Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
อพยพ 36

36 เบซาเลลและโอโฮลีอับและทุกคนที่พระผู้เป็นเจ้าได้โปรดให้มีความชำนาญและความฉลาด เพื่อรู้จักปฏิบัติงานในการสร้างสถานที่บริสุทธิ์จะทำตามทุกสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าสั่งไว้”

ดังนั้น โมเสสจึงเรียกเบซาเลลและโอโฮลีอับและทุกคนที่มีความชำนาญตามที่พระผู้เป็นเจ้าโปรดดลใจให้มี และให้ทุกคนที่มีใจปรารถนามาปฏิบัติงาน พวกเขารับของถวายที่ชาวอิสราเอลได้นำมาด้วยความสมัครใจให้โมเสสสำหรับการสร้างสถานที่บริสุทธิ์ ทุกๆ เช้าฝูงชนได้นำของมาถวายด้วยความสมัครใจ จนพวกผู้ชำนาญงานทุกแผนกที่สถานที่บริสุทธิ์ต้องวางมือจากงานของตน และพูดกับโมเสสว่า “ประชาชนนำของมาให้สำหรับงานที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาพวกเราทำมากเกินความต้องการ” ดังนั้น โมเสสจึงออกคำสั่ง และมีประกาศไปทั่วค่ายว่า “ชายหญิงทั้งหลายไม่ต้องนำของมาถวายสำหรับสถานที่บริสุทธิ์อีกแล้ว” ดังนั้น ผู้คนจึงหยุดนำของมาให้ เพราะสิ่งที่พวกเขามีอยู่นั้นมากเกินพอสำหรับงานทั้งหมด

กระโจมที่พำนัก

คนที่มีความชำนาญทุกคนในหมู่คนงานก็สร้างกระโจมที่พำนักโดยให้มีผ้าม่าน 10 ผืนซึ่งเย็บด้วยผ้าป่านทอเนื้อดี ด้ายทอขนแกะย้อมสีน้ำเงิน ม่วง และแดงสด มีภาพเครูบปักงดงามด้วยช่างผู้ชำนาญ ผ้าม่านมีขนาดเท่ากันทุกผืนคือ ยาว 28 ศอก และกว้าง 4 ศอก

10 นำม่าน 5 ผืนมาเย็บให้ติดกันตามความกว้าง อีก 5 ผืนก็ทำเช่นเดียวกัน 11 เขาเย็บหูม่านด้วยผ้าสีน้ำเงิน และติดไว้ที่ข้างหนึ่งของม่านชุดแรก ส่วนชุดที่สองเขาก็เย็บแบบเดียวกัน 12 เขาเย็บหูม่าน 50 อันติดไว้ตามแนวด้านกว้างของม่านแต่ละชุด เหมือนๆ กับชุดที่สอง ด้านที่มีหูม่านอยู่ตรงกันข้าม 13 แล้วเขาตีขอเกี่ยว 50 อันด้วยทองคำ เกี่ยวม่าน 2 ชุดให้ติดกันเป็นผ้าคลุมผืนเดียวของกระโจมที่พำนัก

14 เขาเย็บม่านขนแพะ 11 ผืนเป็นที่คลุมกระโจมที่พำนัก 15 ผ้าม่าน 11 ผืนขนาดเท่ากันทุกผืน มีความยาว 30 ศอก และกว้าง 4 ศอก 16 เขาเย็บม่าน 5 ผืนให้ติดกัน ส่วนอีก 6 ผืนก็เย็บให้ติดกันเป็นอีก 1 ชุด 17 เขาเย็บหูม่าน 50 อันติดไว้ที่ข้างหนึ่งของม่านชุดแรก และอีก 50 อันติดไว้ที่ข้างหนึ่งของม่านที่เชื่อมโยงไว้ 18 และเขาตีขอเกี่ยว 50 อันด้วยทองสัมฤทธิ์ เพื่อเกี่ยวขอไว้กับหูม่าน 2 ข้างให้ติดกันเป็นผืนเดียว 19 เขาเย็บที่คลุมกระโจมด้วยหนังแกะตัวผู้ย้อมแดง และใช้อีกผืนคลุมทับด้วยหนังปลาโลมา

20 เขาสร้างกรอบไม้สีเสียดให้เป็นโครงกระโจมที่พำนักสำหรับค้ำม่าน 21 ให้แต่ละกรอบสูง 10 ศอก กว้างศอกครึ่ง 22 แต่ละกรอบมีเดือย 2 อันอยู่ตอนล่างสำหรับติดเข้ากับฐาน เขาสร้างกรอบกระโจมที่พำนักให้เหมือนกันหมดทุกกรอบ 23 กรอบ 20 อันสำหรับด้านใต้ของกระโจมที่พำนัก 24 และเขาหล่อฐานเงิน 40 อันรองรับกรอบ 20 อัน ให้ฐาน 2 อันรองรับกรอบ 1 อัน สำหรับรองรับเดือยทั้งสอง 25 ด้านที่สองของกระโจมที่พำนักคือด้านเหนือ เขาสร้างกรอบ 20 อัน 26 และฐานเงินอีก 40 อัน ให้ฐาน 2 อันรองรับกรอบ 1 อัน 27 เขาสร้างกรอบ 6 อันสำหรับด้านท้ายกระโจมที่พำนักที่หันไปทางทิศตะวันตก 28 เขาสร้างกรอบอีก 2 อันสำหรับมุมที่ท้ายกระโจมที่พำนัก 29 กรอบทั้งสองนี้ตั้งขนานคู่กันตั้งแต่พื้นจรดยอด เป็นเสมือนกรอบเดียวกัน ทำทั้ง 2 มุมเหมือนกัน 30 ฉะนั้นมีกรอบ 8 อัน และฐานเงิน 16 อัน ฐาน 2 อันต่อกรอบ 1 อัน

31 เขาสร้างคานด้วยไม้สีเสียด 5 ตัวสำหรับกรอบทางด้านหนึ่งของกระโจมที่พำนัก 32 คานอีก 5 ตัวสำหรับกรอบอีกด้านหนึ่งของกระโจมที่พำนัก และคาน 5 ตัวสำหรับกรอบของกระโจมที่พำนักสำหรับด้านหลังทางทิศตะวันตก 33 เขาสร้างคานตัวกลางที่รับน้ำหนักตอนกลางของกรอบซึ่งยาวตลอดจากปลายด้านหนึ่งจรดอีกด้านหนึ่ง 34 แล้วเขาหุ้มกรอบไม้สีเสียดด้วยทองคำ และตีห่วงทองคำสำหรับสอดคานซึ่งหุ้มด้วยทองคำเช่นกัน

35 แล้วเขาเย็บม่านกั้นผืนหนึ่งด้วยด้ายทอขนแกะย้อมสีน้ำเงิน ม่วง และแดงสด และผ้าป่านทอเนื้อดี ภาพเครูบเขาก็ปักอย่างงดงามด้วยช่างผู้ชำนาญ 36 เขาหล่อเสาหลัก 4 ต้นด้วยไม้สีเสียดสำหรับแขวนม่าน และหุ้มเสาด้วยทองคำ ขอเกี่ยวก็ตีด้วยทองคำ และหล่อฐานเงินไว้รองรับเสา 37 เขาเย็บม่านบังตาผืนหนึ่งสำหรับประตูทางเข้ากระโจมด้วยด้ายทอขนแกะย้อมสีน้ำเงิน ม่วง และแดงสด และผ้าป่านทอเนื้อดีปักลวดลาย 38 เขาหล่อเสาหลัก 5 ต้นกับขอม่าน ที่ยอดเสาและหุ้มราวด้วยทองคำ ส่วนฐานทั้งห้าเป็นทองสัมฤทธิ์

ยอห์น 15

เถาองุ่นแท้

15 เราคือเถาองุ่นแท้ และพระบิดาของเราคือผู้ดูแลรักษาสวน พระองค์ตัดทุกกิ่งก้านที่เป็นส่วนหนึ่งของเราซึ่งไม่ออกผลทิ้งเสีย กิ่งก้านใดที่ผลิดอกออกผล พระองค์จะตัดแต่งให้ออกผลมากขึ้น บัดนี้พวกเจ้าสะอาดแล้วเพราะคำกล่าวที่เราได้ให้แก่เจ้า จงดำรงอยู่ในเราและเราจะดำรงอยู่ในพวกเจ้า กิ่งก้านจะให้ผลตามลำพังไม่ได้ นอกจากว่าจะติดอยู่กับเถาองุ่น พวกเจ้าจะเกิดผลเองไม่ได้ นอกจากเจ้าจะดำรงอยู่ในเรา เราคือเถาองุ่น ส่วนพวกเจ้าคือกิ่งก้าน ผู้ที่ดำรงอยู่ในเราและเราดำรงอยู่ในเขา ผู้นั้นก็จะให้ผลมาก หากแยกห่างจากเราไปแล้ว พวกเจ้าก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าผู้ใดไม่ดำรงอยู่ในเรา เขาก็เหมือนกิ่งก้านที่จะถูกโยนทิ้งให้แห้งตาย รังแต่จะมีคนเก็บไปเผาไฟทิ้ง ถ้าเจ้าดำรงอยู่ในเรา และคำกล่าวของเราดำรงอยู่ในเจ้าแล้ว จงขอสิ่งที่เจ้าปรารถนา แล้วเจ้าก็จะได้รับสิ่งนั้น เมื่อเจ้าให้ผลมาก พระบิดาของเราก็ได้รับพระบารมี และพวกเจ้าก็จะเป็นบรรดาสาวกของเรา พระบิดารักเราเช่นไร เราก็รักเจ้าเช่นนั้น จงดำรงอยู่ในความรักของเรา 10 ถ้าพวกเจ้าปฏิบัติตามบัญญัติของเรา เจ้าก็ย่อมดำรงอยู่ในความรักของเราด้วย เช่นเดียวกับที่เราได้ปฏิบัติตามบัญญัติของพระบิดา และดำรงอยู่ในความรักของพระองค์ 11 เราพูดถึงสิ่งเหล่านี้กับเจ้า เพื่อให้ความยินดีของเราดำรงอยู่ในตัวเจ้า และความยินดีของเจ้าจะได้เต็มเปี่ยม

12 บัญญัติของเราคือให้พวกเจ้ารักซึ่งกันและกัน เหมือนที่เรารักเจ้า 13 ไม่มีผู้ใดที่มีความรักมากไปกว่าผู้ที่สละชีวิตของตนให้แก่สหายของเขา 14 ถ้าเจ้าปฏิบัติตามที่เราสั่ง เจ้าก็เป็นสหายของเรา 15 เราจะไม่เรียกเจ้าว่าทาสรับใช้ เพราะทาสไม่รู้ว่านายของเขาทำอะไร แต่เราเรียกเจ้าว่าสหาย เพราะว่าทุกสิ่งที่เราได้ยินจากพระบิดาของเรา เราได้บอกให้พวกเจ้ารู้แล้ว 16 พวกเจ้าไม่ได้เลือกเรา แต่เป็นเราที่เลือก และแต่งตั้งเจ้าให้ออกไปและก่อเกิดผล อันเป็นผลซึ่งจะยั่งยืน เพื่อว่าสิ่งใดก็ตามที่เจ้าขอพระบิดาในนามของเรา พระองค์จะได้ให้แก่เจ้า 17 สิ่งที่เราบัญญัติกับพวกเจ้าไว้ก็คือ เจ้าจงรักซึ่งกันและกัน

โลกเกลียดชังผู้ที่ติดตามพระเยซู

18 ถ้าโลกนี้เกลียดชังเจ้า ก็จงรู้เถิดว่าโลกได้เกลียดชังเราก่อนที่จะเกลียดชังเจ้า 19 ถ้าเจ้าเป็นคนของโลกนี้ โลกจะรักเจ้าซึ่งเป็นคนของโลก แต่เจ้าไม่ใช่คนของโลกนี้เพราะเราได้เลือกให้เจ้าออกมาจากโลก ฉะนั้นโลกจึงเกลียดชังเจ้า 20 จงจำคำที่เรากล่าวไว้กับเจ้าว่า ‘ทาสรับใช้ไม่ยิ่งใหญ่กว่านายของเขา’ ถ้าคนของโลกกดขี่ข่มเหงเราแล้ว เขาก็จะกดขี่ข่มเหงเจ้าด้วย ถ้าพวกเขาปฏิบัติตามคำของเราแล้ว เขาก็จะปฏิบัติตามคำของเจ้าด้วย 21 สิ่งที่พวกเขาจะกระทำต่อเจ้าเป็นเพราะชื่อของเรา เพราะพวกเขาไม่รู้จักพระองค์ผู้ส่งเรามา 22 ถ้าเราไม่ได้พูดกับพวกเขา พวกเขาก็จะไม่มีบาป แต่บัดนี้เขาเหล่านั้นไม่มีข้ออ้างในเรื่องบาปของเขา 23 ผู้ที่เกลียดชังเรา ก็เกลียดชังพระบิดาของเราด้วย 24 ถ้าเราไม่ได้กระทำสิ่งต่างๆ ซึ่งไม่มีใครเคยทำในหมู่เขา พวกเขาก็จะไม่มีบาป แต่บัดนี้เขาเหล่านั้นได้เห็นและเกลียดชังทั้งเราและพระบิดาของเรา 25 เพื่อให้เป็นไปตามที่เขียนไว้ในกฎบัญญัติของพวกเขาว่า ‘พวกเขาเกลียดชังข้าพเจ้าอย่างไร้สาเหตุ’[a]

26 เราจะส่งองค์ผู้ช่วยจากพระบิดามายังพวกเจ้า องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณแห่งความจริงที่มาจากพระบิดา พระองค์มาเพื่อจะยืนยันในเรื่องที่เกี่ยวกับเรา 27 และเจ้าจะร่วมยืนยันด้วย เพราะเจ้าได้อยู่กับเราตั้งแต่แรกแล้ว

สุภาษิต 12

12 คนรักวินัยรักความรู้
    แต่คนเกลียดชังการตักเตือนสิโง่เง่า
คนดีได้รับความเห็นชอบจากพระผู้เป็นเจ้า
    ส่วนคนที่วางแผนชั่วจะถูกกล่าวโทษโดยพระองค์
ไม่มีใครได้รับความมั่นคงจากความชั่ว
    แต่รากฐานของคนมีความชอบธรรมจะไม่ถูกถอดถอน
ภรรยาผู้ประเสริฐเป็นเสมือนมงกุฎของสามีตน
    แต่ภรรยาคนใดนำความอับอายมาสู่สามีเป็นเสมือนความผุกร่อนในกระดูกของเขา
ความคิดของผู้มีความชอบธรรมยุติธรรม
    แต่คำแนะนำจากปากของคนชั่วร้ายนั้นหลอกลวง
คำพูดของผู้ชั่วร้ายเป็นเสมือนการดักซุ่มรอทำร้ายให้เลือดตก
    แต่ปากของผู้มีความชอบธรรมจะช่วยให้รอดได้
พวกคนชั่วร้ายถูกกำจัดและจะหมดสิ้นไป
    แต่ครัวเรือนของบรรดาผู้มีความชอบธรรมจะยืนหยัดอยู่ได้
ผู้ที่จะได้รับการสรรเสริญย่อมขึ้นอยู่กับความฉลาดรอบรู้ของเขา
    แต่คนใจคดจะถูกดูหมิ่น
ผู้ที่ได้รับการยกย่องเพียงเล็กน้อยแต่มีบ่าวรับใช้ ก็ยังดีกว่าคนที่
    ทำทีว่าตนสำคัญนัก แต่ไม่มีอะไรจะพอยาไส้
10 ผู้มีความชอบธรรมรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสัตว์เลี้ยงของตน
    แต่ความเมตตาของคนชั่วก็ยังโหดร้ายอยู่ดี
11 ผู้ที่ออกแรงรดน้ำพรวนดินของตนจะมีอาหารอุดมสมบูรณ์
    แต่ผู้ที่มุ่งหาสิ่งที่ไร้ประโยชน์ หามีความคิดอ่านไม่
12 คนชั่วร้ายอยากได้สิ่งที่บรรดาคนเลวปล้นมา
    แต่รากของบรรดาผู้มีความชอบธรรมให้ผลงดงาม
13 คนชั่วร้ายตกในกับดักเพราะปากเสีย
    แต่ผู้มีความชอบธรรมรอดจากความลำบากได้
14 คนจะอิ่มหนำด้วยสิ่งดีๆ ได้ก็จากผลที่มาจากวาจาของเขา
    และงานจากน้ำพักน้ำแรงของเขาจะให้ดอกออกผล

15 หนทางของคนไร้ปัญญาดูเหมือนว่าถูกต้องในสายตาของเขา
    แต่ผู้มีสติปัญญาย่อมฟังคำปรึกษา
16 คนโง่แสดงความไม่พอใจทันทีทันใด
    ขณะคนที่ฉลาดรอบคอบจะไม่แสดงท่าทีอย่างใดเมื่อถูกสบประมาท
17 คนมีสัจจะพูดตามความถูกต้อง
    แต่พยานเท็จกล่าวคำหลอกลวง
18 มีคนปากกล้าลั่นวาจาดั่งดาบทิ่มแทง
    แต่ลิ้นของบรรดาผู้มีสติปัญญานำมาซึ่งการบำบัดรักษา
19 ปากที่พูดความจริงจะยืนหยัดตลอดกาล
    แต่ลิ้นที่พูดโกหกจะทนอยู่ได้เพียงชั่วขณะ
20 ความหลอกลวงอยู่ในจิตใจของบรรดาผู้วางแผนการเลวร้าย
    แต่บรรดาผู้สนับสนุนสันติย่อมมีความร่าเริงใจ
21 ไม่มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้นกับผู้มีความชอบธรรม
    แต่บรรดาคนชั่วร้ายมีความทุกข์มากมาย
22 ปากมุสาเป็นที่น่ารังเกียจต่อพระผู้เป็นเจ้า
    แต่บรรดาผู้ที่ลงมือปฏิบัติด้วยความซื่อสัตย์เป็นที่ชื่นชมของพระองค์
23 คนฉลาดรอบคอบไม่อวดความรู้ของตน
    แต่ใจของคนโง่ป่าวประกาศความโง่
24 มือของคนขยันจะเป็นฝ่ายปกครอง
    แต่ความเกียจคร้านจะทำให้เป็นข้ารับใช้
25 ความกังวลในใจของคนทำให้เขารู้สึกหดหู่
    แต่คำพูดที่ดีทำให้เขาสบายใจขึ้นได้
26 ผู้ที่มีความชอบธรรมชี้ทางให้แก่เพื่อนของเขา
    แต่ทางของบรรดาคนชั่วร้ายทำให้คนหลงหาย
27 คนเกียจคร้านจะไม่ล่าสัตว์มาเป็นอาหารของตน
    แต่คนขยันจะได้มาซึ่งสิ่งอันมีค่า
28 ทางแห่งความชอบธรรมคือชีวิต
    และวิถีทางที่ดำเนินไปนั้นไม่พบกับความตาย

เอเฟซัส 5

ฉะนั้น จงทำตามอย่างพระเจ้า ให้สมกับที่เป็นบุตรที่รักของพระองค์ และทำทุกสิ่งในชีวิตด้วยความรัก เหมือนกับที่พระคริสต์ได้รักเราและสละชีวิตของพระองค์เพื่อเรา ดั่งเครื่องถวายและเครื่องสักการะที่หอมกรุ่นซึ่งเป็นที่พอใจของพระเจ้า

แต่อย่าให้มีการประพฤติผิดทางเพศ หรือเกี่ยวข้องกับมลทินทุกชนิด หรือมีความโลภในหมู่ท่านแม้แต่น้อย เพราะไม่เหมาะแก่ผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า ไม่ควรพูดหยาบโลนและไร้สาระ หรือไม่ควรกล่าวคำล้อเล่นหยาบโลน แต่ควรกล่าวคำขอบคุณพระเจ้ามากกว่า ท่านมั่นใจอย่างแน่นอนได้ว่า คนที่ประพฤติผิดทางเพศหรือยุ่งกับความสกปรกโสมมหรือความโลภ (คนโลภนับว่าเป็นคนประเภทบูชารูปเคารพ) ไม่มีส่วนร่วมในอาณาจักรของพระคริสต์และพระเจ้า อย่าให้ใครหลอกลวงท่านด้วยคำพูดเหลวไหล เพราะด้วยเหตุเหล่านี้ การลงโทษของพระเจ้าจึงตกอยู่กับคนที่ไม่เชื่อฟัง ฉะนั้นอย่าข้องเกี่ยวกับคนเหล่านั้น ด้วยว่าแต่ก่อนท่านเคยอยู่ในความมืด แต่เดี๋ยวนี้ท่านอยู่ในความสว่างในพระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตเหมือนบรรดาบุตรแห่งความสว่างเถิด ด้วยว่าผลแห่งความสว่างคือความดีทุกประการ ความชอบธรรม และความจริง 10 จงพยายามเรียนให้รู้ว่าสิ่งใดเป็นที่พอใจของพระผู้เป็นเจ้า 11 อย่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำของความมืดอันไร้ประโยชน์ แต่จงเปิดโปงให้คนรู้ 12 ด้วยว่า เป็นที่น่าละอายแม้จะมีผู้ใดกล่าวถึงพวกที่ไม่เชื่อฟังว่าเขากระทำอะไรบ้างในที่ลับ 13 แต่เมื่อสิ่งใดถูกเปิดโปงออกโดยความสว่าง สิ่งนั้นก็จะเป็นที่รู้แจ้งเห็นจริง 14 ด้วยว่าความสว่างทำให้เห็นทุกสิ่ง จึงมีคำกล่าวว่า

“ผู้หลับใหลเอ๋ย จงตื่นเถิด
    จงฟื้นขึ้นจากความตาย
    และพระคริสต์จะส่องความสว่างให้แก่ท่าน”

15 ฉะนั้น จงระวังให้ดีว่าท่านใช้ชีวิตอย่างไร อย่าเป็นเหมือนคนไร้ปัญญาแต่เป็นเช่นคนมีปัญญา 16 จงทำดีที่สุดในทุกโอกาสเพราะยามนี้เป็นเวลาแห่งความชั่ว 17 ดังนั้น อย่าโง่เขลา แต่จงเข้าใจว่าพระผู้เป็นเจ้ามีความประสงค์อย่างไร 18 อย่าเมาเหล้าองุ่นซึ่งนำไปสู่ราคะตัณหา แต่จงเปี่ยมล้นด้วยพระวิญญาณ 19 จงสนทนากันด้วยการใช้คำจากสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงฝ่ายวิญญาณ จงร้องเพลงและร้องสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าจากใจท่าน 20 จงขอบคุณพระเจ้า ผู้เป็นพระบิดาสำหรับทุกสิ่งในพระนามของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา 21 จงยอมเชื่อฟังกันและกันเพราะความยำเกรงในพระคริสต์

สามีและภรรยา

22 ภรรยาจงยอมเชื่อฟังสามีของตนเหมือนเชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า 23 ด้วยว่าสามีเป็นเสมือนศีรษะของภรรยา เช่นเดียวกับพระคริสต์ผู้เป็นเสมือนศีรษะของคริสตจักรซึ่งเปรียบเสมือนกายของพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ช่วยให้รอดพ้นของคริสตจักร 24 คริสตจักรยอมเชื่อฟังพระคริสต์เช่นไร ภรรยาควรยอมเชื่อฟังสามีในทุกสิ่งก็เช่นนั้น

25 สามีจงรักภรรยาเช่นเดียวกับที่พระคริสต์รักคริสตจักร และสละชีวิตของพระองค์เองให้แก่คริสตจักร 26 เพื่อให้คริสตจักรบริสุทธิ์ด้วยน้ำที่ชำระด้วยคำกล่าวของพระเจ้า 27 เพื่อว่าพระองค์จะได้รับคริสตจักรที่งดงามตระการมาเป็นของพระองค์ ไม่มีด่างพร้อยรอยตำหนิ หรือสิ่งมลทินทำนองนั้น แต่จะเป็นคริสตจักรที่บริสุทธิ์ปราศจากข้อตำหนิ 28 ดังนั้น สามีควรรักภรรยาของตนเหมือนรักร่างกายของตนเอง ผู้ที่รักภรรยาของตนย่อมรักตนเอง 29 ด้วยว่าไม่มีใครที่เกลียดชังตนเอง แต่เลี้ยงดูและทะนุถนอมไว้ เหมือนกับที่พระคริสต์กระทำต่อคริสตจักร 30 เพราะเราเป็นเสมือนส่วนต่างๆ ของกายของพระองค์ 31 “ด้วยเหตุนี้ ชายจึงจากบิดามารดาไปผูกพันอยู่กับภรรยาของตน และทั้งสองจะเป็นหนึ่งเดียวกัน”[a] 32 นี่เป็นข้อลึกลับซับซ้อน แต่ข้าพเจ้ากำลังพูดถึงพระคริสต์และคริสตจักร 33 อย่างไรก็ตาม ท่านทุกคนจงรักภรรยาของตนให้เหมือนกับรักตนเอง และภรรยาจงเคารพสามีของตน

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation