M’Cheyne Bible Reading Plan
22 ถ้าท่านเห็นโคหรือแกะของพี่น้องของท่านหลงทางก็อย่าเพิกเฉย แต่จงนำมันกลับไปให้พี่น้องของท่าน 2 และถ้าเขาอยู่ไกลจากท่าน หรือถ้าท่านไม่รู้จักเขา ท่านก็จงนำมันไปไว้ที่บ้านท่านจนกว่าเจ้าของจะตามหา แล้วท่านจงคืนให้เขาไป 3 จงทำเช่นเดียวกับลาและเสื้อผ้าของพี่น้อง หรืออะไรก็ตามที่เขาทำหายและท่านพบเข้า ท่านอย่าทำเพิกเฉยโดยไม่ช่วยเขาเลย 4 ถ้าท่านเห็นว่าลาหรือโคของพี่น้องของท่านล้มลงอยู่ที่ถนน ก็อย่าเพิกเฉยเสีย ท่านจงช่วยสัตว์ของเขาให้ลุกขึ้น
5 อย่าให้ผู้หญิงใส่เครื่องแต่งกายของชาย และอย่าให้ผู้ชายใส่เครื่องแต่งกายของหญิง เพราะใครก็ตามที่กระทำสิ่งเหล่านี้นับว่าเป็นสิ่งน่ารังเกียจต่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน
6 ถ้าท่านบังเอิญพบรังนกบนต้นไม้หรือพื้นดิน มีแม่นกกำลังกกลูกหรือกกไข่อยู่ ท่านก็อย่าเอาแม่นกและลูกของมันไป 7 จงปล่อยแม่นกไป ส่วนลูกนกนั้นท่านจะเอาไปก็ได้ เพื่อว่าทุกสิ่งจะเป็นไปด้วยดีสำหรับท่าน และท่านจะมีชีวิตยืนยาว
8 เวลาท่านสร้างบ้าน จงก่อขอบกั้นไว้บนดาดฟ้า ท่านจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบ หากมีใครพลัดตกดาดฟ้าตาย
9 อย่าหว่านเมล็ดพืชชนิดใดลงในสวนองุ่นของท่าน เพราะผลที่จะได้รับ คือทั้งผลจากเมล็ดพืชและผลจากสวนองุ่นจะไม่บริสุทธิ์ 10 อย่าใช้โคและลาเทียมไถด้วยกัน 11 อย่าสวมเสื้อผ้าที่ทอด้วยขนสัตว์ปนกับด้ายป่าน
12 ท่านจงทำพู่ห้อยที่มุมทั้งสี่ของชายเสื้อคลุมที่ท่านใช้คลุมตัว[a]
กฎเกณฑ์เกี่ยวกับการประพฤติผิดทางเพศ
13 ถ้าชายใดได้ภรรยา มีเพศสัมพันธ์กับเธอแล้วก็เกลียดชังเธอ 14 และกล่าวหาเธอถึงการกระทำอันน่าอับอาย ทำให้ชื่อเธอเสียหายว่า ‘ข้าพเจ้ารับหญิงคนนี้ไว้ เมื่อข้องเกี่ยวกับเธอแล้วข้าพเจ้าจึงรู้ว่าเธอไม่ใช่สาวบริสุทธิ์’ 15 บิดามารดาของหญิงสาวจะนำข้อพิสูจน์ว่าเธอเป็นสาวบริสุทธิ์มาให้บรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของเมือง ณ ประตูเมือง 16 บิดาของหญิงสาวจะพูดกับบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ว่า ‘ข้าพเจ้าได้ยกลูกสาวให้เป็นภรรยาของชายคนนี้ แล้วเขาเกลียดชังเธอ 17 ดูเถิด เขากล่าวหาเธอถึงการกระทำอันน่าอับอายว่า “ข้าพเจ้าเห็นว่าบุตรสาวของท่านไม่ใช่สาวบริสุทธิ์” นี่คือข้อพิสูจน์ความเป็นสาวบริสุทธิ์ของลูกสาวข้าพเจ้า’ แล้วบิดามารดาก็คลี่ผ้าให้บรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของเมืองดู 18 บรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของเมืองนั้นจะจับตัวชายคนนั้นมาเฆี่ยน 19 และปรับเขา 100 เชเขล[b] แล้วมอบให้แก่บิดาของหญิงสาว เพราะเขาได้ทำให้ชื่อของหญิงพรหมจารีของอิสราเอลมัวหมอง และเธอจะยังคงเป็นภรรยาของเขาต่อไป เขาจะหย่าร้างจากเธอไม่ได้จนชั่วชีวิตของเขา 20 แต่หากว่าข้อกล่าวหาเป็นจริง และไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเธอเป็นสาวบริสุทธิ์ 21 เขาจะต้องพาหญิงสาวคนนั้นไปที่ประตูบ้านของบิดาของเธอ แล้วพวกผู้ชายจะใช้ก้อนหินขว้างเธอจนตาย เพราะเธอมีความประพฤติน่าอับอายในอิสราเอลโดยทำตนเป็นหญิงแพศยาในบ้านบิดาของเธอเอง ดังนั้นท่านจงกำจัดคนชั่วร้ายออกไปจากพวกท่าน
22 ถ้าชายใดถูกจับได้ว่ามีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของชายอื่น ทั้งสองจะต้องตาย คือทั้งผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์และตัวผู้หญิงด้วย ฉะนั้นจงกำจัดคนชั่วร้ายออกไปจากอิสราเอล
23 ถ้าชายคนหนึ่งถูกจับได้ในเมืองว่ามีเพศสัมพันธ์กับพรหมจาริณีคนหนึ่งซึ่งได้หมั้นไว้แล้วกับชายอื่น 24 ท่านจะต้องนำเขาทั้งสองไปที่ประตูเมืองนั้น และใช้ก้อนหินขว้างเขาทั้งสองจนตาย เพราะว่าหญิงสาวไม่ได้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือแม้ว่าเกิดเรื่องในตัวเมือง และเพราะผู้ชายล่วงเกินภรรยาของเพื่อนบ้านของเขา ดังนั้นท่านจงกำจัดคนชั่วร้ายออกไปจากพวกท่าน
25 แต่ถ้าที่เปลี่ยวนอกเมืองมีชายคนหนึ่งพบหญิงสาวที่หมั้นไว้แล้ว และเขาจับตัวเธอไปข่มขืน ในกรณีนี้ฝ่ายชายเท่านั้นที่ต้องตายฐานข่มขืน 26 แต่ท่านไม่ต้องทำอะไรต่อหญิงสาว เพราะเธอไม่ได้กระทำผิดสมควรแก่ความตาย เพราะในกรณีนี้เป็นเหมือนว่าชายคนหนึ่งจู่โจมและฆ่าเพื่อนบ้านของเขา 27 เพราะเขาข่มขืนเธอในที่เปลี่ยวนอกเมือง และแม้ว่าหญิงสาวที่หมั้นไว้แล้วจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ ก็ไม่มีใครจะช่วยเธอได้
28 ถ้าชายคนหนึ่งพบพรหมจาริณีคนหนึ่งซึ่งไม่ได้หมั้นไว้กับใคร แล้วเขาจับตัวข่มขืนเธอและถูกจับได้ 29 ชายที่ข่มขืนเธอจะต้องมอบเงินหนัก 50 เชเขลให้แก่บิดาของหญิงสาว และเธอจะตกเป็นภรรยาของเขา เพราะเขาได้ล่วงเกินเธอ เขาจะหย่าร้างจากเธอไม่ได้จนชั่วชีวิตของเขา
30 อย่าให้ชายใดเอาภรรยาของบิดามาเป็นภรรยาของตน หรือละเมิดสิทธิของบิดาของเขา
กษัตริย์และปุโรหิตของพระเจ้า
เพลงสดุดีของดาวิด
1 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับพระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า
“จงนั่งทางด้านขวาของเรา
จนกว่าเราจะทำให้พวกศัตรูของเจ้าอยู่ใต้เท้าดั่งที่วางเท้าของเจ้า”[a]
2 พระผู้เป็นเจ้าจะยื่นคทาของท่านอันกอปรด้วยพลานุภาพจากศิโยน
จงปกครองท่ามกลางพวกศัตรูของท่าน
3 ชนชาติของท่านจะขันอาสา
ในวันที่ท่านต่อสู้ข้าศึก
ท่านจะได้หยาดน้ำค้างแห่งวัยหนุ่มจากรุ่งอรุณ
ณ ภูเขาอันบริสุทธิ์
4 พระผู้เป็นเจ้าได้ปฏิญาณ
และจะไม่เปลี่ยนใจว่า
“เจ้าเป็นปุโรหิตเป็นนิตย์
ตามแบบอย่างเมลคีเซเดค”[b]
5 พระผู้เป็นเจ้าอยู่ทางด้านขวาของท่าน
พระองค์จะทำให้บรรดากษัตริย์แตกพ่ายไปในวันแห่งการลงโทษของพระองค์
6 พระองค์จะตัดสินลงโทษบรรดาประชาชาติ กองศพคนไว้เป็นพะเนิน
พระองค์จะทำให้คนระดับหัวหน้าพ่ายแพ้ไปทั่วทั้งปฐพีอันไพศาล
7 ท่านจะดื่มจากลำธารข้างทาง
ฉะนั้นท่านจะเงยศีรษะขึ้นด้วยความมีชัย
พระเจ้าปฏิบัติงาน
1 สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจของข้าพเจ้า
ในสภาอันเป็นที่ประชุมของผู้มีความชอบธรรม
2 สิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ากระทำใหญ่ยิ่งนัก
และน่าศึกษาสำหรับทุกคนที่ยินดีในการกระทำของพระองค์
3 สิ่งที่พระองค์กระทำนั้นยิ่งใหญ่และควรแก่การสรรเสริญ
และความชอบธรรมของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
4 พระองค์ทำให้สิ่งมหัศจรรย์ของพระองค์เป็นที่กล่าวถึง
พระผู้เป็นเจ้ามีพระคุณและเมตตายิ่งนัก
5 คนที่เกรงกลัวในพระองค์จะมีอาหารรับประทาน
พระองค์จดจำพันธสัญญาของพระองค์ได้เสมอ
6 พระองค์ให้ชนชาติของพระองค์รู้แจ้งถึงการกระทำอันกอปรด้วยอานุภาพของพระองค์
โดยให้ได้เป็นเจ้าของดินแดนซึ่งเป็นของบรรดาประชาชาติ
7 มือของพระองค์กระทำสิ่งอันสัตย์จริงและเป็นธรรม
ข้อบังคับทุกข้อของพระองค์เป็นที่วางใจได้
8 และทุกข้อก็ถูกจัดตั้งไว้ให้ยืนยงชั่วนิรันดร์กาล
เพื่อให้ปฏิบัติตามด้วยความสัตย์จริงและความเที่ยงธรรม
9 พระองค์ไถ่ชนชาติของพระองค์
พระองค์บัญชาให้รักษาพันธสัญญาของพระองค์ไว้ตลอดกาล
พระนามของพระองค์บริสุทธิ์และน่าเกรงขาม
10 ความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าคือจุดเริ่มต้นของสติปัญญา
ทุกคนที่ปฏิบัติตามก็ฉลาดรอบรู้
ให้การสรรเสริญของพระองค์คงอยู่เป็นนิตย์
ผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า
49 โอ หมู่เกาะต่างๆ เอ๋ย จงฟังข้าพเจ้า
และเอาใจใส่ บรรดาชนชาติที่อยู่ห่างไกลเอ๋ย
พระผู้เป็นเจ้าเรียกข้าพเจ้าตั้งแต่อยู่ในครรภ์
พระองค์ตั้งชื่อข้าพเจ้าตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาข้าพเจ้า
2 พระองค์ทำให้ปากข้าพเจ้าเหมือนดาบคม
พระองค์ซ่อนข้าพเจ้าไว้ในร่มเงาของมือพระองค์
พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าเป็นลูกศรคม
พระองค์ซ่อนข้าพเจ้าไว้ในแล่งศรของพระองค์
3 พระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าว่า
“อิสราเอลเอ๋ย เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา
เราจะแสดงให้เห็นบารมีในตัวเจ้า”
4 แต่ข้าพเจ้าพูดว่า “ข้าพเจ้าได้ตรากตรำโดยไร้ประโยชน์
ข้าพเจ้าได้ใช้กำลังโดยเปล่าและไร้ค่า
แต่ค่าตอบแทนของข้าพเจ้าอยู่ที่พระผู้เป็นเจ้าอย่างแน่นอน
และรางวัลของข้าพเจ้าอยู่ที่พระเจ้าของข้าพเจ้า”
5 แต่บัดนี้พระผู้เป็นเจ้ากล่าว คือองค์ผู้สร้างข้าพเจ้า
ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เพื่อให้เป็นผู้รับใช้ของพระองค์
เพื่อนำยาโคบกลับมาหาพระองค์
คือพาอิสราเอลมาหาพระองค์
(เพราะข้าพเจ้าได้รับการยกย่องในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า
และพระเจ้าของข้าพเจ้าเป็นกำลังของข้าพเจ้า)
6 พระองค์กล่าวดังนี้ว่า
“ดูว่าจะน้อยเกินไปที่จะให้เจ้าเป็นเพียงผู้รับใช้ของเรา
เพื่อจะตั้งเผ่าพันธุ์ของยาโคบขึ้น
และพาพวกอิสราเอลที่เราได้รักษาไว้เพื่อให้กลับมา
แต่เราจะทำให้เจ้าเป็นแสงสว่างแก่บรรดาประชาชาติ
เพื่อเจ้าจะได้นำความรอดพ้นจากเราไปยังทุกมุมโลก”[a]
7 พระผู้เป็นเจ้า ผู้ไถ่และองค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลกล่าวกับ
ผู้ที่ถูกประชาชาติดูหมิ่นและชิงชัง
และกับผู้รับใช้ของบรรดาผู้ปกครองดังนี้ว่า
“บรรดากษัตริย์จะเห็นเจ้าและจะลุกขึ้นยืน
พวกผู้นำจะน้อมตัวลง
เพราะพระผู้เป็นเจ้าผู้สัตย์จริง
องค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลได้เลือกเจ้า”
การฟื้นฟูอิสราเอล
8 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า
“เมื่อถึงเวลาที่เราจะโปรดปราน เราก็ตอบเจ้า
และเมื่อถึงวันช่วยให้รอดพ้น เราก็ช่วยเจ้า[b]
เราจะรับเจ้าไว้
เพื่อเป็นพันธสัญญาแก่ชนชาติ
เพื่อฟื้นฟูแผ่นดิน
เพื่อมอบสิทธิที่ดินที่ถูกทิ้งร้างไว้
9 เพื่อบอกเหล่านักโทษว่า ‘ออกไปเถิด’
และพูดกับบรรดาผู้ที่อยู่ในความมืดว่า ‘ออกมาจากความมืดเถิด’
พวกเขาจะพบทุ่งหญ้าตามทาง
และเนินเขาโล้นทุกแห่งจะเป็นทุ่งหญ้าของพวกเขา
10 พวกเขาจะไม่หิวหรือกระหาย
ลมและดวงอาทิตย์อันร้อนแรงจะไม่กระทบพวกเขา
เพราะองค์ผู้มีเมตตาต่อพวกเขาจะนำพวกเขาไป
และจะนำพวกเขาไปยังแหล่งน้ำ
11 และเราจะทำให้เทือกเขากลายเป็นทางราบ
และถนนจะถูกยกสูงขึ้น
12 ดูเถิด เขาเหล่านี้จะมาจากแดนไกล
และดูเถิด คนเหล่านี้มาจากทิศเหนือและจากทิศตะวันตก
และมาจากดินแดนสินิม”
13 ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงชื่นชมยินดี
แผ่นดินโลกเอ๋ย จงดีใจ
เทือกเขาเอ๋ย จงส่งเสียงร้องเพลง
โอ เพราะพระผู้เป็นเจ้าปลอบประโลมชนชาติของพระองค์
และมีความสงสารต่อคนของพระองค์ที่มีความทุกข์ใจ
14 แต่ศิโยนพูดว่า “พระผู้เป็นเจ้าได้ทอดทิ้งข้าพเจ้า
พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าลืมข้าพเจ้าเสียแล้ว”
15 “ผู้หญิงจะลืมลูกของนางที่ยังกินนมอยู่ได้หรือ
และนางจะไม่มีความสงสารต่อลูกชายที่เกิดจากครรภ์ของนางหรือ
นางอาจจะลืมก็ได้
แต่เราจะไม่ลืมเจ้า
16 ดูเถิด เราได้สลักเจ้าไว้ที่ฝ่ามือของเราแล้ว
เราจะไม่มีวันลืมกำแพงเมืองของเจ้า
17 ลูกๆ ของเจ้ากลับมาอย่างรวดเร็ว
พวกที่ทำลายเจ้าและทำให้เจ้าสูญสิ้นก็ไปจากเจ้า
18 จงเงยหน้าขึ้นดูโดยรอบ
พวกลูกๆ มาชุมนุมกันและมาหาเจ้า
พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ตราบที่เรามีชีวิตอยู่
พวกเขาจะเป็นเช่นเดียวกับเครื่องประดับที่เจ้าสวมใส่
พวกเขาจะสวมติดอยู่กับเจ้าเช่นเดียวกับที่เจ้าสาวใช้ประดับ
19 แม้ว่าสถานที่ของเจ้าถูกพังทลาย
และเป็นที่ร้าง แผ่นดินเสียหาย
แต่บัดนี้บรรดาผู้อยู่อาศัยในที่ของเจ้ามีอย่างล้นหลามในแผ่นดิน
และพวกที่พยายามกำจัดเจ้าให้หมดสิ้นจะอยู่ห่างไกลมาก
20 ลูกๆ ที่ถูกพรากไป
จะเป็นเสียงที่เจ้าได้ยินว่า
‘แผ่นดินคับแคบสำหรับเรา
ช่วยขยับขยายให้เราได้อยู่อาศัยเถิด’
21 แล้วเจ้าจะคิดในใจว่า
‘ใครหนอให้กำเนิดคนเหล่านี้แก่เรา
เราสูญเสียคนไปและเป็นหมัน
ลี้ภัยและไม่เป็นที่ยอมรับ
แต่ใครหนอที่ได้นำคนเหล่านี้ขึ้นมา
ดูเถิด เราถูกทอดทิ้งไว้ตามลำพัง
แล้วคนพวกนี้มาจากไหนกัน’”
22 พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้ากล่าวดังนี้
“ดูเถิด เราจะยกมือของเราไปทางบรรดาประชาชาติ
และจะยกธงชัยของเราแก่บรรดาชนชาติ
และพวกเขาจะอุ้มบรรดาลูกชายของเจ้ามาในอ้อมอก
และจะแบกลูกสาวของเจ้ามาบนบ่าของพวกเขา
23 บรรดากษัตริย์จะเป็นพ่อรับเลี้ยงของเจ้า
และบรรดาราชินีจะเป็นแม่นมของเจ้า
พวกเขาจะก้มหน้าลงจรดดินต่อเจ้า
และเลียฝุ่นที่เท้าของเจ้า
แล้วเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า
บรรดาผู้ที่รอคอยเราจะไม่ผิดหวัง”
24 เป็นไปได้หรือที่จะริบของมาจากนักรบผู้กล้าหาญ
หรือจะช่วยเชลยของผู้โหดร้ายให้รอดได้หรือ
25 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า
“แม้เชลยของนักรบผู้กล้าหาญก็จะได้รับการปลดปล่อย
และของที่ริบได้จากคนโหดเหี้ยมก็ริบกลับคืนมาได้
เพราะเราจะราวีคนที่ราวีเจ้า
และเราจะช่วยลูกๆ ของเจ้าให้รอดปลอดภัย
26 เราจะทำให้บรรดาผู้บีบบังคับของเจ้ากัดกินเนื้อหนังของตนเอง
และพวกเขาจะเมาเลือดของตนเองเหมือนที่เมาเหล้าองุ่น
แล้วมนุษย์ทั้งปวงจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า ผู้ช่วยให้รอดพ้นของเจ้า
ผู้ไถ่ของเจ้า ผู้มีอานุภาพของยาโคบ”
ชื่นชมยินดีในสวรรค์
19 หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงดังกระหึ่มดุจดังเสียงฝูงชนจำนวนมากในสวรรค์ร้องว่า
“ฮาเลลูยา
ความรอดพ้น พระบารมี และอานุภาพ
เป็นของพระเจ้าของเรา
2 เพราะการพิพากษาของพระองค์จริงและยุติธรรม
พระองค์ได้กล่าวโทษหญิงแพศยาที่ยิ่งใหญ่
ซึ่งนำพาให้แผ่นดินโลกทำบาปด้วยการผิดประเวณีของนาง
พระองค์เรียกคืนจากนางเพื่อชดเชยให้แก่โลหิตของบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์”
3 และเขาเหล่านั้นร้องอีกว่า
“ฮาเลลูยา
ควันไฟที่ไหม้ตัวนางลอยขึ้นชั่วนิรันดร์กาล”
4 บรรดาผู้ใหญ่ 24 ท่านกับสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ ก็ได้หมอบลงนมัสการพระเจ้าผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์ และเขาเหล่านั้นร้องว่า “อาเมน ฮาเลลูยา” 5 และมีเสียงจากบัลลังก์ว่า
“ท่านทั้งหลายที่เป็นผู้รับใช้ของพระองค์เอ๋ย
ท่านที่เกรงกลัวพระองค์ ทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อย
จงสรรเสริญพระเจ้าของเราเถิด”
งานเลี้ยงสมรสของลูกแกะ
6 แล้วข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงที่ดูเหมือนว่ามาจากฝูงชนจำนวนมาก และเป็นเสียงกึกก้องประดุจเสียงน้ำตก และเหมือนเสียงฟ้าคำรามดังสนั่นหลายครั้ง ร้องว่า
“ฮาเลลูยา
เพราะพระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าจอมโยธาของเราครองบัลลังก์อยู่
7 ขอให้พวกเราชื่นชมยินดีและดีใจ
และถวายพระบารมีแด่พระองค์
เพราะถึงเวลาสมรสของลูกแกะ
และเจ้าสาวของพระองค์ได้เตรียมตัวพร้อมแล้ว
8 เธอได้รับผ้าป่านเนื้อดีสีขาวและบริสุทธิ์
เพื่อสวมใส่”
ด้วยว่าผ้าป่านเนื้อดีเป็นสัญลักษณ์แห่งการกระทำอันชอบธรรมของบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า
9 ครั้นแล้วทูตสวรรค์พูดกับข้าพเจ้าว่า “จงเขียนว่า ‘บรรดาผู้ที่ได้รับเชิญไปรับประทานในงานเลี้ยงสมรสของลูกแกะก็เป็นสุข’” และพูดอีกว่า “นี่เป็นคำพูดอันแท้จริงของพระเจ้า” 10 ข้าพเจ้าก็หมอบลงที่แทบเท้าของท่านเพื่อนมัสการท่าน แต่ท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า “อย่าทำอย่างนั้น เราเป็นเพื่อนผู้ร่วมรับใช้ด้วยกันกับท่าน และกับพี่น้องของท่านที่ยึดมั่นในคำยืนยันของพระเยซู จงนมัสการพระเจ้า เพราะคำยืนยันของพระเยซูคือวิญญาณแห่งการเผยความ”
ผู้ขี่ม้าขาว
11 ครั้นแล้วข้าพเจ้าก็เห็นสวรรค์เปิดออก ดูเถิด มีม้าขาวตัวหนึ่ง ผู้ที่ขี่ม้าตัวนั้นชื่อ “องค์ผู้รักษาคำมั่นสัญญา” และ “องค์ผู้สัตย์จริง” พระองค์กล่าวโทษและทำศึกสงครามด้วยความเที่ยงธรรม 12 พระองค์มีดวงตาประดุจเปลวไฟ บนศีรษะมีมงกุฎหลายองค์ มีชื่อเขียนไว้ซึ่งไม่มีผู้ใดทราบนอกจากผู้นั้นเอง 13 สวมเสื้อตัวนอกที่จุ่มโลหิต และชื่อของผู้นั้นคือ “คำกล่าวของพระเจ้า” 14 เหล่ากองทัพแห่งสวรรค์ที่กำลังขี่ม้าขาว ก็ติดตามพระองค์ไป สวมผ้าป่านเนื้อดีสีขาวและบริสุทธิ์ 15 ดาบคมที่ออกมาจากปากของพระองค์ฟาดฟันประเทศทั้งปวง “พระองค์จะปกครองพวกเขาด้วยคทาเหล็ก”[a] และจะย่ำเครื่องคั้นน้ำองุ่นของความโกรธกริ้วแห่งการลงโทษของพระเจ้าจอมโยธา 16 พระองค์มีชื่อเขียนไว้ที่เสื้อตัวนอกกับที่ต้นขาของพระองค์ว่า
“กษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งปวง และพระผู้เป็นเจ้าเหนือเจ้าทั้งปวง”
17 แล้วข้าพเจ้าก็เห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งกำลังยืนอยู่บนดวงอาทิตย์ ร้องด้วยเสียงอันดังต่อนกทั้งหลายที่กำลังบินอยู่กลางอากาศว่า “จงมาร่วมชุมนุมกัน เพื่อรับประทานในงานเลี้ยงอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า 18 เพื่อจะได้กินเนื้อกษัตริย์ ผู้บัญชาการ ผู้มีอานุภาพ ทั้งเนื้อม้าและคนขี่ เนื้อคนทั้งหลาย ทั้งพวกที่เป็นอิสระและเป็นทาส ทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อย” 19 แล้วข้าพเจ้าก็เห็นอสุรกาย บรรดากษัตริย์ของแผ่นดินโลก และหมู่กองทหารรบ เข้าสมทบกันเพื่อทำสงครามต่อสู้กับผู้ขี่ม้าและกับกองทหารรบของพระองค์ 20 แต่อสุรกายถูกจับพร้อมกับผู้เผยคำกล่าวจอมปลอม ซึ่งได้แสดงปรากฏการณ์อัศจรรย์ต่างๆ ด้วยอำนาจที่รับมาจากอสุรกายตัวแรก และใช้ปรากฏการณ์อัศจรรย์ล่อลวงพวกที่ได้รับเครื่องหมายของอสุรกาย และพวกที่นมัสการรูปจำลองของตัวมัน ทั้งสองถูกโยนทั้งเป็นลงสู่ทะเลเพลิงที่ลุกโชนด้วยกำมะถัน 21 ส่วนพวกที่เหลือก็ตายด้วยดาบซึ่งออกมาจากปากขององค์ที่ขี่ม้า และนกทุกตัวก็จิกกินเนื้อของเขาเหล่านั้นจนอิ่มหนำ
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation