Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Read the Gospels in 40 Days

Read through the four Gospels--Matthew, Mark, Luke, and John--in 40 days.
Duration: 40 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
ยอห์น 13-14

พระเยซูล้างเท้าของสาวก

13 ก่อนถึงงานเทศกาลปัสกา พระเยซูทราบว่า ถึงกำหนดเวลาแล้วที่จะจากโลกนี้กลับไปหาพระบิดา พระองค์รักคนของพระองค์ที่อยู่ในโลกนี้มาโดยตลอด จนถึงที่สุด ในระหว่างอาหารค่ำ พญามารได้ดลใจให้ยูดาสอิสคาริโอทบุตรของซีโมนทรยศพระองค์ พระเยซูทราบว่า พระบิดามอบทุกสิ่งไว้ในมือของพระองค์ พระองค์มาจากพระเจ้า และกำลังจะกลับไปหาพระเจ้า พระองค์จึงลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร ถอดเสื้อตัวนอกวางไว้ คาดผ้าเช็ดตัวไว้ที่เอว เทน้ำลงในอ่างและล้างเท้าของสาวก พร้อมทั้งใช้ผ้าที่คาดเอวไว้ซับเท้าด้วย เมื่อพระองค์มาถึงซีโมนเปโตร เขาพูดว่า “พระองค์ท่าน พระองค์จะล้างเท้าของข้าพเจ้าหรือ” พระเยซูกล่าวตอบว่า “สิ่งที่เรากระทำขณะนี้เจ้าไม่เข้าใจ แต่เจ้าจะเข้าใจในภายหลัง” เปโตรพูดกับพระองค์ว่า “พระองค์จะมาล้างเท้าของข้าพเจ้าไม่ได้” พระเยซูตอบเขาว่า “ถ้าเราไม่ล้างเท้าเจ้า เจ้าจะไม่มีส่วนกับเราเลย” ซีโมนเปโตรพูดว่า “พระองค์ท่าน ไม่เพียงแต่เท้าของข้าพเจ้าเท่านั้น แต่มือและศีรษะของข้าพเจ้าด้วย” 10 พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “ผู้ที่ได้อาบน้ำแล้วเหลือเพียงเท้าเท่านั้นที่ต้องล้าง เพราะทั้งตัวสะอาดหมด พวกเจ้าก็สะอาด แต่ไม่ใช่ทุกคน” 11 พระองค์ทราบดีว่าใครกำลังจะทรยศพระองค์ ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงกล่าวขึ้นว่า “ไม่ใช่ทุกคนในพวกเจ้าที่สะอาด”

12 เมื่อพระองค์ได้ล้างเท้าของพวกเขาเสร็จแล้ว ก็สวมเสื้อตัวนอกที่ได้ถอดวางไว้ แล้วเอนกายลงอีก พระองค์กล่าวกับพวกเขาว่า “เจ้าเข้าใจสิ่งที่เราได้กระทำต่อเจ้าไหม 13 เจ้าเรียกเราว่า อาจารย์ และพระองค์ท่าน เจ้าเรียกถูกต้องแล้วเพราะว่าเราเป็นเช่นนั้นจริง 14 ฉะนั้นถ้าเราคือทั้งพระองค์ท่านและอาจารย์ของพวกเจ้าซึ่งได้ล้างเท้าของเจ้า เจ้าเองควรจะล้างเท้าให้กันและกันด้วย 15 เพราะเราได้เป็นตัวอย่างให้แก่เจ้า ดังนั้น เจ้าควรทำตามอย่างดังที่เราได้กระทำต่อเจ้าแล้ว 16 เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า ทาสรับใช้ไม่ยิ่งใหญ่กว่านายของเขา และผู้ที่ถูกส่งออกไปก็ไม่ยิ่งใหญ่กว่าผู้ที่ส่งเขาไปเช่นกัน 17 เจ้ารู้สิ่งเหล่านี้แล้ว และถ้าปฏิบัติตาม เจ้าก็จะเป็นสุข

พระเยซูทราบว่ายูดาสจะทรยศพระองค์

18 เราไม่ได้พูดถึงทุกคนในพวกเจ้า เรารู้จักบรรดาผู้ที่เราได้เลือกไว้แล้ว แต่เพื่อให้เป็นไปตามพระคัมภีร์ที่ว่า ‘คนที่รับประทานอาหารของข้าพเจ้าได้ยกส้นเท้าต่อต้านข้าพเจ้า’[a] 19 จากนี้ไปเราจะบอกสิ่งที่จะเกิดขึ้นให้เจ้ารู้ ก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้นจริงๆ เพื่อว่าเมื่อเกิดขึ้นแล้วเจ้าจะได้เชื่อว่า เราคือผู้นั้น[b] 20 เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า ผู้ที่รับคนที่เราส่งออกไปเสมือนได้รับเรา และถือว่าผู้นั้นรับพระองค์ผู้ส่งเรามาเช่นกัน”

21 เมื่อพระเยซูกล่าวเช่นนั้นแล้ว ก็ทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่งจึงกล่าวยืนยันว่า “เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า คนหนึ่งในพวกเจ้าจะทรยศเรา” 22 พวกสาวกเริ่มมองหน้ากันสงสัยว่าพระองค์หมายถึงใคร 23 สาวกคนหนึ่งที่พระเยซูรักก็กำลังเอนกายใกล้ทรวงอกของพระองค์ 24 ซีโมนเปโตรจึงพยักหน้าพูดกับคนนั้นว่า “บอกเราเถิดว่าพระองค์กล่าวถึงผู้ใด” 25 เขาเอนหลังพิงทรวงอกของพระเยซู แล้วพูดว่า “พระองค์ท่าน คนนั้นคือใคร” 26 พระเยซูจึงตอบว่า “คือผู้ที่เราจะเอาขนมปังนี้จิ้มในถ้วยให้” แล้วพระเยซูก็จิ้มขนมปัง และยื่นให้แก่ยูดาสบุตรของซีโมนอิสคาริโอท 27 เมื่อยูดาสรับประทานขนมปังเข้าไป ซาตาน[c]ก็เข้าสิงในตัวเขา พระเยซูจึงกล่าวกับเขาว่า “อะไรที่เจ้าจะทำก็ทำเร็วๆ เถิด” 28 พวกที่เอนกายอยู่ ณ ที่นั้นไม่ทราบว่าพระองค์ได้กล่าวเช่นนั้นกับเขาด้วยจุดประสงค์อะไร 29 หรืออาจเป็นเพราะยูดาสถือกล่องเก็บเงิน บางคนจึงคิดว่าพระเยซูกล่าวว่า “จงซื้อสิ่งที่เราจำเป็นต้องใช้สำหรับงานเทศกาลนี้” หรือไม่ก็บอกว่า เขาควรให้ทานแก่ผู้ยากไร้ 30 หลังจากยูดาสได้รับขนมปังแล้วก็ออกไปทันที ขณะนั้นเป็นเวลากลางคืน

พระเยซูทราบว่าเปโตรจะปฏิเสธพระองค์

31 เมื่อยูดาสจากไปแล้ว พระเยซูจึงกล่าวว่า “บัดนี้บุตรมนุษย์ได้รับพระบารมีแล้ว และให้พระเจ้าได้รับพระบารมีด้วย 32 หากว่าบุตรมนุษย์ให้พระเจ้าได้รับพระบารมี พระเจ้าเองก็จะมอบพระบารมีให้แก่บุตรมนุษย์ด้วย และจะมอบให้ทันที 33 บรรดาลูกที่รักเอ๋ย เราอยู่กับเจ้ายาวนานอีกสักประเดี๋ยวหนึ่ง เจ้าจะแสวงหาเรา และเราจะบอกเจ้าอีกครั้งเหมือนกับที่เคยพูดกับชาวยิวแล้วว่า ‘ที่ซึ่งเราจะไป เจ้าไม่อาจไปถึงได้’ 34 บัญญัติใหม่ที่เราให้แก่เจ้า คือเจ้าจงรักซึ่งกันและกัน พวกเจ้าต้องรักซึ่งกันและกันดังที่เรารักเจ้า 35 ถ้าเจ้ามีความรักให้กันและกันแล้ว ทุกคนจะได้รู้ว่าพวกเจ้าเป็นสาวกของเรา”

36 ซีโมนเปโตรพูดว่า “พระองค์ท่าน พระองค์จะไปไหน” พระเยซูตอบว่า “ที่ซึ่งเราจะไป เจ้าตามไปไม่ได้ในเวลานี้ แต่จะตามไปในภายหลัง” 37 เปโตรพูดว่า “พระองค์ท่าน ทำไมในเวลานี้ข้าพเจ้าจึงตามพระองค์ไปไม่ได้ ข้าพเจ้าจะสละชีวิตให้แก่พระองค์” 38 พระเยซูตอบว่า “เจ้าจะสละชีวิตของเจ้าให้แก่เราหรือ เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า ไก่จะไม่ขันจนกว่าเจ้าจะปฏิเสธเรา 3 ครั้ง

พระเยซูคือหนทางที่นำไปสู่พระบิดา

14 อย่าทุกข์ใจเลย จงเชื่อในพระเจ้าและเรา ในบ้านของพระบิดาของเรามีที่อยู่มากมาย ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นแล้วเราก็จะไม่บอกเจ้าหรอก เราไปเพื่อจัดเตรียมที่ให้พวกเจ้า หลังจากเราไปจัดเตรียมที่ให้พวกเจ้าแล้ว เราจะกลับมาอีกเพื่อรับเจ้าไปอยู่กับเรา เราไปอยู่ที่ไหน เจ้าจะได้อยู่ที่นั่นด้วย และเจ้ารู้จักทางที่เราจะไป” โธมัสพูดว่า “พระองค์ท่าน ในเมื่อพวกเราไม่ทราบว่าพระองค์จะไปไหน แล้วเราจะทราบทางได้อย่างไร” พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “เราคือหนทาง ความจริง และชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะผ่านเรา ถ้าพวกเจ้าได้รู้จักเราแล้ว เจ้าก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย ตั้งแต่นี้ไปพวกเจ้าก็รู้จักพระองค์ และได้เห็นพระองค์แล้ว”

ฟีลิปพูดว่า “พระองค์ท่าน โปรดช่วยให้เราได้เห็นพระบิดาเท่านั้น ก็เพียงพอแล้ว” พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “ฟีลิปเอ๋ย เราอยู่กับเจ้านานแล้ว ยังไม่รู้จักเราอีกหรือ ผู้ที่เคยเห็นเราแล้วก็เคยเห็นพระบิดา เจ้าพูดได้อย่างไรว่า ‘ช่วยให้เราได้เห็นพระบิดาเถิด’ 10 เจ้าไม่เชื่อหรือว่า เราอยู่ในพระบิดา และพระบิดาอยู่ในเรา คำกล่าวที่เราบอกเจ้าไม่ได้มาจากเราเอง แต่พระบิดาผู้ดำรงอยู่ในเราเป็นผู้ปฏิบัติงานของพระองค์ 11 จงเชื่อว่าเราอยู่ในพระบิดาและพระบิดาอยู่ในเรา ถ้าไม่อย่างนั้นก็จงเชื่อเพราะสิ่งที่เรากระทำเถิด 12 เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า ผู้ที่เชื่อในเราจะกระทำสิ่งซึ่งเรากระทำ และเขาก็จะกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ เพราะว่าเราจะไปถึงพระบิดา 13 และอะไรก็ตามที่เจ้าขอในนามของเรา เราก็จะกระทำให้ เพื่อว่าพระบิดาจะได้รับพระบารมีโดยผ่านพระบุตร 14 ถ้าเจ้าขอสิ่งใดจากเราในนามของเรา เราก็จะกระทำสิ่งนั้นให้

พระองค์มอบพระวิญญาณบริสุทธิ์

15 ถ้าเจ้ารักเรา ก็จงปฏิบัติตามบัญญัติของเราเถิด 16 แล้วเราจะขอจากพระบิดา พระองค์จะมอบองค์ผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้ เพื่ออยู่กับเจ้าไปตลอดกาล 17 พระองค์เป็นพระวิญญาณแห่งความจริงที่โลกนี้ไม่สามารถรับได้ เพราะพวกเขามองไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ แต่พวกเจ้ารู้จักพระองค์เพราะพระองค์ดำรงอยู่กับเจ้าและจะอยู่ในตัวเจ้าด้วย

18 เราจะไม่จากเจ้าไป และปล่อยให้พวกเจ้าเป็นเช่นเด็กกำพร้า เราจะมาหาเจ้าอีก 19 เพียงประเดี๋ยวหนึ่ง โลกนี้ก็จะมองไม่เห็นเราอีก แต่พวกเจ้าจะมองเห็นเราเพราะเราดำรงอยู่ และพวกเจ้าจะดำรงอยู่ด้วยเช่นกัน 20 ในวันนั้นพวกเจ้าจะรู้ว่าเราอยู่ในพระบิดาของเรา และเจ้าอยู่ในเรา ดังที่เราอยู่ในพวกเจ้า 21 ผู้ที่มีบัญญัติของเราและปฏิบัติตามเป็นผู้ที่รักเรา ผู้ที่รักเราจะได้รับความรักจากพระบิดาและเรา เราจะมาสำแดงตัวเราให้ปรากฏแก่เขา” 22 ยูดาส (มิใช่อิสคาริโอท) พูดว่า “พระองค์ท่าน เพราะเหตุใดพระองค์จึงจะสำแดงแก่พวกข้าพเจ้าเท่านั้น แต่ไม่สำแดงแก่โลก” 23 พระเยซูกล่าวตอบว่า “ถ้าผู้ใดรักเรา ผู้นั้นจะปฏิบัติตามคำสั่งสอนของเรา และพระบิดาของเราจะรักเขา พระบิดาและเราจะมาหาเขาและอยู่ร่วมกันกับเขา 24 ผู้ที่ไม่รักเราก็ไม่ปฏิบัติตามคำของเรา คำกล่าวที่เจ้าได้ยินนี้ไม่ใช่คำกล่าวของเรา แต่เป็นของพระบิดาผู้ส่งเรามา

25 เราพูดถึงสิ่งเหล่านี้กับพวกเจ้าขณะที่อยู่กับเจ้า 26 แต่องค์ผู้ช่วยผู้นั้นคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระบิดาจะส่งมาในนามของเรา พระวิญญาณบริสุทธิ์จะสอนทุกสิ่งแก่เจ้า และจะช่วยให้พวกเจ้าระลึกถึงทุกสิ่งที่เราได้กล่าวไว้กับเจ้าแล้ว 27 เรามอบสันติสุขไว้กับพวกเจ้า สันติสุขที่เราให้แก่เจ้านี้ไม่เหมือนกับที่โลกให้ ดังนั้นอย่าทุกข์ใจหรือหวาดกลัวเลย 28 พวกเจ้าได้ยินสิ่งที่เราพูดกับเจ้าแล้วว่า ‘เรากำลังจะจากไปและจะมาหาเจ้าอีก’ ถ้าเจ้ารักเรา เจ้าก็จะยินดีที่เราจะไปหาพระบิดา เพราะพระบิดายิ่งใหญ่กว่าเรา 29 และบัดนี้เราได้บอกแก่พวกเจ้าก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้น เมื่อเกิดขึ้นแล้ว พวกเจ้าจะได้เชื่อ 30 เราจะไม่พูดกับเจ้ามากไปกว่านี้ เพราะผู้ครองโลกนี้กำลังจะมา และไม่มีอำนาจอะไรเหนือเราเลย 31 แต่เพื่อให้โลกรู้ว่าเรารักพระบิดา เราจึงกระทำตามคำสั่งของพระบิดา ลุกขึ้นเถิด เราไปกันได้แล้ว

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation