Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
1 พงศ์กษัตริย์ 16

16 แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยฮูบุตรฮานานีกล่าวโทษบาอาชาว่า “เราได้ยกเจ้าขึ้นมาจากฝุ่นธุลี ให้เป็นผู้นำของอิสราเอลประชากรของเรา แต่เจ้ากลับดำเนินตามทางของเยโรโบอัม เจ้าชักนำอิสราเอลประชากรของเราให้ทำบาป และยั่วยุให้เราโกรธด้วยบาปของพวกเขา ฉะนั้นเราจะทำลายล้างบาอาชากับวงศ์วาน ทำให้วงศ์วานของเจ้าเป็นเช่นวงศ์วานของเยโรโบอัมบุตรเนบัท คนของบาอาชาที่ตายในเมืองจะถูกสุนัขกิน ส่วนคนที่ตายในท้องทุ่งจะถูกนกจิกกิน”

สำหรับเหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลบาอาชา พระราชกิจและความสำเร็จต่างๆ มีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ? บาอาชาทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ และถูกฝังไว้ในทีรซาห์ และเอลาห์โอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

ยิ่งกว่านั้นพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าผ่านมาทางผู้เผยพระวจนะเยฮูบุตรฮานานีมาถึงบาอาชากับราชวงศ์ เพราะความชั่วทั้งปวงที่ได้ทรงทำในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะสิ่งที่พระองค์ทรงทำได้ยั่วยุพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ทรงประพฤติตนเหมือนราชวงศ์เยโรโบอัม และเพราะพระองค์ได้ทรงทำลายราชวงศ์นั้นด้วย

กษัตริย์เอลาห์แห่งอิสราเอล

เอลาห์โอรสบาอาชาขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอล ตรงกับปีที่ยี่สิบหกของรัชกาลกษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์ ทรงครองราชย์ในทีรซาห์อยู่สองปี

ศิมรีผู้บัญชาการกองรถรบหลวงครึ่งกองวางแผนกบฏต่อพระองค์ ครั้งนั้นกษัตริย์เอลาห์ประทับอยู่ที่ทีรซาห์ทรงเมามายอยู่ที่บ้านของอารซาเจ้ากรมวังประจำทีรซาห์ 10 ศิมรีก็เข้ามาปลงพระชนม์ ตรงกับปีที่ยี่สิบเจ็ดของรัชกาลอาสาแห่งยูดาห์ จากนั้นศิมรีขึ้นครองราชย์แทน

11 ทันทีที่ขึ้นครองราชย์ ศิมรีก็ประหารครอบครัวของบาอาชาทั้งหมด พระองค์ไม่ทรงไว้ชีวิตชายแม้แต่คนเดียว ทั้งญาติและมิตร 12 ดังนั้นศิมรีทำลายครอบครัวบาอาชาทั้งหมดตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้ผ่านทางผู้เผยพระวจนะเยฮู 13 เพราะบาปทั้งปวงที่บาอาชาและโอรสเอลาห์ได้ทำและชักนำให้อิสราเอลทำตาม พวกเขาได้ยั่วยุพระพิโรธของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลด้วยรูปเคารพอันไร้ค่า

14 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของเอลาห์ รวมทั้งพระราชกิจต่างๆ มีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ?

กษัตริย์ศิมรีแห่งอิสราเอล

15 ในปีที่ยี่สิบเจ็ดของรัชกาลกษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์ ศิมรีทรงครองราชย์ในทีรซาห์อยู่เจ็ดวัน กองทัพตั้งค่ายอยู่ใกล้เมืองกิบเบโธนของฟีลิสเตีย 16 เมื่อชนอิสราเอลในค่ายได้ข่าวว่าศิมรีวางแผนกบฏและปลงพระชนม์กษัตริย์แล้ว ก็ประกาศให้แม่ทัพอมรีเป็นกษัตริย์อิสราเอลในวันนั้นเองที่ค่าย 17 อมรีและชนอิสราเอลทั้งหมดจึงถอนทัพจากกิบเบโธนมาล้อมทีรซาห์ 18 เมื่อศิมรีเห็นว่าเมืองถูกยึด ก็เข้าไปในป้อมพระราชวัง จุดไฟเผาวังและคลอกตัวเองตาย 19 นี่เป็นเพราะบาปที่ศิมรีได้ทำ คือทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า ดำเนินตามวิถีและทำบาปแบบเดียวกับเยโรโบอัม ทั้งยังชักนำให้อิสราเอลทำตามด้วย

20 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของศิมรีและการกบฏของพระองค์บันทึกอยู่ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ?

กษัตริย์อมรีแห่งอิสราเอล

21 ครั้งนั้นประชากรอิสราเอลแตกแยกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งสนับสนุนอมรี อีกฝ่ายสนับสนุนทิบนีบุตรกินัท 22 แต่ฝ่ายอมรีเข้มแข็งกว่าฝ่ายทิบนีบุตรกินัท ดังนั้นทิบนีจึงถูกฆ่าตายและอมรีขึ้นเป็นกษัตริย์

23 อมรีขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลตรงกับปีที่สามสิบเอ็ดของรัชกาลกษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์ ทรงครองราชย์อยู่สิบสองปี โดยปกครองอยู่ในทีรซาห์หกปี 24 อมรีทรงซื้อภูเขาสะมาเรียจากเชเมอร์ เป็นเงินหนักประมาณ 70 กิโลกรัม[a] แล้วทรงสร้างเมืองขึ้นบนภูเขาขนานนามว่าสะมาเรียตามชื่อเชเมอร์เจ้าของเดิม

25 แต่อมรีทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า และทรงทำบาปยิ่งกว่ากษัตริย์องค์ก่อนๆ ทุกองค์ 26 อมรีทรงดำเนินตามวิถีทั้งสิ้นและทรงทำบาปแบบเดียวกับเยโรโบอัมบุตรเนบัท ทั้งยังชักนำให้อิสราเอลทำตามด้วย พวกเขาได้ยั่วยุพระพิโรธของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลด้วยรูปเคารพอันไร้ค่า

27 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของอมรี พระราชกิจและความสำเร็จทั้งปวงมีบันทึกในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ? 28 อมรีทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ที่สะมาเรีย และอาหับโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

กษัตริย์อาหับแห่งอิสราเอล

29 อาหับโอรสของอมรีขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลในปีที่สามสิบแปดของรัชกาลกษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์ ทรงครองราชย์อยู่ในสะมาเรียและทรงปกครองอิสราเอลอยู่ 22 ปี 30 อาหับโอรสของอมรีทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้ายิ่งกว่ากษัตริย์องค์ก่อนๆ 31 อาหับไม่เพียงเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยที่จะทำบาปต่างๆ ตามเยโรโบอัมบุตรเนบัท แต่พระองค์ยังอภิเษกกับเยเซเบลธิดาของกษัตริย์เอทบาอัลแห่งไซดอน และทรงเริ่มปรนนิบัติและนมัสการพระบาอัล 32 อาหับทรงสร้างแท่นบูชาสำหรับพระบาอัลในวิหารของพระบาอัลที่ทรงสร้างขึ้นในสะมาเรีย 33 นอกจากนี้อาหับยังทรงสร้างเสาเจ้าแม่อาเชราห์ และยั่วยุพระพิโรธของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลยิ่งกว่ากษัตริย์อิสราเอลองค์ก่อนๆ ทุกองค์

34 ในรัชกาลของอาหับ ฮีเอลจากเบธเอลสร้างเมืองเยรีโคขึ้นใหม่ เมื่อวางฐานราก เขาต้องสูญเสียอาบีรัมบุตรหัวปี และเมื่อติดตั้งประตูเมือง เขาต้องสูญเสียเสกุบบุตรคนสุดท้อง ทั้งนี้เป็นไปตามพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัสผ่านทางโยชูวาบุตรนูน

โคโลสี 3

การดำเนินชีวิตอันบริสุทธิ์

ในเมื่อทรงให้ท่านทั้งหลายเป็นขึ้นกับพระคริสต์แล้ว ก็จงให้ใจของท่านจดจ่อกับสิ่งที่อยู่เบื้องบนที่ซึ่งพระคริสต์ประทับอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า จงให้ความคิดของท่านจดจ่ออยู่กับสิ่งเบื้องบน ไม่ใช่สิ่งฝ่ายโลก เพราะท่านตายแล้ว และบัดนี้ชีวิตของท่านถูกซ่อนอยู่กับพระคริสต์ในพระเจ้า เมื่อพระคริสต์ผู้ทรงเป็นชีวิตของท่าน[a]ปรากฏ เมื่อนั้นท่านก็จะปรากฏพร้อมกับพระองค์ในพระเกียรติสิริด้วย

เหตุฉะนั้นจงประหารโลกียวิสัยของท่านคือ การผิดศีลธรรมทางเพศ ความโสมม ราคะตัณหา ความปรารถนาชั่วและความโลภ ซึ่งเป็นการบูชารูปเคารพ เนื่องด้วยสิ่งเหล่านี้พระพิโรธของพระเจ้ากำลังจะมาถึง[b] ครั้งหนึ่งท่านเคยดำเนินชีวิตในทางเหล่านี้ แต่บัดนี้ท่านจงกำจัดสิ่งทั้งปวงต่อไปนี้ให้หมดจากตัวท่านคือ ความโกรธ ความเกรี้ยวกราด การคิดปองร้าย การกล่าวร้าย และวาจาหยาบช้าจากปากของท่าน อย่าโกหกกันในเมื่อท่านสลัดทิ้งตัวตนเก่าๆ พร้อมกับความประพฤติเดิมๆ แล้ว 10 และสวมตัวตนใหม่ซึ่งกำลังทรงสร้างขึ้นใหม่ตามพระฉายขององค์พระผู้สร้างขณะที่ท่านเรียนรู้จักพระองค์มากขึ้น[c] 11 จึงไม่มีกรีกหรือยิว เข้าสุหนัตหรือไม่เข้าสุหนัต คนชาติอื่นๆ คนป่า[d] ทาสหรือไท แต่พระคริสต์ทรงเป็นทุกสิ่งและทรงอยู่ในทุกคน

12 ฉะนั้นในฐานะประชากรที่พระเจ้าทรงเลือก ผู้บริสุทธิ์และเป็นที่รักยิ่งของพระองค์ จงสวมความสงสาร ความกรุณา ความอ่อนโยน ความถ่อมสุภาพ และความอดทน 13 จงอดทนอดกลั้นต่อกันและกัน และไม่ว่าท่านมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจประการใดต่อกันก็จงยกโทษให้กัน ท่านจงยกโทษให้กันเหมือนที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงยกโทษให้ท่าน 14 และจงสวมความรักทับคุณความดีทั้งหมดนี้ ความรักผูกพันสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์

15 จงให้สันติสุขของพระคริสต์ครองใจท่านเพราะพระเจ้าทรงเรียกท่านมาเป็นอวัยวะของกายเดียวกัน เพื่อท่านจะได้รับสันติสุขนี้ และจงมีใจขอบพระคุณ 16 จงให้พระวจนะของพระคริสต์เปี่ยมล้นอยู่ในท่านขณะที่ท่านสั่งสอนและเตือนสติกันด้วยปัญญาทั้งสิ้น และขณะที่ท่านร้องเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และบทเพลงฝ่ายวิญญาณด้วยใจกตัญญูต่อพระเจ้า 17 และไม่ว่าท่านจะทำสิ่งใด จะเป็นวาจาหรือการกระทำก็ตาม จงทำทุกสิ่งในพระนามขององค์พระเยซูเจ้า ขอบพระคุณพระเจ้าพระบิดาโดยทางพระเยซู

กฎเกณฑ์สำหรับครอบครัวคริสเตียน(A)

18 ภรรยาทั้งหลายจงยอมเชื่อฟังสามีของท่าน ซึ่งเป็นสิ่งที่เหมาะสมในองค์พระผู้เป็นเจ้า

19 สามีทั้งหลายจงรักภรรยาของท่านและอย่ารุนแรงต่อนาง

20 บุตรทั้งหลายจงเชื่อฟังบิดามารดาของท่านทุกอย่าง เพราะสิ่งนี้ทำให้องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย

21 บิดาทั้งหลายอย่าทำให้บุตรของท่านขมขื่นใจ มิฉะนั้นพวกเขาจะท้อใจ

22 ทาสทั้งหลายจงเชื่อฟังเจ้านายฝ่ายโลกของท่านทุกอย่าง และจงทำอย่างนี้ไม่ใช่เพียงต่อหน้า หรือเพื่อประจบเอาใจ แต่ด้วยใจจริงและด้วยความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า 23 ไม่ว่าท่านทั้งหลายจะทำสิ่งใดจงทุ่มเททำอย่างสุดใจเหมือนทำเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เพื่อมนุษย์ 24 เพราะท่านรู้ว่าท่านจะได้รับมรดกจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นรางวัล องค์พระคริสต์เจ้านี่แหละคือผู้ที่ท่านกำลังรับใช้อยู่ 25 ผู้ใดทำผิดก็จะได้รับผลตอบสนองตามความผิดและไม่มีการลำเอียงเข้าข้างใครเลย

เอเสเคียล 46

46 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ประตูด้านตะวันออกสู่ลานชั้นในให้ปิดตลอดวันทำงานหกวัน แต่ให้เปิดในวันสะบาโตและวันขึ้นหนึ่งค่ำ เจ้านายจะเข้ามาจากด้านนอกผ่านมุขตรงทางเข้าและยืนอยู่ข้างเสาประตู ให้เหล่าปุโรหิตถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสันติบูชาของเจ้านาย ให้เจ้านายนมัสการพระเจ้าที่ธรณีประตูนั้นแล้วออกไป แต่ไม่ต้องปิดประตูจนกว่าจะถึงเวลาเย็น ในวันสะบาโตและวันขึ้นหนึ่งค่ำ ให้ประชาชนทั้งปวงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทางเข้าก่อนถึงประตูนั้น เครื่องเผาบูชาที่เจ้านายนำมาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าในวันสะบาโตได้แก่ ลูกแกะตัวผู้หกตัวและแกะผู้หนึ่งตัว ล้วนไม่มีตำหนิ ธัญบูชา 1 เอฟาห์[a]ถวายควบคู่แกะผู้ ส่วนธัญบูชาควบคู่ลูกแกะ แล้วแต่เจ้านายจะเห็นชอบ และถวายน้ำมัน 1 ฮิน[b] ควบคู่ธัญบูชาทุกๆ 1 เอฟาห์ ในวันขึ้นหนึ่งค่ำ ให้เจ้านายถวายวัวหนุ่มหนึ่งตัว ลูกแกะหกตัวและแกะผู้หนึ่งตัว ล้วนไม่มีตำหนิ ให้เขาเตรียมธัญบูชา 1 เอฟาห์ควบคู่กับวัวผู้ และอีก 1 เอฟาห์ควบคู่กับแกะผู้ และตามที่เห็นชอบควบคู่กับลูกแกะ พร้อมทั้งน้ำมัน 1 ฮินต่อธัญบูชาทุกๆ 1 เอฟาห์ เมื่อเจ้านายเข้ามา ให้เข้าทางมุขตรงทางเข้าและออกไปทางเดียวกันนั้น

“ ‘เมื่อประชาชนมาเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตามเทศกาลที่กำหนด ใครที่เข้าทางประตูด้านเหนือเพื่อนมัสการให้ออกทางประตูด้านใต้ และใครที่เข้าทางประตูด้านใต้ให้ออกทางประตูด้านเหนือ ไม่ให้ผู้ใดกลับออกไปทางเดียวกับที่ตนเข้ามา แต่ให้กลับออกไปทางประตูตรงกันข้าม 10 เจ้านายจะอยู่ท่ามกลางประชาชน เมื่อประชาชนเข้าไป เจ้านายก็เข้าไปด้วยและเมื่อประชาชนออกมา เขาก็ออกมาด้วย

11 “ ‘ในเทศกาลตามกำหนดและงานเลี้ยงวาระต่างๆ ให้ใช้ธัญบูชา 1 เอฟาห์ควบคู่กับวัวผู้หนึ่งตัว อีก 1 เอฟาห์ควบคู่กับแกะผู้หนึ่งตัว ส่วนที่ควบคู่กับลูกแกะจะเท่าไรก็ได้แล้วแต่เห็นชอบพร้อมทั้งน้ำมัน 1 ฮินควบคู่กับธัญบูชาทุกๆ 1 เอฟาห์ 12 เมื่อเจ้านายถวายเครื่องบูชาตามความสมัครใจแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า จะเป็นเครื่องเผาบูชาหรือเครื่องสันติบูชาก็ตาม จงเปิดประตูที่หันไปทางด้านตะวันออกให้เขา เขาจะถวายเครื่องเผาบูชาหรือเครื่องสันติบูชาเหมือนในวันสะบาโต แล้วเขาจะออกไป เมื่อเขาออกไปแล้วก็จงปิดประตู

13 “ ‘ทุกเช้าจงถวายลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบซึ่งไม่มีตำหนิเป็นเครื่องเผาบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 14 และทุกเช้าจงถวายธัญบูชาหนึ่งในหกเอฟาห์[c]ควบคู่ และน้ำมันหนึ่งในสามฮิน[d]เพื่อคลุกเคล้าแป้ง การถวายธัญบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้านี้ให้ถือปฏิบัติตลอดไป 15 ฉะนั้นให้จัดเตรียมลูกแกะ และธัญบูชากับน้ำมันเป็นเครื่องเผาบูชาเป็นประจำทุกเช้า

16 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า หากเจ้านายมอบที่มรดกเป็นของขวัญให้แก่บุตรชาย ที่ผืนนั้นก็จะเป็นมรดกตกทอดแก่ลูกหลานของเขาสืบต่อไป 17 แต่หากเจ้านายมอบที่มรดกเป็นของขวัญให้แก่คนใช้ เขาจะครอบครองจนถึงปีแห่งการปลดปล่อย แล้วที่ผืนนั้นจะกลับมาเป็นของเจ้านายตามเดิม ที่มรดกจะเป็นสมบัติของลูกๆ เจ้านายเท่านั้น 18 เจ้านายต้องไม่ริบที่มรดกของประชาชนมาเป็นสมบัติของตน หรือผลักไสไล่ส่งประชาชนออกจากที่ดินของพวกเขา เจ้านายจะมอบที่ดินให้แก่ลูกหลานของเขาได้เฉพาะส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ตกทอดมาถึงเขา เพื่อไม่ให้ประชากรคนหนึ่งคนใดของเราถูกพรากจากที่ดินของตน’ ”

19 แล้วชายผู้นั้นพาข้าพเจ้าผ่านทางเข้าที่ข้างประตูสู่ห้องบริสุทธิ์ต่างๆ ซึ่งหันหน้าไปทางเหนือซึ่งเป็นห้องของปุโรหิต และชี้ให้ข้าพเจ้าดูที่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ริมสุดด้านตะวันตก 20 เขาบอกข้าพเจ้าว่า “นี่เป็นที่สำหรับปุโรหิตต้มเครื่องบูชาลบความผิดและเครื่องบูชาไถ่บาปและปิ้งธัญบูชา เพื่อจะได้ไม่นำออกไปสู่ลานชั้นนอกและไม่ไปทำให้ประชาชนบริสุทธิ์”

21 แล้วเขาพาข้าพเจ้ามาที่ลานชั้นนอก พาไปดูทั่วมุมทั้งสี่ ที่แต่ละมุมมีลานเล็กๆ อีกลานหนึ่ง 22 ลานเล็กๆ ที่มุมทั้งสี่ของลานชั้นนอกนี้มีผนังล้อมรอบยาว 40 คิวบิท กว้าง 30 คิวบิท[e] แต่ละลานที่มุมทั้งสี่ล้วนมีขนาดเท่ากัน 23 ภายในรอบลานทั้งสี่มีแนวหินและมีเตาสร้างขึ้นภายใต้แนวหินนี้ 24 เขาบอกข้าพเจ้าว่า “นี่เป็นโรงครัวที่ให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพระวิหารใช้ต้มเครื่องบูชาของประชาชน”

สดุดี 102

(คำอธิษฐานของผู้ตกทุกข์ได้ยาก ยามอับจน และระบายความในใจต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า)

102 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดสดับฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์
ขอให้เสียงทูลวิงวอนขอความช่วยเหลือของข้าพระองค์นั้นขึ้นไปถึงพระองค์
ขออย่าทรงซ่อนพระพักตร์จากข้าพระองค์
เมื่อข้าพระองค์ทุกข์ยาก
ขอทรงเอียงพระกรรณสดับฟัง
เมื่อข้าพระองค์ร้องทูล ขอทรงตอบข้าพระองค์โดยเร็ว

เพราะวันคืนของข้าพระองค์ลับหายไปประหนึ่งควัน
กระดูกของข้าพระองค์ถูกแผดเผาเหมือนถ่านลุกโชน
จิตใจของข้าพระองค์ห่อเหี่ยวและเฉาไปเหมือนต้นหญ้า
ข้าพระองค์ลืมรับประทานอาหาร
เพราะข้าพระองค์คร่ำครวญโหยไห้
จนผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก
ข้าพระองค์เป็นเช่นนกฮูกในถิ่นกันดาร
เป็นเช่นนกฮูกท่ามกลางซากปรักหักพัง
ข้าพระองค์ไม่อาจข่มตาให้หลับ
ข้าพระองค์เป็นเหมือนนกเดียวดายบนหลังคา
ศัตรูของข้าพระองค์เย้ยหยันอยู่วันยังค่ำ
คู่อริใช้ชื่อข้าพระองค์เป็นคำแช่งด่า
เพราะข้าพระองค์กินขี้เถ้าต่างอาหาร
และผสมน้ำตาลงในเครื่องดื่ม
10 เนื่องด้วยพระพิโรธอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
พระองค์ได้ทรงยกข้าพระองค์ขึ้นและเหวี่ยงข้าพระองค์ทิ้ง
11 วันเวลาของข้าพระองค์เป็นเหมือนเงาในยามเย็น
ข้าพระองค์เหี่ยวเฉาไปดั่งต้นหญ้า

12 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์ประทับเหนือบัลลังก์ตลอดกาล
พระเกียรติของพระองค์เลื่องลือตลอดทุกชั่วอายุ
13 พระองค์จะทรงลุกขึ้นและจะทรงเอ็นดูสงสารศิโยน
เพราะบัดนี้ถึงเวลาแล้วที่จะเมตตาเมืองนั้น
เวลาที่ทรงกำหนดมาถึงแล้ว
14 เพราะก้อนหินของเมืองนั้นเป็นที่รักของผู้รับใช้ของพระองค์
และผงคลีดินของเมืองนั้นทำให้พวกเขาเกิดใจสงสาร
15 ประชาชาติทั้งหลายจะเกรงกลัวพระนามพระยาห์เวห์
มวลกษัตริย์ของโลกจะยำเกรงพระเกียรติสิริของพระองค์
16 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงสร้างศิโยนขึ้นใหม่
และพระองค์จะมาปรากฏด้วยพระเกียรติสิริของพระองค์
17 พระองค์จะทรงตอบคำอธิษฐานของคนสิ้นไร้ไม้ตอก
พระองค์จะไม่ทรงดูแคลนคำทูลวิงวอนของพวกเขาเลย

18 ขอให้บันทึกเรื่องนี้ไว้เพื่อคนรุ่นหลัง
เพื่อคนที่จะเกิดมาจะได้สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า
19 องค์พระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตรลงมาจากสถานนมัสการเบื้องบน
จากสวรรค์พระองค์ทรงมองดูโลก
20 เพื่อสดับฟังเสียงครวญครางของเหล่านักโทษ
และทรงปลดปล่อยผู้ต้องโทษประหาร”
21 ดังนั้นพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะถูกประกาศในศิโยน
และคำสรรเสริญพระองค์จะถูกประกาศในเยรูซาเล็ม
22 ยามเมื่อชนชาติและอาณาจักรต่างๆ
มาร่วมชุมนุมเพื่อนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า

23 พระองค์ทรงตัดกำลังข้าพเจ้าทิ้งกลางคัน[a]
ทรงบั่นทอนวันเวลาของข้าพเจ้าให้สั้นลง
24 ข้าพเจ้าจึงร้องทูลว่า
“ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขออย่าทรงเอาชีวิตของข้าพระองค์ไปกลางคัน
ปีเดือนของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วอายุ
25 ในปฐมกาลพระองค์ทรงวางฐานรากของแผ่นดินโลก
และฟ้าสวรรค์เป็นพระหัตถกิจของพระองค์
26 สิ่งเหล่านี้จะพินาศไป แต่พระองค์ทรงดำรงอยู่
ทั้งหมดนี้จะเก่าไปเหมือนเครื่องนุ่งห่ม
พระองค์จะทรงเปลี่ยนมันเหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้า
พวกมันจะถูกโยนทิ้งไป
27 แต่พระองค์เองยังคงเหมือนเดิม
และปีเดือนของพระองค์จะไม่สิ้นสุด
28 พงศ์พันธุ์ของผู้รับใช้ของพระองค์จะดำรงชีวิตอยู่ต่อหน้าพระองค์
ลูกหลานของพวกเขาจะได้รับการสถาปนาไว้ต่อหน้าพระองค์”

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.