมิ่นประมาทแล้ว 66 พวกท่านเห็นว่าอย่างไร” พวกเขาตอบว่า “เขาสมควรตาย” 67 แล้วพวกเขาถ่มน้ำลายใส่หน้าพระองค์ และชกพระองค์ด้วยกำปั้น บ้างก็ตบพระองค์ 68 และพูดว่า “ท่านผู้เป็นพระคริสต์ จงพยากรณ์ซิว่าใครเป็นคนตบตีท่าน”

เปโตรปฏิเสธว่าไม่รู้จักพระเยซู

69 ขณะนั้นเปโตรกำลังนั่งอยู่ข้างนอกที่ลานบ้าน และผู้รับใช้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้เขาและพูดว่า “ท่านก็ด้วย ท่านอยู่กับเยซูชาวกาลิลี” 70 แต่เขาปฏิเสธต่อหน้าทุกคนโดยพูดว่า “เราไม่รู้ว่าเจ้าพูดถึงอะไร” 71 เมื่อเขาออกไปทางประตู ผู้รับใช้หญิงอีกคนเห็นเปโตรจึงพูดกับพวกที่ยืนอยู่ว่า “ชายคนนี้อยู่กับเยซูแห่งเมืองนาซาเร็ธ” 72 เขาสาบานไม่ยอมรับอีกว่า “เราไม่รู้จักชายผู้นั้น” 73 อีกชั่วครู่ต่อมา พวกที่ยืนอยู่มาหาเปโตรและพูดว่า “แน่แล้ว ท่านด้วยที่เป็นพวกเดียวกันกับเขา ก็สำเนียงของท่านส่อให้รู้นี่นา” 74 แล้วเปโตรก็เริ่มสบถสาบานว่า “เราไม่รู้จักชายผู้นั้น” ในทันใดนั้น ไก่ก็ขัน 75 แล้วเปโตรนึกถึงคำซึ่งพระเยซูได้กล่าวไว้ว่า “ก่อนไก่จะขัน เจ้าจะปฏิเสธ 3 ครั้งว่าเจ้าไม่รู้จักเรา” เขาจึงออกไปข้างนอกแล้วร้องไห้ด้วยความปวดร้าวใจยิ่งนัก

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation