M’Cheyne Bible Reading Plan
น้ำแห่งการชำระ
19 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า 2 “บทบัญญัติซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาไว้มีดังนี้คือ จงแจ้งประชากรอิสราเอลให้นำวัวตัวเมียสีแดงไร้ตำหนิตัวหนึ่งที่ไม่เคยตกลูกและไม่เคยเทียมแอกมาให้เจ้า 3 จงมอบวัวตัวนี้แก่ปุโรหิตเอเลอาซาร์ มันจะถูกนำออกไปนอกค่าย และฆ่าต่อหน้าเขา 4 ปุโรหิตเอเลอาซาร์จะเอานิ้วจุ่มเลือดพรมมาทางหน้าเต็นท์นัดพบเจ็ดครั้ง 5 จงเผาวัวนี้ทั้งหนัง เนื้อ เลือด และไส้ต่อหน้าเขา 6 ปุโรหิตจะเอาไม้สนซีดาร์ กิ่งหุสบ และด้ายแดงโยนเข้าในกองไฟนั้น 7 จากนั้นปุโรหิตต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำ เขาจะกลับมาที่ค่ายพักก็ได้ แต่จะเป็นมลทินตามระเบียบพิธีจวบจนเวลาเย็น 8 ผู้ที่เผาวัวนั้นก็ต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำ และจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็นเช่นกัน
9 “ผู้ที่ไม่เป็นมลทินจะโกยเถ้าจากวัวตัวนั้นไปไว้ในที่ที่ไม่เป็นมลทินตามระเบียบพิธีนอกค่ายพัก ชุมชนอิสราเอลจะเก็บเถ้านี้ไว้ใช้ทำน้ำแห่งการชำระมลทินเพื่อล้างบาป 10 ผู้ที่โกยเถ้าจากวัวนั้นจะต้องซักเสื้อผ้าของตนและเป็นมลทินจวบจนเวลาเย็น นี่เป็นข้อปฏิบัติถาวรสืบไปสำหรับทั้งชนอิสราเอลและคนต่างด้าวซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่พวกเขา
11 “ผู้ใดแตะต้องซากศพจะเป็นมลทินตลอดเจ็ดวัน 12 เขาต้องอาบน้ำชำระตัวในวันที่สามและในวันที่เจ็ด แล้วเขาจึงจะสะอาด มิฉะนั้นเขาจะเป็นมลทิน 13 ผู้ใดแตะต้องซากศพ แล้วไม่ได้ชำระตัว ผู้นั้นก็ทำให้พลับพลาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นมลทิน คนนั้นจะต้องถูกตัดออกจากอิสราเอล เขาไม่ได้รับการพรมด้วยน้ำแห่งการชำระจึงยังเป็นมลทินอยู่
14 “กฎที่ใช้เมื่อมีผู้เสียชีวิตในเต็นท์ คือผู้ใดที่เข้าไปในเต็นท์หรืออยู่ในเต็นท์จะเป็นมลทินไปตลอดเจ็ดวัน 15 ภาชนะใดๆ ในเต็นท์ซึ่งไม่มีฝาปิดก็เป็นมลทิน
16 “ผู้ใดที่อยู่กลางแจ้ง และไปแตะต้องซากศพคนที่ถูกฆ่าตายด้วยคมดาบหรือตายด้วยเหตุปกติวิสัย หรือไปแตะต้องกระดูกคนตายหรือหลุมฝังศพ เขาจะเป็นมลทินไปตลอดเจ็ดวัน
17 “สำหรับผู้ที่เป็นมลทิน จงนำเถ้าจากเครื่องบูชาเผาชำระใส่ลงไปในภาชนะ และเทน้ำสะอาดผสมลงไป 18 จากนั้นให้ผู้ที่ไม่เป็นมลทินตามระเบียบพิธีเอากิ่งหุสบจุ่มน้ำนั้นพรมที่เต็นท์และเครื่องมือเครื่องใช้ทั้งหมด รวมทั้งคนที่อยู่ที่นั่นด้วย เขาจะต้องพรมคนที่แตะต้องกระดูกหรือหลุมศพ หรือแตะต้องคนที่ถูกฆ่าตายหรือตายด้วยเหตุปกติวิสัยด้วย 19 ผู้ที่ไม่เป็นมลทินจะต้องพรมคนที่เป็นมลทินในวันที่สามและในวันที่เจ็ด และคนที่เป็นมลทินจะต้องชำระตนเองในวันที่เจ็ดด้วย เขาจะต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำเพื่อชำระตนให้พ้นมลทิน แล้วเขาจะสะอาดในเย็นวันนั้น 20 แต่ถ้าผู้ใดเป็นมลทินและไม่ได้ชำระตัวจะถูกตัดออกจากชุมชน เพราะทำให้สถานนมัสการขององค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นมลทิน เขาไม่ได้รับการพรมด้วยน้ำแห่งการชำระจึงยังเป็นมลทินอยู่ 21 นี่เป็นข้อปฏิบัติถาวรสำหรับพวกเขา
“ผู้ทำหน้าที่พรมน้ำแห่งการชำระจะต้องซักเสื้อผ้าของตนด้วย และผู้ใดแตะต้องน้ำแห่งการชำระนั้นจะเป็นมลทินจนถึงเย็น 22 ผู้เป็นมลทินแตะต้องสิ่งใด สิ่งนั้นจะเป็นมลทิน และผู้ใดไปแตะต้องสิ่งนั้น ก็จะเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น”
(ถึงหัวหน้านักร้อง ทำนอง “นกพิราบบนต้นโอ๊กโน้น” มิคทาม[a]ของดาวิด เมื่อชาวฟีลิสเตียจับดาวิดในเมืองกัท)
56 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเมตตาข้าพระองค์ เพราะคนรุกไล่ข้าพระองค์มาอย่างดุเดือด
ตลอดวันพวกเขารุกกระหน่ำเข้ามาโจมตี
2 ศัตรูไล่ล่าข้าพระองค์ทั้งวันทั้งคืน
ข้าศึกมากมายโจมตีข้าพระองค์อย่างอหังการ
3 เมื่อข้าพระองค์กลัว
ข้าพระองค์จะวางใจในพระองค์
4 ในพระเจ้าที่ข้าพเจ้าเทิดทูนพระวจนะ
ในพระเจ้าที่ข้าพเจ้าวางใจ ข้าพเจ้าจะไม่กลัว
มนุษย์ที่ต้องตายจะทำอะไรข้าพเจ้าได้เล่า?
5 พวกเขาบิดเบือนคำพูดของข้าพระองค์ทุกวันคืน
พวกเขาคบคิดกันปองร้ายข้าพระองค์อยู่เสมอ
6 พวกเขารวมหัวกัน พวกเขาซุ่มอยู่
จับตาดูย่างก้าวของข้าพระองค์
กระเหี้ยนกระหือรือจะเอาชีวิตข้าพระองค์
7 ขออย่าทรงปล่อยให้เขาลอยนวลไปได้
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเหวี่ยงชนชาติต่างๆ ลงด้วยพระพิโรธของพระองค์
8 ขอทรงบันทึกคำคร่ำครวญของข้าพระองค์
ขอทรงนับหยดน้ำตาของข้าพระองค์ไว้ในหนังสือม้วนของพระองค์[b]
สิ่งเหล่านี้อยู่ในบันทึกของพระองค์แล้วไม่ใช่หรือ?
9 แล้วศัตรูของข้าพระองค์จะหันกลับ เมื่อข้าพระองค์ร้องทูลขอความช่วยเหลือ
เช่นนี้แล้ว ข้าพระองค์จะรู้ว่าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายข้าพระองค์
10 ในพระเจ้าซึ่งข้าพระองค์เทิดทูนพระวจนะ
ในองค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งข้าพระองค์สรรเสริญพระวจนะ
11 ในพระเจ้าซึ่งข้าพระองค์วางใจ ข้าพระองค์จะไม่กลัว
มนุษย์จะทำอะไรข้าพระองค์ได้เล่า?
12 ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์จะทำตามที่ได้ถวายปฏิญาณไว้กับพระองค์
ข้าพระองค์จะถวายเครื่องบูชาขอบพระคุณแด่พระองค์
13 เพราะพระองค์ได้ทรงกอบกู้ข้าพระองค์[c]จากความตาย
และได้ทรงช่วยกู้ย่างเท้าของข้าพระองค์จากการสะดุดล้ม
เพื่อข้าพระองค์จะดำเนินอยู่ต่อหน้าพระเจ้า
ในความสว่างของชีวิต[d]
(สดด.108:1-5)
(ถึงหัวหน้านักร้อง ทำนอง “อย่าทำลาย” มิคทาม[e]ของดาวิด เมื่อหนีจากซาอูลเข้าไปในถ้ำ)
57 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเมตตาข้าพระองค์ ขอทรงเมตตาข้าพระองค์เถิด
เพราะจิตวิญญาณของข้าพระองค์ลี้ภัยในพระองค์
ข้าพระองค์จะลี้ภัยในร่มปีกของพระองค์
จนกว่าภัยพิบัตินี้ผ่านพ้นไป
2 ข้าพเจ้าร้องทูลต่อพระเจ้าสูงสุด
ต่อพระเจ้าผู้ทรงกระทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จเพื่อข้าพเจ้า
3 พระองค์ทรงส่งความช่วยเหลือจากฟ้าสวรรค์มาช่วยข้าพเจ้า
ทรงกำราบผู้ที่รุกไล่ข้าพเจ้าอย่างดุเดือด
เสลาห์
พระเจ้าทรงส่งความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ของพระองค์ลงมา
4 ข้าพเจ้าอยู่กลางวงล้อมของเหล่าสิงห์
นอนอยู่ในหมู่สัตว์ร้ายกระหายเหยื่อ
คือพวกคนที่มีเขี้ยวเป็นหอกและลูกศร
มีลิ้นเป็นดาบคม
5 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเป็นที่ยกย่องเทิดทูนเหนือฟ้าสวรรค์
ขอพระเกียรติสิริของพระองค์ครอบคลุมไปทั่วโลก
6 พวกเขาขึงตาข่ายดักเท้าของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าหมอบคุดคู้ด้วยความทุกข์ลำเค็ญ
พวกเขาขุดหลุมพรางดักตามทางของข้าพเจ้า
แต่พวกเขาเองได้ตกลงไปในนั้น
เสลาห์
7 ข้าแต่พระเจ้า จิตใจของข้าพระองค์แน่วแน่
จิตใจของข้าพระองค์มั่นคง
ข้าพระองค์จะขับร้องและบรรเลงดนตรี
8 จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย จงตื่นเถิด!
พิณใหญ่และพิณเขาคู่ จงบรรเลงเถิด!
ข้าพเจ้าจะปลุกรุ่งอรุณ
9 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า องค์ในหมู่ประชาชาติ
ข้าพระองค์จะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางชนชาติต่างๆ
10 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ใหญ่หลวงถึงฟ้าสวรรค์
ความซื่อสัตย์ของพระองค์ถึงท้องฟ้า
11 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเป็นที่ยกย่องเทิดทูนเหนือฟ้าสวรรค์
ขอพระเกียรติสิริของพระองค์ครอบคลุมไปทั่วโลก
อัสซีเรียเป็นเครื่องมือขององค์พระผู้เป็นเจ้า
8 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงเอาหนังสือม้วนแผ่นใหญ่มาและใช้ปากกาเขียนลงไปว่า ‘มาเฮอร์ชาลาลหัชบัส’[a] 2 และเราจะเรียกปุโรหิตอุรียาห์กับเศคาริยาห์บุตรเยเบเรคิยาห์ให้เป็นพยานที่เชื่อถือได้ของเรา”
3 แล้วข้าพเจ้าก็เข้าหาผู้เผยพระวจนะหญิง นางจึงตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงตั้งชื่อเขาว่ามาเฮอร์ชาลาลหัชบัส 4 ก่อนที่เด็กคนนั้นจะรู้จักเรียก ‘พ่อ’ หรือ ‘แม่’ กษัตริย์อัสซีเรียจะริบทรัพย์สมบัติของดามัสกัสและสะมาเรียไป”
5 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าอีกว่า
6 “เนื่องจากชนชาตินี้ได้ปฏิเสธ
น้ำแห่งชิโลอาห์ซึ่งไหลเอื่อยๆ
ไปชื่นชมเรซีน
และบุตรของเรมาลิยาห์
7 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจะใช้กระแสน้ำอันหลากเชี่ยวของยูเฟรติส
มาท่วมมิดพวกเขา
คือกษัตริย์อัสซีเรียกับกองทัพมหึมา
กระแสน้ำนั้นจะท่วมมิดทุกช่องทาง
และล้นทุกตลิ่ง
8 และกวาดเข้ามาในยูดาห์
ไหลวนเหนือดินแดนนั้น ไหลหลากท่วมถึงคอ
โอ อิมมานูเอล[b]เอ๋ย!
ท่วมมิดยูดาห์จนสุดเขตแดน”
9 ประชาชาติทั้งหลายเอ๋ย โห่ร้องออกศึกไปเถิด และจงถูกบดขยี้!
ดินแดนไกลโพ้นทั้งปวง จงฟัง
เตรียมทำศึกเถิด และจงถูกบดขยี้!
เตรียมทำศึกเถิด และจงถูกบดขยี้!
10 วางแผนกลยุทธ์ไปเถิด แต่มันจะกลับตาลปัตร
ดำเนินตามแผนเถิด แต่จะไปไม่รอด
เพราะพระเจ้าทรงอยู่กับเรา[c]
จงยำเกรงพระเจ้า
11 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเตือนข้าพเจ้าอย่างเข้มงวดไม่ให้ดำเนินตามวิถีทางของชนชาตินี้พระองค์ตรัสว่า
12 “ทุกสิ่งที่ชนชาติเหล่านี้เรียกว่าการคบคิดทรยศ
เจ้าอย่าเรียกว่าการคบคิดทรยศ[d]
อย่ากลัวสิ่งที่พวกเขากลัว
อย่าหวาดหวั่น
13 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์คือผู้ที่เจ้าจะต้องถือว่าบริสุทธิ์
พระองค์คือผู้ที่เจ้าจะต้องยำเกรง
พระองค์คือผู้ที่เจ้าจะต้องขยาดกลัว
14 พระองค์จะทรงเป็นสถานนมัสการ
แต่สำหรับวงศ์วานทั้งคู่ของอิสราเอล
พระองค์จะทรงเป็นก้อนหินซึ่งทำให้ผู้คนสะดุด
และเป็นศิลาที่ทำให้พวกเขาล้มลง
และพระองค์จะเป็นกับดัก
และเป็นบ่วงแร้วสำหรับชาวเยรูซาเล็ม
15 พวกเขาหลายคนจะสะดุด
พวกเขาจะล้มลงและแตกสลาย
พวกเขาจะติดกับและถูกจับไป”
16 จงมัดคำพยานเข้าไว้ด้วยกัน
และประทับตราบทบัญญัติในหมู่สาวกของข้าพเจ้า
17 ข้าพเจ้าจะรอคอยองค์พระผู้เป็นเจ้า
ผู้ทรงซ่อนพระพักตร์จากวงศ์วานของยาโคบ
ข้าพเจ้าจะไว้วางใจในพระองค์
18 ข้าพเจ้าและบุตรทั้งหลายที่องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว เราคือหมายสำคัญและสัญลักษณ์ในอิสราเอลจากพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ผู้ประทับบนภูเขาศิโยน
19 เมื่อคนบอกให้ท่านไปปรึกษาคนทรงเจ้าเข้าผีซึ่งกระซิบกระซาบบ่นพึมพำ ประชาชาติไม่ควรทูลถามพระเจ้าของตนหรือ? เหตุใดไปหารือกับคนตายเพื่อคนเป็น? 20 จงไปค้นดูบทบัญญัติและคำพยาน! หากพวกเขาไม่ได้พูดตามนี้ พวกเขาก็ไม่ได้มีแสงสว่างแห่งรุ่งอรุณอยู่เลย 21 พวกเขาจะซัดเซพเนจรไปอย่างทุกข์ลำเค็ญและหิวโหย เมื่อกันดารอาหารเขาจะเดือดดาลคลุ้มคลั่ง เงยหน้าขึ้นฟ้า แช่งด่ากษัตริย์และพระเจ้าของตน 22 แล้วพวกเขาจะมองไปยังแผ่นดินโลก และพบแต่ความทุกข์ลำเค็ญ ความมืดมน ความกลัดกลุ้ม และเขาจะถูกผลักเข้าสู่ความมืดมิด
เด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา
9 อย่างไรก็ตามผู้ทุกข์ลำเค็ญจะไม่เศร้าหมองอีกต่อไป ในอดีตพระเจ้าทรงทำให้ดินแดนเศบูลุนและนัฟทาลีต่ำลง แต่ในอนาคตพระองค์จะทรงเชิดชูกาลิลีที่ชาวต่างชาติอาศัยอยู่ ซึ่งรวมทั้งเมืองริมทะเลเลียบแม่น้ำจอร์แดน
2 ประชากรผู้เดินอยู่ในความมืด
ได้เห็นแสงสว่างอันยิ่งใหญ่
บรรดาผู้อาศัยในดินแดนแห่งเงาของความตาย[e]
แสงสว่างเริ่มสาดต้องพวกเขาแล้ว
3 พระเจ้าทรงขยายชนชาตินั้น
และเพิ่มพูนความปีติยินดีของพวกเขา
พวกเขาชื่นชมยินดีต่อหน้าพระองค์
เหมือนคนเริงรื่นชื่นบานยามเก็บเกี่ยว
หรือยามแบ่งสมบัติที่ริบได้จากเชลย
4 เหมือนอย่างวันแห่งชัยชนะเหนือมีเดียน
พระองค์จะทรงทำลาย
แอกที่เป็นภาระของประชากรของพระองค์
คานที่พวกเขาต้องแบกหาม
และไม้ตะบองของผู้ที่กดขี่ข่มเหงเขา
5 รองเท้าทุกคู่ของนักรบซึ่งใช้ในสงคราม
และเสื้อผ้าทั้งหมดของพวกเขาที่โชกเลือด
จะถูกเผาไฟ
และใช้เป็นเชื้อเพลิง
6 ด้วยว่ามีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา
มีบุตรชายคนหนึ่งที่ประทานแก่เรา
และการปกครองจะอยู่บนบ่าของเขา
และเขาจะได้รับการขนานนามว่า
“ที่ปรึกษามหัศจรรย์[f] พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์
พระบิดานิรันดร์ องค์สันติราช”
7 การปกครองอย่างสันติของบุคคลนั้น
จะรุ่งเรืองขึ้นไม่สิ้นสุด
พระองค์จะทรงครอบครองเหนือบัลลังก์
และอาณาจักรของดาวิด
ทรงสถาปนาและผดุงอาณาจักรนั้นไว้
ด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม
ตั้งแต่เวลานั้นตราบนิรันดร์
พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ทรงกระตือรือร้น
ที่จะกระทำการนี้ให้สำเร็จ
อย่าลำเอียง
2 พี่น้องทั้งหลาย ในฐานะที่ท่านเป็นผู้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าผู้ทรงพระเกียรติสิริของเรา อย่าลำเอียงเลย 2 สมมุติว่ามีคนหนึ่งใส่แหวนทอง แต่งกายโก้หรูมาในที่ประชุมของพวกท่าน และมีคนยากจนแต่งตัวซอมซ่อเข้ามาเช่นกัน 3 ถ้าท่านให้ความสนใจคนที่แต่งกายโก้หรูเป็นพิเศษและกล่าวว่า “เชิญท่านนั่งที่ดีๆ ตรงนี้เถิด” แต่กล่าวกับคนยากจนว่า “จงไปยืนที่นั่น” หรือกล่าวว่า “จงนั่งที่พื้นแทบเท้าของเรา” 4 ท่านก็แบ่งชนชั้นและตัดสินคนด้วยความคิดอธรรมไม่ใช่หรือ?
5 พี่น้องที่รักจงฟังเถิด พระเจ้าทรงเลือกผู้ยากไร้ในสายตาชาวโลกให้ร่ำรวยในความเชื่อ และให้ครองอาณาจักรที่ทรงสัญญาไว้แก่บรรดาผู้ที่รักพระองค์ไม่ใช่หรือ? 6 แต่นี่ท่านกลับดูถูกคนจน คนรวยไม่ใช่หรือที่ขูดรีดจากท่าน? ไม่ใช่พวกเขาหรอกหรือที่ลากตัวท่านขึ้นโรงขึ้นศาล? 7 คนพวกนี้ไม่ใช่หรือที่พูดลบหลู่พระนามอันทรงเกียรติของพระองค์? และพวกท่านก็เป็นของพระองค์
8 หากท่านปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้าในพระคัมภีร์อย่างแท้จริงที่ว่า “จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”[a] ท่านก็ทำถูกแล้ว 9 แต่ถ้าท่านลำเอียงท่านก็ทำบาป และบทบัญญัติก็ได้ตัดสินแล้วว่าท่านเป็นผู้ละเมิดบทบัญญัติ 10 เพราะผู้ใดทำตามบทบัญญัติทั้งหมดแต่พลาดไปจุดเดียวก็มีความผิดเท่ากับละเมิดบทบัญญัติทั้งหมด 11 เนื่องจากพระองค์ผู้ตรัสว่า “อย่าล่วงประเวณี”[b] นั้นยังตรัสด้วยว่า “อย่าฆ่าคน”[c] แม้ท่านไม่ได้ล่วงประเวณี แต่ได้ฆ่าคน ท่านก็ละเมิดบทบัญญัติ
12 จงพูดและทำอย่างคนที่จะรับการตัดสินด้วยกฎซึ่งให้เสรีภาพ 13 เพราะผู้ที่ไร้ความเมตตาจะถูกตัดสินลงโทษโดยไร้ความเมตตาปรานี ความเมตตาย่อมมีชัยเหนือการพิพากษา!
ความเชื่อและการกระทำ
14 พี่น้องทั้งหลาย ถ้าคนหนึ่งอ้างว่ามีความเชื่อแต่ไม่สำแดงเป็นการกระทำจะมีประโยชน์อะไร? ความเชื่อแบบนี้จะช่วยเขาให้รอดได้หรือ? 15 สมมุติว่าพี่น้องชายหญิงคนใดขาดแคลนเสื้อผ้าและอาหารประจำวัน 16 ถ้าผู้ใดในพวกท่านพูดกับเขาว่า “ไปเถิด ขอให้ท่านเป็นสุข รักษาตัวให้อบอุ่นและอิ่มหนำเถิด” แต่ไม่เอื้อเฟื้อปัจจัยเลี้ยงชีพแก่เขาจะมีประโยชน์อันใด? 17 เช่นกันความเชื่อเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีการกระทำก็เป็นความเชื่อที่ไร้ประโยชน์[d]
18 แต่บางคนจะกล่าวว่า “ท่านมีความเชื่อส่วนข้าพเจ้ามีการกระทำ” จงแสดงความเชื่อของท่านที่ไม่มีการกระทำมา แล้วข้าพเจ้าจะแสดงความเชื่อของข้าพเจ้าด้วยสิ่งที่ข้าพเจ้ากระทำ 19 ท่านเชื่อว่ามีพระเจ้าองค์เดียวก็ดีแล้ว! แม้พวกผีมารก็ยังเชื่อเช่นนั้นและกลัวจนตัวสั่น
20 คนเขลาเอ๋ย ท่านต้องการหลักฐานว่าความเชื่อโดยปราศจากการกระทำนั้นเปล่าประโยชน์[e]ใช่ไหม? 21 พระเจ้าทรงถือว่าอับราฮัมบรรพบุรุษของเราเป็นผู้ชอบธรรมก็เพราะการกระทำของเขาที่ถวายอิสอัคบุตรชายบนแท่นบูชาไม่ใช่หรือ? 22 ท่านก็เห็นแล้วว่าความเชื่อและการกระทำของเขาทำงานควบคู่กัน ความเชื่อของเขาครบถ้วนสมบูรณ์โดยสิ่งที่เขาได้ทำ 23 และเป็นจริงตามพระคัมภีร์ที่ว่า “อับราฮัมเชื่อพระเจ้า และความเชื่อนี้พระองค์ทรงถือว่าเป็นความชอบธรรมของเขา”[f] และเขาได้ชื่อว่าเป็นสหายของพระเจ้า 24 จะเห็นได้ว่าผู้ใดจะถูกนับว่าชอบธรรมก็ด้วยการกระทำของเขา ไม่ใช่ด้วยความเชื่ออย่างเดียว
25 เช่นกันแม้แต่ราหับหญิงโสเภณียังถูกนับว่าชอบธรรมเพราะการกระทำของนางไม่ใช่หรือ? เมื่อนางให้ที่พักแก่คนสอดแนมและช่วยส่งพวกเขาไปอีกทางหนึ่ง 26 ร่างกายที่ปราศจากวิญญาณตายแล้วฉันใด ความเชื่อที่ปราศจากการกระทำก็ตายแล้วฉันนั้น
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.