Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
1 พงศาวดาร 7-8

วงศ์วานของอิสสาคาร์

บุตรของอิสสาคาร์ ได้แก่

โทลา ปูอาห์ ยาชูบ และชิมโรน รวมสี่คน

บุตรของโทลา ได้แก่

อุสซี เรไฟยาห์ เยรีเอล ยามัย อิบสัม และซามูเอล ล้วนแต่เป็นหัวหน้าครอบครัว ในรัชกาลของดาวิดมีกำลังพลจากวงศ์วานของโทลาซึ่งบันทึกไว้ในลำดับวงศ์ตระกูล 22,600 คน

บุตรของอุสซี ได้แก่

อิสราหิยาห์

บุตรของอิสราหิยาห์ ได้แก่

มีคาเอล โอบาดีห์ โยเอล และอิสชีอาห์ ทั้งห้าคนเป็นหัวหน้า ตามบันทึกลำดับวงศ์ตระกูลของพวกเขา พวกเขามีกำลังพล 36,000 คน เพราะพวกเขามีภรรยาและบุตรมากมาย

กำลังพลจากทุกตระกูลของเผ่าอิสสาคาร์มี 87,000 คน ตามบันทึกลำดับวงศ์ตระกูล

วงศ์วานของเบนยามิน

บุตรทั้งสามของเบนยามิน ได้แก่

เบลา เบเคอร์ และเยดียาเอล

บุตรของเบลา ได้แก่

เอสโบน อุสซี อุสซีเอล เยรีโมท และอิรี ล้วนแต่เป็นหัวหน้าครอบครัว รวมห้าคน ตามบันทึกลำดับวงศ์ตระกูลของพวกเขา พวกเขามีกำลังพล 22,034 คน

บุตรของเบเคอร์ ได้แก่

เศมิราห์ โยอาช เอลีเอเซอร์ เอลีโอนัย อมรี เยเรโมท อาบียาห์ อานาโธท และอาเลเมท ทั้งหมดนี้เป็นบุตรของเบเคอร์ บันทึกลำดับวงศ์ตระกูลของพวกเขามีชื่อหัวหน้าตระกูลและกำลังพล 20,200 คน

10 บุตรของเยดียาเอล ได้แก่

บิลฮาน

บุตรของบิลฮาน ได้แก่

เยอูช เบนยามิน เอฮูด เคนาอะนาห์ เศธาน ทารชิช และอาหิชาฮาร์ 11 บรรดาบุตรของเยดียาเอลล้วนเป็นหัวหน้าครอบครัว มีกำลังพล 17,200 คน

12 วงศ์วานของอิระคือ ชาวชุปปิมและหุปปิม ส่วนชาวหุชิมเป็นวงศ์วานของอาเฮอร์

วงศ์วานของนัฟทาลี

13 บุตรของนัฟทาลีผู้สืบเชื้อสายจากนางบิลฮาห์ ได้แก่

ยาซีเอล กุนี เยเซอร์ และชิลเลม[a]

วงศ์วานของมนัสเสห์

14 วงศ์วานของมนัสเสห์ซึ่งเกิดจากภรรยาน้อยชาวอารัม ได้แก่

อัสรีเอลและมาคีร์บิดาแห่งกิเลอาด 15 มาคีร์ได้ภรรยาเป็นชาวหุปปิมและชุปปิม น้องสาวของมาคีร์คือมาอาคาห์

วงศ์วานอีกคนหนึ่งคือเศโลเฟหัดซึ่งมีแต่บุตรสาว

16 มาอาคาห์ภรรยาของมาคีร์มีบุตรซึ่งให้ชื่อว่า เปเรช น้องชายของเขาคือเชเรช ซึ่งมีบุตรคืออุลามกับราเคม

17 บุตรของอุลาม ได้แก่

เบดาน

คนเหล่านี้คือวงศ์วานของกิเลอาดผู้เป็นบุตรของมาคีร์บุตรมนัสเสห์ 18 ฮัมโมเลเคท น้องสาวของเขาให้กำเนิดอิชโฮด อาบีเอเซอร์ และมาห์ลาห์

19 บุตรของเชมิดา ได้แก่

อาหิยัน เชเคม ลิคฮี และอานียัม

วงศ์วานของเอฟราอิม

20 วงศ์วานของเอฟราอิม ได้แก่

ชูเธลาห์ซึ่งมีบุตรคือเบเรด

ซึ่งมีบุตรคือทาหัท ซึ่งมีบุตรคือเอเลอาดาห์

ซึ่งมีบุตรคือทาหัท 21 ซึ่งมีบุตรคือศาบาด ซึ่งมีบุตรคือชูเธลาห์

เอเซอร์และเอเลอัดถูกชาวพื้นเมืองของกัทฆ่าตายเมื่อจะไปยึดฝูงสัตว์ของคนเหล่านั้น 22 เอฟราอิมผู้เป็นบิดาเศร้าโศกอยู่หลายวัน และบรรดาญาติพากันมาปลอบโยนเขา 23 หลังจากนั้นเอฟราอิมก็ร่วมหลับนอนกับภรรยา นางตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายซึ่งเขาตั้งชื่อให้ว่าเบรียาห์[b] เพราะเกิดเหตุโศกสลดในครอบครัว 24 บุตรสาวของเอฟราอิมคือเชเอราห์ผู้สร้างเมืองเบธโฮโรนบนและเบธโฮโรนล่างกับเมืองอุสเซนเชเอราห์

25 เบรียาห์มีบุตรคือเรฟาห์

ซึ่งมีบุตรคือเรเชฟ[c] ซึ่งมีบุตรคือเทลาห์ ซึ่งมีบุตรคือทาหาน

26 ซึ่งมีบุตรคือลาดาน ซึ่งมีบุตรคืออัมมีฮูด

ซึ่งมีบุตรคือเอลีชามา 27 ซึ่งมีบุตรคือนูน ซึ่งมีบุตรคือโยชูวา

28 ถิ่นฐานของพวกเขาได้แก่ เมืองเบธเอลกับหมู่บ้านล้อมรอบนาอารันไปทางตะวันออก เมืองเกเซอร์กับหมู่บ้านโดยรอบไปทางตะวันตก และจากเมืองเชเคมกับหมู่บ้านโดยรอบไปจนถึงอัยยาห์และหมู่บ้านโดยรอบ 29 เลียบชายแดนของมนัสเสห์ได้แก่ เมืองเบธชาน เมืองทาอานาค เมืองเมกิดโด และเมืองโดร์ พร้อมทั้งหมู่บ้าน วงศ์วานของโยเซฟบุตรอิสราเอลอาศัยอยู่ในเมืองเหล่านี้

วงศ์วานของอาเชอร์

30 บุตรของอาเชอร์ ได้แก่

อิมนาห์ อิชวาห์ อิชวี และเบรียาห์ บุตรสาวคือเสราห์

31 บุตรของเบรียาห์ ได้แก่

เฮเบอร์กับมัลคีเอล ซึ่งเป็นบิดาของบิรซาวิท

32 เฮเบอร์เป็นบิดาของยาเฟลท โชเมอร์ และโฮธามกับชูอาน้องสาวของพวกเขา

33 บุตรของยาเฟลท ได้แก่

ปาสัค บิมฮาล และอัชวาท คนเหล่านี้คือบุตรของยาเฟลท

34 บุตรของโชเมอร์ ได้แก่

อาหิ โรห์กาห์[d] ฮุบบาห์ และอารัม

35 บุตรของเฮเลมน้องชายของเขา ได้แก่

โศฟาห์ อิมนา เชเลช และอามัล

36 บุตรของโศฟาห์ ได้แก่

สุอาห์ ฮารเนเฟอร์ ชูอัล เบรี อิมราห์ 37 เบเซอร์ โฮด ชัมมา ชิลชาห์ อิธราน[e] และเบเอรา

38 บุตรของเยเธอร์ ได้แก่

เยฟุนเนห์ ปิสปาห์ และอารา

39 บุตรของอุลลา ได้แก่

อาราห์ ฮันนีเอล และรีเซีย

40 คนเหล่านี้คือวงศ์วานของอาเชอร์ เป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นนักรบแกล้วกล้าผู้ได้รับเลือกสรรและเป็นผู้นำที่โดดเด่น พวกเขามีกำลังพล 26,000 คนตามบันทึกลำดับวงศ์ตระกูล

ลำดับวงศ์ตระกูลของซาอูลชาวเบนยามิน(A)

บุตรของเบนยามิน ได้แก่ เบลาบุตรหัวปี

คนที่สองคืออัชเบล คนที่สามคืออาหะราห์

คนที่สี่คือโนฮาห์ และคนที่ห้าคือราฟา

บุตรของเบลา ได้แก่

อัดดาร์ เกรา อาบีฮูด[f] อาบีชูวา นาอามาน อาโหอาห์ เกรา เชฟูฟาน และหุราม

เชื้อสายของเอฮูดซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวต่างๆ ที่อาศัยอยู่ที่เมืองเกบา และถูกบังคับให้ย้ายไปอยู่ที่เมืองมานาฮาท ได้แก่

นาอามาน อาหิยาห์ และเกราผู้ย้ายพวกเขาออกไปนอกประเทศและเป็นบิดาของอุสซากับอาหิฮูด

หลังจากชาหะราอิมหย่ากับนางหุชิมและนางบาอารา เขามีบุตรหลายคนที่เกิดในโมอับ บุตรของเขาที่เกิดจากนางโฮเดช ได้แก่ โยบับ ศิเบีย เมชา มัลคาม 10 เยอูส สาเคีย และมิรมาห์ คนเหล่านี้คือบุตรชายของเขาซึ่งล้วนแต่เป็นหัวหน้าครอบครัว 11 บุตรที่เกิดจากหุชิมคือ อาบีทูบกับเอลปาอัล

12 บุตรของเอลปาอัล ได้แก่

เอเบอร์ มิชอัม เชเมด (ผู้สร้างเมืองโอโนกับโลด ทั้งหมู่บ้านโดยรอบ) 13 เบรียาห์และเชมา ล้วนเป็นหัวหน้าครอบครัวต่างๆ ซึ่งอาศัยในอัยยาโลน พวกเขาขับไล่ชาวเมืองกัทออกไป

14 อาหิโย ชาชัก เยเรโมท 15 เศบาดิยาห์ อาราด เอเดอร์ 16 มีคาเอล อิชปาห์ และโยฮา คนเหล่านี้ล้วนเป็นบุตรของเบรียาห์

17 เศบาดิยาห์ เมชุลลาม ฮิสคี เฮเบอร์ 18 อิชเมรัย อิสลิยาห์ และโยบับ คนเหล่านี้เป็นบุตรของเอลปาอัล

19 ยาคิม ศิครี ศับดี 20 เอลีเยนัย ศิลเลธัย เอลีเอล 21 อาดายาห์ เบไรอาห์ และชิมราท คนเหล่านี้เป็นบุตรของชิเมอี

22 อิชปาน เอเบอร์ เอลีเอล 23 อับโดน ศิครี ฮานาน 24 ฮานันยาห์ เอลาม อันโธธียาห์ 25 อิฟไดยาห์ และเปนูเอล คนเหล่านี้เป็นบุตรของชาชัก

26 ชัมเชรัย เชหะรียาห์ อาธาลิยาห์

27 ยาอาเรชีอาห์ เอลียาห์ และศิครี คนเหล่านี้เป็นบุตรของเยโรฮัม

28 ทั้งหมดนี้เป็นหัวหน้าครอบครัวและผู้นำตามบันทึกลำดับวงศ์ตระกูล พวกเขาอาศัยที่เยรูซาเล็ม

29 เยอีเอล[g] บิดา[h]ของกิเบโอนอาศัยอยู่ที่กิเบโอน

ภรรยาของเขาชื่อมาอาคาห์ 30 บุตรหัวปีของเขาคืออับโดน บุตรคนต่อมาได้แก่ ศูร์ คีช บาอัล เนอร์[i] นาดับ 31 เกโดร์ อาหิโย เศเคอร์ 32 และมิกโลทผู้เป็นบิดาของชิเมอาห์ พวกเขาก็อาศัยอยู่ใกล้ๆ ญาติพี่น้องที่เยรูซาเล็มเช่นกัน

33 เนอร์เป็นบิดาของคีช ผู้เป็นบิดาของซาอูล ซาอูลเป็นบิดาของโยนาธาน มัลคีชูวา อาบีนาดับ และเอชบาอัล[j]

34 บุตรของโยนาธาน ได้แก่

เมริบบาอัล[k]บิดาของมีคาห์

35 บุตรของมีคาห์ ได้แก่

ปีโธน เมเลค ทาเรีย และอาหัส

36 อาหัสเป็นบิดาของเยโฮอัดดาห์ เยโฮอัดดาห์เป็นบิดาของอาเลเมท อัสมาเวท และศิมรี ศิมรีเป็นบิดาของโมซา 37 โมซาเป็นบิดาของบิเนอา ซึ่งเป็นบิดาของราฟาห์ ซึ่งเป็นบิดาของเอเลอาสาห์ ซึ่งเป็นบิดาของอาเซล

38 อาเซลมีบุตรชายหกคน ตามรายชื่อดังนี้คือ อัสรีคัม โบเครู อิชมาเอล เชอาริยาห์ โอบาดีห์ และฮานาน คนเหล่านี้เป็นบุตรของอาเซล

39 บุตรของเอเชกน้องชายอาเซลได้แก่ อุลามบุตรหัวปี คนที่สองคือเยอูช และคนที่สามคือเอลีเฟเลท 40 บรรดาบุตรของอุลามเป็นนักรบแกล้วกล้าและเป็นนักธนู คนเหล่านี้มีบุตรและหลานรวม 150 คน

คนเหล่านี้คือวงศ์วานของเบนยามิน

ฮีบรู 11

โดยความเชื่อ

11 ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้และมั่นใจในสิ่งที่เรามองไม่เห็น เพราะความเชื่อนี้เองที่คนในสมัยก่อนได้รับการทรงชมเชย

โดยความเชื่อเราจึงเข้าใจว่าจักรวาลมีขึ้นโดยพระบัญชาของพระเจ้า ดังนั้นสิ่งที่มองเห็นอยู่จึงไม่ได้เกิดจากสิ่งที่เราเห็นได้ด้วยตา

โดยความเชื่ออาแบลถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าซึ่งดีกว่าของคาอิน โดยความเชื่ออาแบลได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ชอบธรรมเมื่อพระเจ้าทรงชมเชยสิ่งที่เขาถวาย และโดยความเชื่อเขาจึงยังพูดอยู่ทั้งๆ ที่เขาตายแล้ว

โดยความเชื่อเอโนคจึงถูกรับขึ้นไปเพื่อจะไม่ต้องประสบความตาย ไม่มีผู้ใดพบเขาเพราะพระเจ้าทรงรับเขาไปแล้ว เพราะก่อนหน้านั้นเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่พระเจ้าพอพระทัย ถ้าไม่มีความเชื่อก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้พระเจ้าพอพระทัย เพราะผู้ที่จะมาหาพระเจ้าต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่และประทานบำเหน็จแก่คนเหล่านั้นที่แสวงหาพระองค์อย่างจริงจัง

โดยความเชื่อเมื่อโนอาห์ได้รับคำเตือนถึงเรื่องต่างๆ ที่ยังมองไม่เห็น ด้วยความเกรงกลัวพระเจ้าเขาจึงได้ต่อเรือใหญ่เพื่อช่วยครอบครัวให้รอด โดยความเชื่อของเขา เขาได้ตัดสินโทษโลกและได้กลายเป็นทายาทแห่งความชอบธรรมที่มีมาโดยความเชื่อ

โดยความเชื่อเมื่ออับราฮัมได้รับการทรงเรียกให้ไปยังสถานที่ซึ่งเขาจะได้รับเป็นมรดกในภายหลัง เขาก็เชื่อฟังและออกเดินทางถึงแม้เขาไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน โดยความเชื่อเขาอาศัยในดินแดนพระสัญญาเยี่ยงคนต่างด้าวในต่างแดน ใช้ชีวิตอยู่ในเต็นท์เช่นเดียวกับอิสอัคและยาโคบผู้เป็นทายาทร่วมในพระสัญญาเดียวกันกับเขา 10 เพราะเขาหมายมุ่งนครซึ่งตั้งอยู่บนฐานรากอันมีพระเจ้าทรงเป็นสถาปนิกและผู้สร้าง

11 โดยความเชื่อแม้อับราฮัมชรามากแล้วและซาราห์เองก็เป็นหมัน เขาก็ยังสามารถมีบุตรได้ เพราะเขา[a]ถือว่าพระองค์ผู้ทรงสัญญานั้นสัตย์ซื่อ 12 ดังนั้นจากชายคนเดียวนี้ซึ่งเป็นเหมือนคนที่ตายแล้วก็เกิดมีลูกหลานสืบเชื้อสายมากมายดั่งดวงดาวในท้องฟ้า และดั่งเม็ดทรายนับไม่ถ้วนที่ชายฝั่งทะเล

13 คนทั้งปวงเหล่านี้ตายไปขณะที่ดำเนินชีวิตโดยความเชื่อ พวกเขาไม่ได้รับสิ่งที่ทรงสัญญาไว้ เพียงแต่ได้เห็นและเตรียมรับแต่ไกลและยอมรับว่าพวกเขาเป็นเพียงคนต่างถิ่นและคนแปลกหน้าในโลกนี้ 14 คนที่พูดอย่างนี้แสดงให้เห็นว่ากำลังมองหาบ้านเมืองที่จะเป็นของตน 15 หากพวกเขาคิดถึงบ้านเมืองที่จากมาก็ย่อมมีโอกาสที่จะกลับไปได้ 16 แต่นี่พวกเขาใฝ่หาบ้านเมืองซึ่งดีกว่าคือเมืองสวรรค์ เพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงไม่ได้ทรงละอายเมื่อพวกเขาเรียกพระองค์ว่าพระเจ้าของพวกเขา เพราะพระองค์ทรงจัดเตรียมเมืองหนึ่งไว้ให้พวกเขาแล้ว

17 โดยความเชื่อเมื่อพระเจ้าทรงทดสอบอับราฮัม เขาก็ถวายอิสอัคเป็นเครื่องบูชา เขาผู้ได้รับพระสัญญาพร้อมที่จะถวายบุตรชายเพียงคนเดียวของตน 18 แม้พระเจ้าได้ตรัสกับเขาว่า “วงศ์วาน[b] ของเจ้าจะนับทางสายอิสอัค”[c] 19 อับราฮัมเชื่อว่าพระเจ้าทรงสามารถให้คนตายกลับเป็นขึ้นมาได้ กล่าวเปรียบเทียบได้ว่าเขาได้อิสอัคคืนมาจากความตาย

20 โดยความเชื่ออิสอัคอวยพรให้ยาโคบกับเอซาวสำหรับอนาคตของพวกเขา

21 โดยความเชื่อเมื่อยาโคบกำลังจะตายจึงอวยพรบุตรแต่ละคนของโยเซฟ และนมัสการขณะยันกายบนหัวไม้เท้าของเขา

22 โดยความเชื่อเมื่อใกล้ตายโยเซฟจึงกล่าวถึงการอพยพออกจากอียิปต์ของชนอิสราเอล และสั่งความเรื่องกระดูกของเขา

23 โดยความเชื่อบิดามารดาของโมเสสซ่อนเขาไว้ถึงสามเดือนหลังจากคลอด เนื่องจากเห็นว่าเขาแตกต่างจากเด็กอื่นทั่วไป และทั้งสองไม่กลัวคำสั่งของกษัตริย์เลย

24 โดยความเชื่อเมื่อโมเสสเติบโตขึ้นก็ปฏิเสธฐานะบุตรของธิดาฟาโรห์ 25 เขาเลือกที่จะถูกข่มเหงร่วมกับเหล่าประชากรของพระเจ้าแทนการเริงสำราญเพียงชั่วคราวในบาป 26 เขาถือว่าการยอมเสื่อมเสียเพื่อพระคริสต์ยังล้ำค่ายิ่งกว่าทรัพย์สมบัติทั้งหลายของอียิปต์ เพราะเขามองไปข้างหน้าถึงบำเหน็จของเขา 27 โดยความเชื่อเขาออกจากอียิปต์โดยไม่กลัวพระพิโรธของกษัตริย์ เขาอดทนบากบั่นเพราะเขาได้เห็นพระเจ้าผู้ซึ่งไม่อาจมองเห็นได้ 28 โดยความเชื่อเขาถือปัสกาและการประพรมเลือด เพื่อเพชฌฆาตผู้ประหารบุตรหัวปีจะไม่มาแตะต้องลูกหัวปีของอิสราเอล

29 โดยความเชื่อเหล่าประชากรข้ามทะเลแดง[d]ราวกับเดินบนพื้นแห้ง แต่เมื่อชาวอียิปต์พยายามจะข้ามบ้าง พวกเขาก็จมน้ำตาย

30 โดยความเชื่อกำแพงเมืองเยรีโคจึงพังลงหลังจากเหล่าประชากรเดินรอบกำแพงเป็นเวลาเจ็ดวัน

31 โดยความเชื่อราหับหญิงโสเภณีจึงไม่ถูกฆ่าไปพร้อมกับบรรดาผู้ไม่เชื่อฟัง[e] เพราะนางได้ต้อนรับlสายสืบ

32 และข้าพเจ้าจะว่าอะไรอีก ข้าพเจ้าไม่มีเวลาพอที่จะกล่าวถึงกิเดโอน บาราค แซมสัน เยฟธาห์ ดาวิด ซามูเอล และบรรดาผู้เผยพระวจนะต่างๆ 33 ผู้ซึ่งโดยทางความเชื่อได้พิชิตอาณาจักรต่างๆ ได้ให้ความยุติธรรม และได้รับสิ่งซึ่งทรงสัญญาไว้ ผู้ได้ปิดปากสิงห์ 34 ได้ดับเปลวไฟร้อนแรง และได้แคล้วคลาดจากคมดาบ ผู้ซึ่งความอ่อนแอของเขากลับเป็นความเข้มแข็ง และผู้ได้กลายเป็นคนแข็งกล้าในการสงคราม และได้ไล่ล่ากองทัพจากต่างแดน 35 พวกผู้หญิงได้รับคนของพวกนางซึ่งเป็นขึ้นจากตาย คนอื่นๆ ถูกทรมานและไม่ยอมรับการปลดปล่อยเพื่อจะได้การเป็นขึ้นจากตายที่ดียิ่งกว่า 36 บางคนถูกเย้ยเยาะโบยตี ขณะที่บางคนถูกตีตรวนและจำคุก 37 บางคนถูกขว้างด้วยก้อนหินจนตาย[f] บางคนถูกเลื่อยเป็นสองท่อน บางคนตายด้วยคมดาบ บางคนนุ่งห่มหนังแพะหนังแกะ สิ้นเนื้อประดาตัว ถูกข่มเหงและถูกย่ำยี 38 แผ่นดินโลกไม่ควรค่ากับคนเช่นนี้เลย พวกเขาร่อนเร่ไปตามถิ่นกันดาร ตามภูเขาต่างๆ หรือในถ้ำในโพรง

39 คนเหล่านี้ล้วนได้รับการยกย่องในความเชื่อของพวกเขา แต่ก็ยังไม่มีคนใดได้รับสิ่งที่ทรงสัญญาไว้ 40 พระเจ้าทรงวางแผนเตรียมสิ่งที่ดีกว่าไว้สำหรับเรา เพื่อพวกเขาจะได้รับความสมบูรณ์พร้อมร่วมกับเราทั้งหลายเท่านั้น

อาโมส 5

คร่ำครวญและเรียกให้กลับใจ

พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเถิด เราคร่ำครวญถึงเจ้าดังนี้

“อิสราเอลพรหมจารีล้มลงเสียแล้ว
จะไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย
ต้องถูกทอดทิ้งในดินแดนของเธอเอง
และไม่มีใครช่วยพยุงขึ้นมาเลย”

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า

“เมืองซึ่งส่งชายฉกรรจ์พันคนออกไปรบเพื่ออิสราเอล
จะเหลือกลับมาเพียงร้อยคน
ที่ส่งออกไปร้อยคน
จะเหลือกลับมาเพียงสิบคนเท่านั้น”

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอลว่า

“จงแสวงหาเรา และเจ้าจะมีชีวิตอยู่
อย่าแสวงหาเบธเอล
อย่าไปที่กิลกาล
อย่าเดินทางไปยังเบเออร์เชบา
เพราะกิลกาลจะต้องตกเป็นเชลยอย่างแน่นอน
และเบธเอลจะราบเป็นหน้ากลอง”[a]
จงแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้าและเจ้าจะมีชีวิตอยู่
มิฉะนั้นแล้วพระองค์จะทรงกวาดพงศ์พันธุ์โยเซฟไป
เหมือนไฟที่เผาผลาญ
และเบธเอลจะหาใครช่วยดับไฟไม่ได้เลย

เจ้าผู้แปรเปลี่ยนความยุติธรรมเป็นความขมขื่น
ผู้เหวี่ยงความชอบธรรมลงกับพื้น

(พระองค์ผู้ทรงสร้างดาวลูกไก่และดาวไถ
ผู้ทรงผันแปรความมืดให้กลายเป็นรุ่งอรุณ
และกลางวันให้กลายเป็นกลางคืนมืดมิด
ผู้ทรงเรียกน้ำทะเลมา
และเทน้ำรดผิวโลก
ทรงพระนามว่าพระยาห์เวห์
ผู้ทรงกระหน่ำหายนะลงเหนือที่มั่น
และให้เมืองป้อมปราการพังพินาศ)

10 เจ้าเกลียดคนที่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในศาล
และดูหมิ่นคนที่กล่าวความจริง

11 เจ้าเหยียบย่ำคนยากไร้
และรีดไถเอาเมล็ดข้าวจากเขา
ฉะนั้นถึงแม้เจ้าจะสร้างตึกศิลา
เจ้าก็จะไม่ได้อยู่อาศัย
ถึงแม้เจ้าปลูกสวนองุ่นงอกงาม
เจ้าก็จะไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่นนั้น
12 เพราะเรารู้ว่าเจ้าล่วงละเมิดมากมายเพียงใด
และบาปต่างๆ ของเจ้าใหญ่หลวงเพียงใด

เจ้ากดขี่ข่มเหงคนชอบธรรม เจ้ารับสินบน
ทั้งยังกีดกันความยุติธรรมจากคนยากไร้ในศาล
13 ฉะนั้นคนฉลาดก็นิ่งเสียในยามเช่นนี้
เพราะเป็นยุคแห่งความชั่วร้าย

14 จงแสวงหาความดี ไม่ใช่ความชั่ว
แล้วเจ้าจะมีชีวิตอยู่
แล้วพระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์จะอยู่กับเจ้า
เหมือนที่เจ้าพูดว่าพระองค์ทรงอยู่กับเจ้า
15 จงเกลียดความชั่ว รักความดี
จงผดุงความยุติธรรมในศาล
บางทีพระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์จะทรงเมตตา
คนที่เหลืออยู่ของโยเซฟ

16 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า

“ทุกถนนจะมีการร่ำไห้
ย่านชุมชนทุกแห่งจะมีเสียงร้องด้วยความทุกข์โศก
เขาจะเรียกชาวนามาร่วมกันร้องไห้
และเรียกคนที่ไว้ทุกข์มารวมกลุ่มกันร้องไห้คร่ำครวญ
17 จะมีการร้องไห้ในสวนองุ่นทุกแห่ง
เพราะเราจะผ่านไปท่ามกลางเจ้า”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น

วันแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า

18 วิบัติแก่เจ้า
ผู้ปรารถนาวันแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า!
เหตุใดเจ้าจึงปรารถนาวันแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า?
วันนั้นเป็นวันแห่งความมืด ไม่ใช่ความสว่าง
19 เหมือนคนหนีจากสิงโต
แล้วไปพบหมี
เหมือนเข้าไปในบ้าน
เอามือพิงผนัง
ก็ถูกงูกัดเอา
20 วันแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นวันมืดมน ไม่ใช่สว่าง
วันนั้นมืดมิด ไม่มีแสงสว่างเลยสักนิดไม่ใช่หรือ?

21 “เราเกลียด เราชิงชังเทศกาลทางศาสนาของเจ้า
เราเอือมการประชุมของพวกเจ้า
22 แม้เจ้าจะนำเครื่องเผาบูชาและเครื่องธัญบูชามาให้
เราก็จะไม่รับ
แม้เจ้านำเครื่องสันติบูชาอย่างดีมาให้
เราก็จะไม่แยแส
23 ยุติเสียงเพลงของเจ้าเถิด!
เราจะไม่ฟังเสียงบรรเลงพิณของเจ้า
24 แต่จงให้ความยุติธรรมหลั่งไหลมาเหมือนแม่น้ำ
ให้ความชอบธรรมเหมือนธารน้ำไหลไม่ขาดสาย

25 “พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย ตลอดสี่สิบปีในถิ่นกันดาร
เจ้าได้ถวายเครื่องบูชาและมอบของถวายแก่เราหรือ?
26 เจ้าตั้งสถานศักดิ์สิทธิ์ของกษัตริย์ของเจ้า
ฐานของรูปเคารพของเจ้า
ดวงดาวของเทพเจ้าของเจ้า[b]
ที่เจ้าทำขึ้นเพื่อตนเอง
27 ฉะนั้นเราจะส่งเจ้าไปเป็นเชลยในดินแดนที่ไกลจากดามัสกัสไปอีก”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระนามว่าพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ตรัสดังนั้น

ลูกา 1:1-38

บทนำ

หลายคนได้ประมวลเรื่องราวต่างๆ ที่ได้สำเร็จ[a]ท่ามกลางพวกเรา ตามที่สืบทอดมาถึงเราจากบรรดาผู้ที่ได้เห็นกับตาตั้งแต่ต้นและเป็นผู้รับใช้แห่งพระวจนะ เนื่องจากข้าพเจ้าเองได้สืบสวนทุกสิ่งอย่างถี่ถ้วนมาตั้งแต่ต้น จึงเห็นควรที่จะบันทึกสิ่งเหล่านี้ให้เป็นเรื่องเป็นราวเพื่อท่านเธโอฟีลัสที่เคารพยิ่ง จะได้ทราบแน่ชัดว่าเรื่องต่างๆ ที่เรียนรู้มานั้นจริงแท้แน่นอน

พยากรณ์ถึงการกำเนิดของยอห์นผู้ให้บัพติศมา

ในรัชสมัยของกษัตริย์เฮโรดแห่งยูเดียมีปุโรหิตคนหนึ่งชื่อเศคาริยาห์ อยู่ในสังกัดกองเวรปุโรหิตอาบียาห์ เอลีซาเบธภรรยาของเขาก็สืบเชื้อสายมาจากอาโรนด้วย ทั้งคู่เป็นคนชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้า ยึดถือบทบัญญัติและกฎเกณฑ์ทั้งปวงขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างไม่มีที่ติ แต่พวกเขาไม่มีบุตรเพราะเอลีซาเบธเป็นหมันและทั้งสองก็ชราแล้ว

ครั้งหนึ่งเมื่อกองเวรของเศคาริยาห์เข้าประจำการและเขากำลังปฏิบัติหน้าที่ปุโรหิตต่อหน้าพระเจ้า เขาได้รับเลือกโดยการจับฉลากตามธรรมเนียมของปุโรหิตที่จะเข้าไปเผาเครื่องหอมบูชาในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า 10 และเมื่อถึงเวลาเผาเครื่องหอม ผู้นมัสการทั้งปวงที่ชุมนุมกันก็กำลังอธิษฐานอยู่ข้างนอก

11 แล้วทูตองค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏแก่เขาโดยยืนอยู่ด้านขวาของแท่นเผาเครื่องหอม 12 เมื่อเศคาริยาห์เห็นก็ตกใจกลัว 13 แต่ทูตนั้นกล่าวกับเขาว่า “เศคาริยาห์เอ๋ย อย่ากลัวเลย พระเจ้าทรงได้ยินคำอธิษฐานของท่านแล้ว เอลีซาเบธภรรยาของท่านจะคลอดบุตรชาย จงตั้งชื่อเขาว่ายอห์น 14 เขาจะเป็นความชื่นชมยินดีและความสุขใจแก่ท่านและคนทั้งหลายจะปีติยินดีที่เขาเกิดมา 15 เพราะเขาจะยิ่งใหญ่ในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า เขาจะไม่ดื่มเหล้าองุ่นและของมึนเมาเลย และเขาจะเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ตั้งแต่เกิด[b] 16 เขาจะนำชนอิสราเอลมากมายกลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของพวกเขา 17 และเขาจะนำหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยจิตใจและฤทธิ์อำนาจของเอลียาห์ เพื่อให้จิตใจของบิดาหันมาหาบุตรและให้คนดื้อด้านหันมาสู่สติปัญญาของผู้ชอบธรรม เพื่อจัดเตรียมชนชาติหนึ่งไว้สำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า”

18 เศคาริยาห์ถามทูตนั้นว่า “ข้าพเจ้าจะแน่ใจในเรื่องนี้ได้อย่างไร? ตัวข้าพเจ้าก็ชราและภรรยาก็อายุมากแล้ว”

19 ทูตนั้นตอบว่า “เราคือกาเบรียล เรายืนอยู่ต่อหน้าพระเจ้า พระองค์ทรงใช้เรามาพูดกับท่านและให้มาบอกข่าวดีนี้แก่ท่าน 20 บัดนี้ท่านจะเป็นใบ้ตราบจนวันที่สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะท่านไม่เชื่อคำของเราซึ่งจะเป็นจริงเมื่อถึงเวลาที่กำหนด”

21 ขณะเดียวกันนั้นผู้คนกำลังรอเศคาริยาห์และสงสัยว่าทำไมเขาจึงอยู่ในพระวิหารนานนัก 22 เมื่อเขาออกมาก็พูดกับใครไม่ได้ และเนื่องจากเขาพยายามแสดงท่าทางต่างๆ แก่พวกเขาแต่ก็ยังคงพูดไม่ได้ คนทั้งหลายจึงตระหนักว่าเขาได้เห็นนิมิตในพระวิหาร

23 เมื่อเขาทำหน้าที่จนครบกำหนดเวลาแล้ว เขาก็กลับบ้าน 24 หลังจากนั้นเอลีซาเบธภรรยาของเขาตั้งครรภ์และเก็บตัวอยู่ห้าเดือน 25 นางกล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำการนี้เพื่อข้าพเจ้า บัดนี้พระองค์ทรงสำแดงความโปรดปรานและทรงขจัดความอดสูของข้าพเจ้าในหมู่ผู้คนไป”

พยากรณ์ถึงการประสูติของพระเยซู

26 ในเดือนที่หกพระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองนาซาเร็ธในแคว้นกาลิลี 27 ให้มาหาหญิงพรหมจารีชื่อมารีย์คู่หมั้นของโยเซฟผู้สืบเชื้อสายมาจากดาวิด 28 ทูตสวรรค์นั้นไปหามารีย์และกล่าวว่า “หญิงเอ๋ย พระเจ้าทรงโปรดปรานเธอยิ่งนัก! องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับเธอ”

29 มารีย์ฟังคำนี้แล้วก็วุ่นวายใจนักและสงสัยว่าการทักทายเช่นนี้หมายถึงอะไร 30 แต่ทูตนั้นกล่าวว่า “มารีย์เอ๋ย อย่ากลัวเลย เธอเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า 31 เธอจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย จงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าเยซู 32 พระองค์จะทรงยิ่งใหญ่และได้ชื่อว่าพระบุตรของพระเจ้าสูงสุด พระเจ้าจะประทานบัลลังก์ของดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์แก่พระองค์ 33 และพระองค์จะทรงครอบครองพงศ์พันธุ์ของยาโคบตลอดไป อาณาจักรของพระองค์จะไม่มีวันสิ้นสุดเลย”

34 มารีย์ถามทูตสวรรค์นั้นว่า “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรในเมื่อข้าพเจ้าเป็นสาวพรหมจารี?”

35 ทูตนั้นตอบว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จลงมาเหนือเธอและฤทธิ์อำนาจขององค์ผู้สูงสุดจะปกคลุมเธอ ดังนั้นองค์บริสุทธิ์ที่ประสูติมาจะได้ชื่อว่า พระบุตรของพระเจ้า[c] 36 แม้แต่เอลีซาเบธญาติของเธอยังจะได้บุตรชายทั้งๆ ที่ชราแล้ว และนางซึ่งใครๆ ว่าเป็นหมันก็ตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว 37 เพราะไม่มีสิ่งใดเป็นไปไม่ได้สำหรับพระเจ้า”

38 มารีย์กล่าวว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้เกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้าตามที่ท่านกล่าวเถิด” แล้วทูตสวรรค์นั้นก็จากนางไป

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.