M’Cheyne Bible Reading Plan
แท่นบูชาที่ภูเขาเอบาล
27 โมเสสและผู้อาวุโสของอิสราเอลสั่งประชากรว่า “จงปฏิบัติตามพระบัญชาทั้งปวงซึ่งข้าพเจ้าแจ้งท่านในวันนี้ 2 เมื่อท่านข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าสู่ดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานให้ จงตั้งหินใหญ่จำนวนหนึ่งขึ้นและฉาบปูน 3 จารึกเนื้อความบทบัญญัตินี้ไว้บนหินเหล่านั้น เมื่อท่านข้ามไปสู่ดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่าน ซึ่งเป็นดินแดนที่อุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้งตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่านทรงสัญญาไว้กับท่าน 4 และเมื่อท่านข้ามแม่น้ำจอร์แดนไป จงตั้งหินเหล่านี้ขึ้นบนภูเขาเอบาลตามที่ข้าพเจ้าสั่งท่านวันนี้ และฉาบด้วยปูน 5 จงสร้างแท่นบูชาหินขึ้นที่นั่นถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน อย่าใช้เครื่องมือเหล็กสกัดหินเหล่านั้น 6 จงสร้างแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านด้วยหินที่พบในท้องทุ่ง และถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านบนแท่นนั้น 7 จงถวายเครื่องสันติบูชาบนแท่นนั้นเช่นกัน และเลี้ยงฉลองรื่นเริงต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน 8 จงจารึกบทบัญญัติทั้งปวงนี้ลงไปให้ชัดเจนบนก้อนหินที่ท่านตั้งขึ้น”
คำสาปแช่งจากภูเขาเอบาล
9 แล้วโมเสสและปุโรหิตชาวเลวีกล่าวแก่ชนอิสราเอลว่า “อิสราเอลเอ๋ย จงสงบเงียบและฟังเถิด บัดนี้ท่านได้เป็นประชากรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านแล้ว 10 จงเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและปฏิบัติตามพระบัญชาและกฎหมายทั้งปวงซึ่งข้าพเจ้าแจ้งท่านในวันนี้”
11 ในวันเดียวกันนั้นโมเสสสั่งประชากรดังนี้ว่า
12 เมื่อท่านข้ามแม่น้ำจอร์แดนแล้ว เผ่าสิเมโอน เลวี ยูดาห์ อิสสาคาร์ โยเซฟ และเบนยามิน จะยืนอยู่บนภูเขาเกริซิมเพื่ออวยพรประชากร 13 ส่วนเผ่ารูเบน กาด อาเชอร์ เศบูลุน ดาน และนัฟทาลี จะยืนอยู่บนภูเขาเอบาล เพื่อกล่าวคำสาปแช่ง
14 คนเลวีจะป่าวร้องแก่ชนอิสราเอลด้วยเสียงอันดังว่า
15 “ขอแช่งคนที่แกะสลักหรือหล่อรูปเคารพซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรังเกียจ เป็นผลงานจากน้ำมือของช่างและตั้งไว้อย่างลับๆ”
แล้วประชากรทั้งปวงจะขานรับว่า
“อาเมน!”
16 “ขอแช่งคนที่ไม่ให้เกียรติบิดามารดา”
แล้วประชากรทั้งปวงจะขานรับว่า
“อาเมน!”
17 “ขอแช่งคนที่ย้ายหลักเขตที่ดินของเพื่อนบ้าน”
แล้วประชากรทั้งปวงจะขานรับว่า
“อาเมน!”
18 “ขอแช่งคนที่นำคนตาบอดให้หลงทาง”
แล้วประชากรทั้งปวงจะขานรับว่า
“อาเมน!”
19 “ขอแช่งคนที่ไม่ให้ความยุติธรรมแก่คนต่างด้าว ลูกกำพร้าพ่อ หรือหญิงม่าย”
แล้วประชากรทั้งปวงจะขานรับว่า
“อาเมน!”
20 “ขอแช่งคนที่หลับนอนกับภรรยาของบิดา เพราะเขาหยามเกียรติบิดาของเขา”
แล้วประชากรทั้งปวงจะขานรับว่า
“อาเมน!”
21 “ขอแช่งคนที่สมสู่กับสัตว์”
แล้วประชากรทั้งปวงจะขานรับว่า
“อาเมน!”
22 “ขอแช่งคนที่หลับนอนกับพี่สาวน้องสาวของตน ไม่ว่าจะเป็นบุตรสาวของบิดาหรือบุตรสาวของมารดาก็ตาม”
แล้วประชากรทั้งปวงจะขานรับว่า
“อาเมน!”
23 “ขอแช่งคนที่หลับนอนกับแม่ยายของตน”
แล้วประชากรทั้งปวงจะขานรับว่า
“อาเมน!”
24 “ขอแช่งคนที่ลอบสังหารเพื่อนบ้านของเขา”
แล้วประชากรทั้งปวงจะขานรับว่า
“อาเมน!”
25 “ขอแช่งคนที่รับสินบนเพื่อฆ่าผู้บริสุทธิ์”
แล้วประชากรทั้งปวงจะขานรับว่า
“อาเมน!”
26 “ขอแช่งคนที่ไม่ยึดมั่นปฏิบัติตามบทบัญญัตินี้”
แล้วประชากรทั้งปวงจะขานรับว่า
“อาเมน!”
พระพรสำหรับการเชื่อฟัง
28 หากท่านเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านอย่างครบถ้วน และหมั่นปฏิบัติตามพระบัญชาทั้งปวงซึ่งข้าพเจ้าแจ้งท่านในวันนี้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงเชิดชูท่านเหนือประชาชาติทั้งปวงในโลก 2 พรทั้งหมดนี้จะมีมาถึงท่านและดำรงอยู่กับท่าน หากท่านเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน
3 ท่านจะได้รับพรทั้งในเมืองและในทุ่งนา
4 ท่านจะได้รับพรให้มีบุตรหลานมากมาย ให้ท้องทุ่งของท่านเกิดผลมาก และให้ฝูงสัตว์และฝูงแพะแกะของท่านมีลูกดก
5 ท่านจะได้รับพรให้ตะกร้ามีพืชผลล้นหลาม และรางนวดแป้งเต็มไปด้วยขนมปัง
6 ท่านจะได้รับพรไม่ว่าจะไปทางไหน
7 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงปราบศัตรูทั้งหลายต่อหน้าท่าน พวกเขาจะเดินทัพมาสู้ท่านทางเดียว แต่แตกฉานซ่านเซ็นไปเจ็ดทาง
8 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงอวยพรยุ้งฉางของท่านและทุกสิ่งที่ท่านลงมือทำ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงอวยพรท่านในดินแดนซึ่งพระองค์ประทานแก่ท่าน
9 หากท่านถือรักษาพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและดำเนินตามทางของพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าก็จะทรงตั้งท่านให้มั่นคงในฐานะชนชาติบริสุทธิ์ของพระองค์ตามที่ทรงสัญญาไว้กับท่านด้วยคำปฏิญาณ 10 แล้วประชาชาติทั้งปวงในโลกจะเห็นว่าท่านได้รับการขนานนามตามพระนามของพระยาห์เวห์ และพวกเขาจะเกรงกลัวท่าน 11 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานความเจริญรุ่งเรืองอย่างล้นเหลือแก่ท่าน ในเรื่องบุตรหลาน ลูกอ่อนของฝูงสัตว์ และพืชผลจากแผ่นดิน ในดินแดนที่ทรงปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของท่านว่าจะยกให้ท่าน
12 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเปิดฟ้าสวรรค์ซึ่งเป็นคลังอันอุดมสมบูรณ์ของพระองค์ ให้ฝนตกในแผ่นดินของท่านตามฤดูกาล และจะทรงอวยพรงานทุกอย่างที่ท่านทำ ท่านจะให้หลายชาติกู้ยืม แต่ไม่ยืมจากใครเลย 13 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงกระทำให้ท่านเป็นหัวไม่ใช่หาง ถ้าเพียงแต่ท่านใส่ใจพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านซึ่งข้าพเจ้าแจ้งท่านในวันนี้ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ท่านจะอยู่เบื้องบนสุดเสมอ ไม่เคยอยู่เบื้องล่างเลย 14 อย่าหันเหจากพระบัญชาซึ่งข้าพเจ้าแจ้งท่านในวันนี้ไปทางขวาหรือทางซ้าย อย่าไปติดตามและปรนนิบัติพระอื่นใด
คำสาปแช่งสำหรับการไม่เชื่อฟัง
15 แต่หากท่านไม่เชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและไม่ใส่ใจปฏิบัติตามพระบัญชาและกฎหมายทั้งปวงซึ่งข้าพเจ้ากำลังแจ้งท่านในวันนี้ คำสาปแช่งทั้งปวงนี้ก็จะตกมาถึงท่าน
16 ท่านจะถูกสาปแช่งทั้งในเมืองและในทุ่งนา
17 ท่านจะถูกสาปแช่งโดยให้ตะกร้าของท่านปราศจากพืชผลและรางนวดแป้งไม่มีขนมปัง
18 ท่านจะถูกสาปแช่งโดยให้มีลูกหลานน้อย และให้ท้องทุ่งของท่านไม่เกิดผล และฝูงวัวฝูงแพะแกะก็ไม่มีลูก
19 ท่านจะถูกสาปแช่งไม่ว่าท่านจะไปทางไหน
อาเลฟ
119 ความสุขมีแก่ผู้ที่วิถีทางของเขาไร้ที่ติ
ผู้ซึ่งประพฤติตามบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า
2 ความสุขมีแก่ผู้ที่รักษากฎเกณฑ์ของพระองค์
และแสวงหาพระองค์หมดทั้งใจ
3 เขาไม่ทำสิ่งที่ผิด
แต่ดำเนินอยู่ในทางของพระองค์
4 พระองค์ประทานข้อบังคับ
ซึ่งต้องเชื่อฟังอย่างเต็มที่
5 ขอให้วิถีทางของข้าพระองค์มั่นคงแน่วแน่
ในการปฏิบัติตามกฎหมายของพระองค์!
6 แล้วข้าพระองค์จะไม่ต้องอับอาย
เมื่อข้าพระองค์พิเคราะห์พระบัญชาทั้งสิ้นของพระองค์
7 ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ด้วยจิตใจเที่ยงตรง
เมื่อเรียนรู้บทบัญญัติอันชอบธรรมของพระองค์
8 ข้าพระองค์จะเชื่อฟังกฎหมายของพระองค์
ขออย่าทรงละทิ้งข้าพระองค์ไป
เบธ
9 คนหนุ่มสาวจะรักษาทางของตนให้บริสุทธิ์ได้อย่างไร?
ก็โดยการดำเนินชีวิตตามพระวจนะของพระองค์
10 ข้าพระองค์แสวงหาพระองค์หมดทั้งใจ
ขออย่าให้ข้าพระองค์เตลิดจากพระบัญชาของพระองค์
11 ข้าพระองค์จดจำพระวจนะของพระองค์ไว้ในใจ
เพื่อจะได้ไม่ทำบาปต่อพระองค์
12 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า สรรเสริญพระองค์
ขอทรงสอนกฎหมายของพระองค์แก่ข้าพระองค์
13 ด้วยริมฝีปากของข้าพระองค์
ข้าพระองค์ท่องจำบทบัญญัติทั้งสิ้นที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์
14 ข้าพระองค์ปีติยินดีในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของพระองค์
เหมือนผู้ที่ชื่นชมในทรัพย์สมบัติมหาศาล
15 ข้าพระองค์ใคร่ครวญข้อบังคับของพระองค์
และพิเคราะห์วิถีทางของพระองค์
16 ข้าพระองค์ชื่นชมยินดีในกฎหมายของพระองค์
ข้าพระองค์จะไม่ละเลยพระวจนะของพระองค์
กีเมล
17 ขอทรงดีต่อผู้รับใช้ของพระองค์ แล้วข้าพระองค์จะมีชีวิตอยู่
และจะเชื่อฟังพระวจนะของพระองค์
18 ขอทรงเปิดตาของข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะเห็น
สิ่งมหัศจรรย์ทั้งหลายในบทบัญญัติของพระองค์
19 ข้าพระองค์เป็นคนแปลกหน้าในโลกนี้
ขออย่าทรงซ่อนพระบัญชาไว้จากข้าพระองค์
20 จิตวิญญาณของข้าพระองค์ถูกเผาผลาญด้วยความโหยหา
บทบัญญัติของพระองค์ตลอดเวลา
21 พระองค์ทรงกำราบคนเย่อหยิ่งผู้ที่ถูกสาปแช่ง
ผู้ซึ่งเตลิดจากพระบัญชาของพระองค์
22 ขอทรงเอาการดูถูกดูแคลนออกไปจากข้าพระองค์
เพราะข้าพระองค์รักษากฎเกณฑ์ของพระองค์
23 ถึงแม้บรรดาเจ้านายจะนั่งลงร่วมกันกล่าวร้ายข้าพระองค์
ผู้รับใช้ของพระองค์จะยังใคร่ครวญกฎหมายของพระองค์
24 กฎเกณฑ์ของพระองค์เป็นความปีติยินดีของข้าพระองค์
และเป็นที่ปรึกษาของข้าพระองค์
พระเกียรติสิริที่จะมาถึงของศิโยน
54 “จงร้องเพลงเถิด หญิงหมันเอ๋ย
เจ้าผู้ไม่เคยมีลูก
จงเปล่งเสียงร้องเพลงและจงโห่ร้องยินดีเถิด
เจ้าผู้ไม่เคยเจ็บครรภ์
เพราะลูกของหญิงที่โดดเดี่ยว
ก็ยังมีมากกว่าลูกของหญิงผู้มีสามี”
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น
2 “จงขยายที่ตั้งเต็นท์ของเจ้า
ขึงผ้าเต็นท์ออกกว้าง
อย่ารั้งไว้
ต่อเชือกเต็นท์
และตอกหลักหมุดให้มั่นคง
3 เพราะเจ้าจะขยายออกไปทั้งซ้ายและขวา
ลูกหลานของเจ้าจะยึดกรรมสิทธิ์ของประชาชาติต่างๆ
และตั้งถิ่นฐานในนครต่างๆ ที่เริศร้างของพวกเขา
4 “อย่ากลัวเลย เจ้าจะไม่ต้องทนอับอาย
อย่ากลัวเลย เจ้าจะไม่ต้องขายหน้า
เจ้าจะลืมความอัปยศในวัยสาว
และไม่จดจำคำถากถางเรื่องความเป็นม่ายของเจ้าอีก
5 เพราะพระผู้สร้างของเจ้าเป็นสามีของเจ้า
พระองค์ทรงพระนามว่าพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์
องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลคือพระผู้ไถ่ของเจ้า
เขาจะเรียกพระองค์ว่าพระเจ้าเหนือสากลโลก
6 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเรียกเจ้ากลับมา
เสมือนหนึ่งเจ้าเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งและชอกช้ำระกำใจ
เป็นภรรยาที่แต่งงานไปตั้งแต่ยังสาว
เพียงเพื่อจะถูกทอดทิ้ง” พระเจ้าของเจ้าตรัสดังนั้น
7 “เราทอดทิ้งเจ้าชั่วประเดี๋ยวหนึ่ง
แต่ด้วยความเมตตาอย่างลึกซึ้ง เราจะพาเจ้ากลับมา
8 ในชั่วขณะหนึ่งของความโกรธ
เราเบือนหน้าหนีไปจากเจ้า
แต่ด้วยความกรุณานิรันดร์
เราจะเมตตาเจ้า”
พระยาห์เวห์พระผู้ไถ่ของเจ้าตรัสไว้ดังนั้น
9 “สำหรับเราแล้วเรื่องนี้เป็นเหมือนในสมัยโนอาห์
เราปฏิญาณไว้ว่าจะไม่ให้น้ำของโนอาห์ท่วมโลกอีกฉันใด
บัดนี้เราก็ปฏิญาณว่าจะไม่โกรธ
และไม่ตำหนิเจ้าอีกฉันนั้น
10 แม้ภูเขาจะถูกเขย่า
และเนินเขาถูกเขยื้อนไป
แต่ความรักมั่นคงที่เรามีต่อเจ้าจะไม่คลอนแคลน
และพันธสัญญาแห่งสันติภาพของเราจะไม่สูญสิ้นไป”
องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเมตตาเจ้าตรัสไว้ดังนั้น
11 “โอ นครซึ่งถูกทรมาน ถูกพายุพัดกระหน่ำ และไม่ได้รับการปลอบโยน
เราจะสร้างเจ้าด้วยไพฑูรย์[a]
ฐานรากของเจ้าคือพลอยสีน้ำเงิน
12 เราจะสร้างหอรบของเจ้าด้วยทับทิม
ประตูของเจ้าทำจากพลอยอันวาววับ
และกำแพงทั้งหมดทำจากอัญมณีล้ำค่า
13 ลูกทุกคนของเจ้าจะรับการสอนจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
พวกเขาจะมีสันติสุขยิ่งใหญ่
14 เจ้าจะได้รับการสถาปนาขึ้นในความชอบธรรม
การกดขี่ข่มเหงจะห่างไกลจากเจ้า
ไม่มีอะไรที่เจ้าต้องกลัว
ความอกสั่นขวัญแขวนจะถูกกำจัดไปไกล
มันจะไม่เฉียดกรายเจ้า
15 หากมีใครโจมตีเจ้า ก็ไม่ใช่ฝีมือของเรา
ผู้ที่โจมตีเจ้าจะยอมแพ้เจ้า
16 “ดูเถิด เราเองเป็นผู้สร้างช่างเหล็ก
ผู้พัดถ่านให้ลุกเป็นไฟ
และผลิตอาวุธที่เหมาะกับงานของมัน
และเราเองที่สร้างผู้ทำลายล้างเพื่อสร้างความย่อยยับ
17 ไม่มีอาวุธชิ้นใดที่ต่อสู้เจ้าแล้วเอาชนะเจ้าได้
เจ้าจะหักล้างทุกลิ้นที่ปรักปรำเจ้า
นี่เป็นมรดกของบรรดาผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
และเป็นการพิสูจน์ยืนยันจากเราว่าเขาไม่ผิด”
องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
โหราจารย์มาเข้าเฝ้าพระกุมารเยซู
2 หลังจากพระเยซูประสูติที่เบธเลเฮมแคว้นยูเดียในสมัยของกษัตริย์เฮโรด มีโหราจารย์[a]จากตะวันออกมายังกรุงเยรูซาเล็ม 2 และถามว่า “ผู้ที่มาบังเกิดเป็นกษัตริย์ของชาวยิวนั้นอยู่ที่ไหน? เราได้เห็นดาวของพระองค์เมื่อเราอยู่ที่ตะวันออก[b]จึงมาเพื่อนมัสการพระองค์”
3 เมื่อกษัตริย์เฮโรดได้ยินดังนั้นก็ว้าวุ่นพระทัย ทั่วทั้งเยรูซาเล็มก็พลอยว้าวุ่นไปด้วย 4 เฮโรดทรงเรียกประชุมหัวหน้าปุโรหิตทั้งปวงและบรรดาธรรมาจารย์ของประชาชน และตรัสถามพวกเขาว่าพระคริสต์[c]จะประสูติที่ใด 5 คนเหล่านั้นกราบทูลว่า “ที่เบธเลเฮมในแคว้นยูเดียเพราะผู้เผยพระวจนะได้เขียนไว้ว่า
6 “ ‘ส่วนเจ้า เบธเลเฮมในดินแดนยูดาห์
ไม่ได้ต่ำต้อยในหมู่ผู้ปกครองแห่งยูดาห์
เพราะจะมีผู้ปกครองผู้หนึ่งออกมาจากเจ้า
ซึ่งจะเป็นผู้เลี้ยงประชากรอิสราเอลของเรา’[d]”
7 แล้วเฮโรดจึงเรียกพวกโหราจารย์มาพบอย่างลับๆ ไต่ถามจนทราบถึงเวลาที่แน่นอนที่ดาวนั้นปรากฏขึ้น 8 แล้วส่งพวกเขาไปยังเบธเลเฮมพร้อมทั้งรับสั่งว่า “จงไปค้นหาพระกุมารนั้น เมื่อพบแล้วจงแจ้งเราทันทีเพื่อเราจะได้ไปนมัสการพระองค์ด้วย”
9 เมื่อได้ฟังรับสั่งของกษัตริย์แล้ว โหราจารย์เหล่านั้นก็เดินทางต่อไป และดวงดาวที่พวกเขาได้เห็นเมื่ออยู่ที่ตะวันออก[e]นำทางพวกเขาไปจนมาหยุดอยู่เหนือที่ประทับของพระกุมาร 10 เมื่อพวกเขาเห็นดาวดวงนั้นก็ปีติยินดียิ่งนัก 11 เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นพระกุมารกับมารีย์มารดาของพระองค์ จึงกราบนมัสการพระองค์แล้วเปิดหีบนำเครื่องบรรณาการออกมาถวาย คือทองคำ กำยาน และมดยอบ 12 พวกเขาได้รับคำเตือนในความฝันไม่ให้กลับไปพบเฮโรด พวกเขาจึงกลับประเทศของตนโดยใช้เส้นทางอื่น
หนีไปอียิปต์
13 เมื่อพวกโหราจารย์กลับไปแล้ว ทูตองค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏแก่โยเซฟในความฝันและสั่งว่า “จงลุกขึ้น พาพระกุมารและมารดาหนีไปยังอียิปต์และอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกให้กลับมา เพราะเฮโรดกำลังจะค้นหาพระกุมารเพื่อประหาร”
14 ในคืนนั้นโยเซฟจึงลุกขึ้นพามารีย์กับพระกุมารเดินทางไปยังอียิปต์ 15 และอยู่ที่นั่นจนเฮโรดสิ้นพระชนม์ ทั้งนี้เป็นไปตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ผ่านทางผู้เผยพระวจนะว่า “เราเรียกบุตรของเราออกจากอียิปต์”[f]
16 เมื่อเฮโรดตระหนักว่าพวกโหราจารย์หลอกพระองค์ พระองค์ก็กริ้วนัก จึงบัญชาให้ประหารเด็กผู้ชายทั้งปวงในเบธเลเฮมและละแวกใกล้เคียงที่มีอายุตั้งแต่สองขวบลงมา คะเนตามระยะเวลาที่ทราบจากพวกโหราจารย์ 17 ทั้งนี้จึงเป็นจริงตามที่ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์กล่าวไว้ว่า
18 “ได้ยินเสียงหนึ่งในรามาห์
เสียงสะอึกสะอื้นคร่ำครวญ
ราเชลร่ำไห้ถึงบรรดาบุตรของนาง
และไม่ยอมรับคำปลอบโยนใดๆ
เพราะบุตรทั้งหลายจากไปเสียแล้ว”[g]
กลับมานาซาเร็ธ
19 เมื่อเฮโรดสิ้นพระชนม์แล้ว ทูตองค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏในความฝันแก่โยเซฟที่อียิปต์ 20 และกล่าวว่า “จงลุกขึ้นพาพระกุมารและมารดากลับไปยังอิสราเอลเถิด เพราะบรรดาผู้ที่พยายามเอาชีวิตพระกุมารนั้นตายแล้ว”
21 ดังนั้นโยเซฟจึงลุกขึ้นพาพระกุมารกับมารดามายังดินแดนอิสราเอล 22 แต่เมื่อเขาได้ยินว่าอารเคลาอัสขึ้นครองแคว้นยูเดียแทนเฮโรดผู้เป็นบิดาเขาก็กลัวและไม่กล้าไปที่นั่น เมื่อได้รับคำเตือนในความฝันจึงเลยไปยังแคว้นกาลิลี 23 และอาศัยอยู่ที่เมืองหนึ่งชื่อนาซาเร็ธ จึงเป็นจริงตามที่ได้กล่าวไว้ผ่านทางบรรดาผู้เผยพระวจนะว่า “เขาจะเรียกท่านว่า ชาวนาซาเร็ธ”
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.