M’Cheyne Bible Reading Plan
กองเวรเฝ้าประตู
26 สำหรับกองเวรเฝ้าประตู จากชาวโคราห์ได้แก่ เมเชเลมิยาห์บุตรของโคเร เชื้อสายของอาสาฟ 2 เมเชเลมิยาห์มีบุตรคือ เศคาริยาห์บุตรหัวปี เยดียาเอลคนที่สอง เศบาดิยาห์คนที่สาม ยาทนีเอลคนที่สี่ 3 เอลามคนที่ห้า เยโฮฮานันคนที่หก เอลีโฮเอนัยคนที่เจ็ด 4 โอเบดเอโดมมีบุตรคือ เชไมยาห์บุตรหัวปี เยโฮซาบาดคนที่สอง โยอาห์คนที่สาม สาคาร์คนที่สี่ เนธันเอลคนที่ห้า 5 อัมมีเอลคนที่หก อิสสาคาร์คนที่เจ็ด เปอุลเลธัยคนที่แปด เพราะว่าพระเจ้าอวยพรเขา 6 เชไมยาห์ผู้เป็นบุตรก็มีบุตรที่เกิดแก่เขาด้วย พวกเขาเป็นหัวหน้าตระกูล เพราะว่าเป็นผู้มีความสามารถมาก 7 เชไมยาห์มีบุตรชื่อ โอทนี เรฟาเอล โอเบด และเอลซาบาด เอลซาบาดมีพี่น้องที่มีความสามารถคือ เอลีฮู และเส-มาคิยาห์ 8 คนเหล่านี้เป็นลูกหลานและญาติพี่น้องของโอเบดเอโดม เป็นผู้มีคุณสมบัติในการปฏิบัติงาน เป็นเชื้อสายของโอเบดเอโดม 62 คน 9 เมเชเลมิยาห์มีบุตรและพี่น้องที่มีความสามารถ 18 คน 10 และโฮสาห์ชาวเมรารีมีบุตรชื่อ ชิมรีผู้เป็นหัวหน้า (แม้ว่าเขาไม่ใช่บุตรหัวปี บิดาของเขาก็ให้เป็นหัวหน้า) 11 ฮิลคียาห์คนที่สอง เทบาลิยาห์คนที่สาม เศคาริยาห์คนที่สี่ บุตรและพี่น้องของโฮสาห์ทั้งหมดมี 13 คน
12 คนเหล่านี้เป็นผู้นำกองเวรเฝ้าประตู มีหน้าที่ปฏิบัติงานในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า เช่นเดียวกับญาติพี่น้องของเขา 13 พวกเขาจับฉลากตามแต่ตระกูลว่าจะต้องประจำที่ประตูใด ทั้งผู้น้อยและผู้ใหญ่ 14 ฉลากตกเป็นของเชเลมิยาห์ที่เฝ้าทางด้านตะวันออก และเศคาริยาห์บุตรผู้ชาญฉลาดของเขาได้ฉลากที่ต้องเฝ้าทางด้านเหนือ 15 โอเบดเอโดมได้ฉลากที่ต้องเฝ้าทางด้านใต้ และบรรดาบุตรของเขาประจำอยู่ที่เรือนเก็บของ 16 ส่วนชุปปิมและโฮสาห์ได้ฉลากที่ต้องเฝ้าทางด้านตะวันตก ที่ประตูชัลเลเคททางถนนที่ขึ้นไป มียามเฝ้าต่อเนื่องกัน 17 ในแต่ละวันมีชาวเลวีเฝ้า 6 คนที่ทางด้านตะวันออก มี 4 คนเฝ้าที่ทางด้านเหนือ และ 4 คนเฝ้าที่ทางด้านใต้ ส่วนที่เรือนเก็บของให้เฝ้าครั้งละ 2 คน 18 สำหรับที่เฉลียงทางด้านตะวันตก มี 4 คนที่ถนน และ 2 คนที่เฉลียง 19 คนเหล่านี้เป็นกองเวรเฝ้าประตูที่เป็นชาวโคราห์และเมรารี
ผู้ดูแลคลังและเจ้าหน้าที่อื่นๆ
20 อาหิยาห์ชาวเลวีมีหน้าที่ดูแลคลังพระตำหนักของพระเจ้า และคลังเก็บสิ่งบริสุทธิ์ 21 ผู้สืบเชื้อสายของลาดานคือชาวเกอร์โชน ซึ่งมาจากลาดาน หัวหน้าตระกูลของลาดาน เป็นชาวเกอร์โชนคือเยฮีเอลี
22 เยฮีเอลีมีบุตรชื่อ เศธาม และโยเอลน้องชายของเขา มีหน้าที่ดูแลคลังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 23 จากชาวอัมราม ชาวอิสฮาร์ ชาวเฮโบรน และชาวอุสซีเอล 24 เชบูเอลบุตรของเกอร์โชมผู้เป็นบุตรของโมเสส เป็นหัวหน้าใหญ่ดูแลคลัง 25 ญาติพี่น้องเขามีดังต่อไปนี้ เอลีเอเซอร์มีบุตรชื่อ เรหับยาห์ เรหับยาห์มีบุตรชื่อเยชายาห์ เยชายาห์มีบุตรชื่อโยรัม โยรัมมีบุตรชื่อศิครี ศิครีมีบุตรชื่อเชโลโมท 26 เชโลโมทคนนี้และพี่น้องของเขามีหน้าที่ดูแลคลังทั้งหมดของสิ่งบริสุทธิ์ ที่กษัตริย์ดาวิดและบรรดาหัวหน้าตระกูล บรรดานายพันนายร้อย และผู้บัญชาการกองทัพได้มอบถวาย 27 พวกเขาได้มอบสิ่งบริสุทธิ์ที่ริบมาได้จากสงคราม เพื่อใช้ในการซ่อมแซมพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 28 อีกทั้งทุกสิ่งที่ซามูเอลผู้รู้ และซาอูลบุตรของคีช และอับเนอร์บุตรของเนอร์ และโยอาบบุตรของนางเศรุยาห์ได้มอบถวาย สิ่งบริสุทธิ์ทั้งสิ้นที่มอบถวายแล้วอยู่ในการดูแลของเชโลโมทและพี่น้องของเขา
29 จากชาวอิสฮาร์คือ เคนานิยาห์และบุตรของเขาได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ภายนอกสำหรับอิสราเอล ให้เป็นเจ้าหน้าที่และเป็นผู้วินิจฉัย 30 จากชาวเฮโบรน ฮาชาบิยาห์ และพี่น้องของเขา รวมเป็น 1,700 คนที่มีความสามารถ เป็นผู้ดูแลอิสราเอลที่ทางด้านตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน ในเรื่องงานทั้งสิ้นของพระผู้เป็นเจ้า และงานรับใช้กษัตริย์ 31 จากชาวเฮโบรน ก็มีเยรียาห์ผู้เป็นหัวหน้าของชาวเฮโบรน ตามบันทึกลำดับเชื้อสายของตระกูล (ในปีที่สี่สิบของรัชสมัยของดาวิด มีการเสาะหาชายที่มีความสามารถมาก และพบเขาเหล่านั้นที่ยาเซอร์ในกิเลอาด) 32 กษัตริย์ดาวิดแต่งตั้งเยรียาห์และญาติพี่น้องจำนวน 2,700 คนที่มีความสามารถและเป็นหัวหน้าตระกูล ให้เป็นผู้ควบคุมชาวรูเบน ชาวกาด และครึ่งเผ่าของมนัสเสห์ ในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้า และกิจการของกษัตริย์
กองเวร
27 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อชาวอิสราเอล บรรดาหัวหน้าตระกูล บรรดาผู้บัญชาการนายพันนายร้อย และเจ้าหน้าที่รับใช้กษัตริย์ ในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกองเวรประจำหน้าที่ แต่ละเดือนตลอดทั้งปี แต่ละกองเวรมี 24,000 คน
2 ยาโชเบอัมบุตรของศับดีเอลมีหน้าที่ดูแลกองเวรที่หนึ่งในเดือนที่หนึ่ง กลุ่มเวรของเขามี 24,000 คน 3 เขาสืบเชื้อสายมาจากเปเรศ และเป็นหัวหน้าผู้บัญชาการทั้งปวง เขารับใช้ในเดือนที่หนึ่ง 4 โดดัยชาวอาโคคมีหน้าที่ดูแลกองเวรในเดือนที่สอง กลุ่มเวรของเขามี 24,000 คน 5 ผู้บัญชาการคนที่สามสำหรับเดือนที่สาม คือเบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดามหาปุโรหิต กลุ่มเวรของเขามี 24,000 คน 6 เบไนยาห์ผู้นี้ที่เป็นทหารกล้าในหมู่ทหารทั้งสามสิบ และควบคุมทหารทั้งสามสิบ อัมมีซาบาดบุตรของเขาเป็นผู้ดูแลกองเวรของเขา 7 อาสาเฮลน้องชายของโยอาบเป็นกองเวรที่สี่ ในเดือนที่สี่ และเศบาดิยาห์บุตรของเขาดูแลต่อจากเขา กลุ่มเวรของเขามี 24,000 คน 8 ผู้บัญชาการคนที่ห้าสำหรับเดือนที่ห้า คือชัมหุทชาวอิสราห์ กลุ่มเวรของเขามี 24,000 คน 9 กลุ่มเวรที่หกสำหรับเดือนที่หก คืออิราบุตรของอิกเขชชาวเทโคอา กลุ่มเวรของเขามี 24,000 คน 10 กลุ่มเวรที่เจ็ดสำหรับเดือนที่เจ็ด คือเฮเลสชาวเปโลนจากพงศ์พันธุ์ของเอฟราอิม กลุ่มเวรของเขามี 24,000 คน 11 กลุ่มเวรที่แปดสำหรับเดือนที่แปด คือสิบเบคัยชาวหุชาห์จากชาวเศรัค กลุ่มเวรของเขามี 24,000 คน 12 กลุ่มเวรที่เก้าสำหรับเดือนที่เก้า คืออาบีเอเซอร์แห่งอานาโธทจากชาวเบนยามิน กลุ่มเวรของเขามี 24,000 คน 13 กลุ่มเวรที่สิบสำหรับเดือนที่สิบ คือมาหะรัยแห่งเนโทฟาห์จากชาวเศรัค กลุ่มเวรของเขามี 24,000 คน 14 กลุ่มเวรที่สิบเอ็ดสำหรับเดือนที่สิบเอ็ด คือเบไนยาห์แห่งปิราโธนจากพงศ์พันธุ์ของเอฟราอิม กลุ่มเวรของเขามี 24,000 คน 15 กลุ่มเวรที่สิบสองสำหรับเดือนที่สิบสอง คือเฮลดัยชาวเนโทฟาห์จากพงศ์พันธุ์ของโอทนีเอล กลุ่มเวรของเขามี 24,000 คน
บรรดาผู้นำของเผ่า
16 บรรดาผู้นำเผ่าของอิสราเอลได้แก่ ชาวรูเบนมีเอลีเอเซอร์บุตรศิครีเป็นหัวหน้าใหญ่ ชาวสิเมโอนมีเชฟาทิยาห์บุตรมาอาคาห์เป็นหัวหน้า 17 ชาวเลวีมีฮาชาบิยาห์บุตรเคมูเอล อาโรนมีศาโดกเป็นหัวหน้า 18 ยูดาห์มีเอลีฮู พี่ชายคนหนึ่งของดาวิดเป็นหัวหน้า อิสสาคาร์มีอมรีบุตรมีคาเอลเป็นหัวหน้า 19 เศบูลุนมีอิชมัยยาห์บุตรโอบาดีห์เป็นหัวหน้า นัฟทาลีมีเยรีโมทบุตรอัสรีเอลเป็นหัวหน้า 20 ชาวเอฟราอิมมีโฮเชยาบุตรอาซัซยาห์เป็นหัวหน้า ครึ่งเผ่าของมนัสเสห์มีโยเอลบุตรเปดายาห์เป็นหัวหน้า 21 ครึ่งเผ่าของมนัสเสห์ในกิเลอาดมีอิดโดบุตรเศคาริยาห์เป็นหัวหน้า เบนยามินมียาอาซีเอลบุตรอับเนอร์เป็นหัวหน้า 22 ดานมีอาซาร์เอลบุตรเยโรฮัมเป็นหัวหน้า คนเหล่านี้เป็นผู้นำของเผ่าต่างๆ ของอิสราเอล 23 ดาวิดไม่ได้นับผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าสัญญาว่าจะให้อิสราเอลมีคนจำนวนมากมายเท่ากับดวงดาวในฟ้าสวรรค์[a] 24 โยอาบบุตรของนางเศรุยาห์เริ่มนับ แต่เขานับยังไม่ครบ เพราะว่าพระเจ้าโกรธอิสราเอลในเรื่องนี้ และจำนวนที่นับก็ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือแห่งพงศาวดารของกษัตริย์ดาวิด
25 อัสมาเวทบุตรของอาดีเอลเป็นผู้ดูแลคลังของกษัตริย์ และโยนาธานบุตรของอุสซียาห์ดูแลคลังที่นอกเมือง ในเมืองต่างๆ ในหมู่บ้าน และที่หอคอยยืนยาม 26 เอสะรีบุตรเคลูบดูแลบรรดาผู้ทำไร่พรวนดิน 27 ชิเมอีชาวรามาห์ดูแลไร่องุ่น ศับดีชาวชิฟามดูแลผลิตผลที่ไร่องุ่นสำหรับห้องเก็บเหล้าองุ่น 28 บาอัลฮานานชาวเกเดอร์ดูแลต้นมะกอกและต้นมะเดื่อในที่ลุ่ม โยอาชดูแลคลังน้ำมัน 29 ชิตรัยชาวชาโรนดูแลฝูงโคที่เล็มหญ้าอยู่ในชาโรน ชาฟัทบุตรของอัดลัยดูแลฝูงโคในหุบเขา 30 โอบิลชาวอิชมาเอลดูแลอูฐ เยดายาห์ชาวเมโรโนทดูแลลาตัวเมีย ยาซีสชาวฮาการ์ดูแลฝูงแพะแกะ 31 คนเหล่านี้เป็นผู้ดูแลสมบัติของกษัตริย์ดาวิด
32 โยนาธานลุงของดาวิดเป็นที่ปรึกษา เป็นคนที่มีความเข้าใจและเป็นผู้คัดลอกข้อความ โยนาธานและเยฮีเอลบุตรฮัคโมนีเป็นผู้เลี้ยงดูบรรดาบุตรของกษัตริย์ 33 อาหิโธเฟลเป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์ หุชัยชาวอาร์คีเป็นสหายของกษัตริย์ 34 เยโฮยาดาบุตรเบไนยาห์ และอาบียาธาร์เป็นผู้รับหน้าที่ต่อจากอาหิโธเฟล โยอาบเป็นผู้บังคับกองพันทหารของกษัตริย์
การทักทายของเปโตร
1 ข้าพเจ้าซีโมนเปโตรผู้รับใช้และอัครทูตของพระเยซูคริสต์
เรียน บรรดาผู้ได้รับความเชื่ออันล้ำค่า ซึ่งเท่าเทียมกับความเชื่อของเราโดยความชอบธรรมของพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นพระเจ้าและองค์ผู้ช่วยให้รอดพ้นของเรา
2 ขอพระคุณและสันติสุขจงมีแก่ท่านอย่างเต็มเปี่ยมโดยที่ท่านรู้จักพระเจ้า และพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
พระเจ้าเป็นผู้เรียกและผู้เลือก
3 ฤทธานุภาพของพระองค์ได้ให้ทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิต ซึ่งดำเนินตามวิถีทางของพระเจ้าโดยที่เรารู้จักพระองค์ พระองค์เรียกเราก็เพราะพระบารมีและคุณธรรมของพระองค์ 4 และผลที่ได้คือ พระองค์ได้ให้พระสัญญาอันล้ำค่าและยิ่งใหญ่ เพื่อให้ท่านได้มีส่วนร่วมในการปฏิบัติตามคุณลักษณะของพระเจ้า และพ้นจากความเสื่อมทรามที่มีอยู่ในโลกอันเกิดจากกิเลสต่างๆ 5 เพราะเหตุนี้เองท่านจงบากบั่นเอาคุณธรรมผนวกไปกับความเชื่อ เอาความรู้ผนวกไปกับคุณธรรม 6 เอาการควบคุมตนเองผนวกไปกับความรู้ เอาความบากบั่นผนวกไปกับการควบคุมตนเอง เอาการปฏิบัติตามทางของพระเจ้าผนวกไปกับความบากบั่น 7 เอาความกรุณาฉันพี่น้องผนวกไปกับการปฏิบัติตามทางของพระเจ้า และเอาความรักผนวกไปกับความกรุณาฉันพี่น้อง 8 ถ้าท่านมีคุณสมบัติเหล่านี้อย่างเพิ่มพูน ก็จะบังเกิดประโยชน์และให้ผลดีแก่ท่านโดยที่รู้จักพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา 9 แต่คนที่ไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้เป็นคนตาบอดตาสั้น และลืมว่าเขาได้รับการชำระล้างบาปที่ทำมาแต่ก่อน 10 ฉะนั้นพี่น้องของข้าพเจ้าจงกระตือรือร้นให้มากยิ่งขึ้นในการปฏิบัติตน ให้สมกับที่พระเจ้าได้เรียกและเลือกท่าน เพราะถ้าท่านประพฤติตามสิ่งเหล่านี้แล้ว ท่านจะไม่มีวันพลาด 11 และท่านจะมีสิทธิ์อย่างบริบูรณ์ ที่จะเข้าสู่อาณาจักรอันเป็นนิรันดร์ของพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นพระผู้เป็นเจ้าและองค์ผู้ช่วยให้รอดพ้นของเรา
มั่นใจในคำกล่าว
12 ดังนั้นข้าพเจ้ายังจะตักเตือนท่านถึงสิ่งเหล่านี้เสมอ แม้ว่าท่านจะทราบและมีความมั่นคงในความจริงที่ท่านได้รับแล้วก็ตาม 13 ข้าพเจ้าคิดว่าสมควรอย่างยิ่งที่จะเตือนความจำท่าน ตราบที่ข้าพเจ้ายังอยู่ในร่างกาย[a]นี้ 14 เพราะข้าพเจ้าทราบว่าอีกไม่ช้าข้าพเจ้าจะต้องจากร่างกายนี้ไป ตามที่พระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้แสดงให้ข้าพเจ้าเห็นอย่างชัดเจน 15 และข้าพเจ้าจะพยายามทุกวิถีทาง เพื่อว่าหลังจากที่ข้าพเจ้าจากไปแล้ว ท่านก็จะยังนึกถึงสิ่งเหล่านี้ได้
16 เมื่อเราบอกท่านเกี่ยวกับอานุภาพและการมาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พวกเราไม่ได้กล่าวคล้อยตามไปกับนิยายต่างๆ ที่มีคนแต่งขึ้นอย่างชาญฉลาด แต่เรารู้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระองค์มาแต่แรกเอง 17 เพราะพระองค์ได้รับพระเกียรติและพระบารมีจากพระเจ้า ผู้เป็นพระบิดา เมื่อมีเสียงจากพระบารมีอันยิ่งใหญ่กล่าวกับพระองค์ว่า “ผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา คือผู้ที่เราพอใจมาก”[b] 18 พวกเราเองได้ยินเสียงนั้นจากสวรรค์ ในเวลาที่เราอยู่กับพระองค์บนภูเขาอันบริสุทธิ์ 19 และพวกเรามีความมั่นใจยิ่งขึ้นในคำที่เหล่าผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าได้กล่าวไว้ และจะเป็นการดีที่ท่านเอาใจใส่ต่อคำประกาศนั้น เพราะเป็นเสมือนแสงที่ส่องทอในที่มืด จนกว่ารุ่งอรุณและดาวประกายพรึกจะปรากฏขึ้นในใจของท่าน 20 สิ่งแรกที่ท่านควรเข้าใจคือ ไม่มีคำกล่าวอันใดของพระเจ้าที่เผยไว้ในพระคัมภีร์ซึ่งผู้เผยคำกล่าวจะตีความหมายเอง 21 เพราะว่าการเผยคำกล่าวของพระเจ้าไม่เคยเกิดขึ้นจากความประสงค์ของมนุษย์ แต่มวลมนุษย์กล่าวคำประกาศที่มาจากพระเจ้า และดลใจโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์
ภูเขาของพระผู้เป็นเจ้า
4 เมื่อถึงช่วงเวลาแห่งวาระสุดท้าย
ภูเขาของพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า
จะได้รับการสถาปนาเป็นภูเขาสูงที่สุดในบรรดาเทือกเขาทั้งหลาย
และจะถูกยกขึ้นอยู่เหนือเนินเขาทั้งปวง
และบรรดาชนชาติจะพากันหลั่งไหลเข้าไป
2 ประชาชาติจำนวนมากจะมาและพูดว่า
“มาเถิด เราขึ้นไปยังภูเขาของพระผู้เป็นเจ้า
ไปยังพระตำหนักของพระเจ้าของยาโคบกันเถิด
เพื่อให้พระองค์สอนวิถีทางของพระองค์ให้แก่พวกเรา
และเพื่อพวกเราจะดำเนินในทางของพระองค์”
เพราะกฎบัญญัติจะออกมาจากศิโยน
และคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าจะมาจากเยรูซาเล็ม
3 พระองค์จะตัดสินความระหว่างชนชาติจำนวนมาก
และจะตัดสินการโต้แย้งให้กับบรรดาประชาชาติที่แข็งแกร่งที่อยู่ห่างไกล
และพวกเขาจะตีดาบให้เป็นใบมีดคันไถ
และตีหอกให้เป็นขอเกี่ยวสำหรับลิดกิ่งไม้
ประชาชาติจะไม่ใช้ดาบต่อสู้กัน
และพวกเขาจะไม่ศึกษาเรื่องการสู้รบอีกต่อไป
4 ผู้ชายแต่ละคนจะนั่งอยู่ใต้ซุ้มองุ่นและใต้ต้นมะเดื่อของตน
จะไม่มีผู้ใดทำให้พวกเขาหวาดกลัว
เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวดังนั้นแล้ว
5 ชนชาติทั้งปวงดำเนินชีวิต
ในนามของปวงเทพเจ้าของพวกเขา
แต่พวกเราจะดำเนินชีวิตในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา
จนชั่วกัปชั่วกัลป์
พระผู้เป็นเจ้าจะช่วยศิโยนให้รอด
6 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้
“ในวันนั้นเราจะเรียกประชุมคนง่อย
และรวบรวมบรรดาผู้ที่ถูกขับไล่
และบรรดาผู้ที่เราได้ทำให้รับทุกข์
7 เราจะทำให้คนง่อยเป็นผู้ที่เหลืออยู่
และบรรดาผู้ที่ถูกขับไล่เป็นประชาชาติที่แข็งแกร่ง
และพระผู้เป็นเจ้าจะปกครองพวกเขาที่ภูเขาศิโยน
ตั้งแต่บัดนี้จนชั่วกัปชั่วกัลป์
8 สำหรับเจ้า โอ หอคอยของฝูงแกะ
เนินเขาของธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย
การปกครองแบบที่เคยเป็นจะกลับมา
อาณาจักรสำหรับธิดาแห่งเยรูซาเล็มจะกลับมาสู่เจ้า”
9 ทำไมท่านจึงร้องเสียงดังในเวลานี้
ท่านไม่มีกษัตริย์หรือ
ที่ปรึกษาของท่านเสียชีวิตไปแล้วหรือ
ท่านเจ็บปวดดั่งผู้หญิงในยามคลอดลูก
10 ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงบิดด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
และโอดครวญดั่งผู้หญิงในยามคลอดลูก
เพราะบัดนี้ ท่านจะออกไปจากเมือง
และอาศัยอยู่ในที่โล่งแจ้ง
ท่านจะไปยังบาบิโลน
ที่นั่นท่านจะได้รับความปลอดภัย
ที่นั่นพระผู้เป็นเจ้าจะไถ่ท่านให้พ้นจากมือของศัตรู
11 แต่ในเวลานี้ ประชาชาติจำนวนมาก
มาร่วมกันโจมตีท่าน พวกเขาพูดว่า
“เราไปทำให้เมืองเป็นมลทินกันเถิด
และมองดูศิโยนอย่างสะใจ”
12 แต่พวกเขาไม่ทราบความคิดของพระผู้เป็นเจ้า
พวกเขาไม่เข้าใจแผนการของพระองค์
พระองค์ได้รวบรวมพวกเขา
อย่างฟ่อนข้าวไปที่ลานนวดข้าว
13 “โอ ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย
จงลุกขึ้นและเหยียบย่ำเถิด
เพราะเราจะทำให้เขาของเจ้าแกร่งดั่งเหล็กกล้า
และเราจะทำให้กีบเท้าของเจ้าเป็นดั่งทองสัมฤทธิ์
เจ้าจะโจมตีชนชาติจำนวนมากให้แหลก”
และท่านจะมอบสิ่งที่พวกเขาริบไปเพื่อถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า
มอบสมบัติมหาศาลของพวกเขาให้แด่พระผู้เป็นเจ้าแห่งโลกทั้งโลก
หากไม่กลับใจก็จะพินาศ
13 ในขณะนั้นมีคนบอกพระเยซูเรื่องที่ปีลาตใช้โลหิตของชาวกาลิลีผสมกับเครื่องสักการะ 2 พระเยซูตอบว่า “ท่านคิดว่าชาวกาลิลีพวกนี้เป็นคนบาปหนายิ่งกว่าชาวกาลิลีอื่นๆ จึงได้รับความทุกข์ทรมานขนาดนี้หรือ 3 เราขอบอกท่านว่า ไม่ใช่ หากว่าท่านไม่กลับใจ ท่านเองก็จะพินาศไปด้วย 4 ส่วนผู้ที่เสียชีวิตทั้ง 18 คนเพราะถูกหอคอยที่สิโลอัมล้มทับตายนั้น ท่านคิดว่าพวกเขาผิดบาปมากกว่าคนอื่นๆ ที่ยังอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มหรือ 5 เราขอบอกท่านว่า ไม่ใช่ ถ้าท่านไม่กลับใจ พวกท่านก็จะพินาศไปด้วย”
6 แล้วพระองค์กล่าวเป็นอุปมาว่า “ชายผู้หนึ่งปลูกต้นมะเดื่อไว้ในสวนองุ่น เมื่อไปหาลูกมะเดื่อ กลับไม่พบ 7 เขาจึงพูดกับคนดูแลสวนองุ่นว่า ‘สามปีแล้วที่เรามามองหาลูกมะเดื่อที่ต้นนี้แต่ไม่เห็นเลย ตัดมันทิ้งเสียเถิด ให้มันใช้ดินโดยเปล่าประโยชน์ทำไม’ 8 คนสวนตอบว่า ‘นายท่าน ปล่อยมันไว้อีก 1 ปีเถิด จะพรวนดินรอบๆ ต้น และลงปุ๋ยให้ 9 ถ้าปีหน้ามันให้ผล ก็ดีไป ถ้าไม่ ก็ตัดมันทิ้งเสีย’”
รักษาหญิงง่อยในวันสะบาโต
10 ในวันสะบาโต ขณะที่พระเยซูสอนในศาลาที่ประชุมแห่งหนึ่ง 11 มีหญิงผู้หนึ่งมีวิญญาณง่อยสิงอยู่ 18 ปี ทำให้นางหลังค่อม และไม่อาจยืนตัวตรงได้ 12 เมื่อพระเยซูเห็นเธอ ก็เรียกให้มาหาและกล่าวว่า “หญิงเอ๋ย เจ้าพ้นจากโรคของเจ้าแล้ว” 13 แล้ววางมือทั้งสองบนตัวหญิงนั้น ทันใดนั้นเธอก็ยืนตัวตรงได้ พลางกล่าวสรรเสริญพระเจ้า 14 ด้วยเหตุว่าพระเยซูได้รักษาคนในวันสะบาโต ผู้อยู่ในระดับปกครองศาลาที่ประชุมโกรธจึงพูดกับประชาชนว่า “มีวันสำหรับทำงานอยู่ 6 วัน จงมารับการรักษาในวันทำงาน ไม่ใช่ในวันสะบาโต” 15 พระเยซูเจ้าตอบเขาว่า “พวกหน้าไหว้หลังหลอก พวกท่านเองแต่ละคนไม่ได้ปล่อยโคหรือลาออกจากคอก แล้วพาไปกินน้ำในวันสะบาโตหรอกหรือ 16 แล้วหญิงคนนี้ซึ่งเป็นลูกสาวคนหนึ่งของอับราฮัมที่ซาตานได้ครอบงำเป็นเวลายาวนานถึง 18 ปี ไม่ควรหรือที่เธอจะได้รับการปลดปล่อยในวันสะบาโต” 17 เมื่อพระองค์กล่าวดังนี้ ผู้ต่อต้านจึงเสียหน้า ขณะที่ผู้คนกลับยินดียิ่งที่พระองค์ทำสิ่งประเสริฐ
อุปมาเรื่องเมล็ดพันธุ์จิ๋ว และเชื้อยีสต์
18 แล้วพระเยซูถามว่า “อาณาจักรของพระเจ้าเป็นอย่างไร แล้วเราจะเปรียบเทียบกับสิ่งใดดีหนอ 19 ก็เสมือนกับเมล็ดพันธุ์จิ๋วที่ชายคนหนึ่งเอาไปปลูกในสวนของเขา เมล็ดพืชเติบโตขึ้นจนกลายเป็นต้นไม้ ฝูงนกจึงเข้าพักพิงอาศัยได้ตามกิ่งของมัน”
20 แล้วพระองค์ถามอีกว่า “เราจะเปรียบเทียบอาณาจักรของพระเจ้ากับสิ่งใด 21 ก็เปรียบเสมือนเชื้อยีสต์ที่หญิงคนหนึ่งเอาไปผสมในแป้ง 3 ถังจนแป้งขึ้นฟูทั้งหมด”
ประตูแคบ
22 แล้วพระเยซูออกไปตามเมืองและหมู่บ้านต่างๆ เพื่อสั่งสอน ขณะที่พระองค์เดินทางไปยังเมืองเยรูซาเล็ม 23 ได้มีคนถามว่า “พระองค์ท่าน คนจำนวนน้อยนิดเท่านั้นหรือที่จะรอดพ้น” พระองค์ตอบพวกเขาว่า 24 “จงบากบั่นเพื่อจะผ่านเข้าประตูแคบ เราขอบอกท่านทั้งหลายว่า มีคนมากมายที่พยายามจะผ่านเข้าและไม่สามารถเข้าได้ 25 เมื่อเจ้าของบ้านลุกขึ้นและปิดประตู ท่านได้เพียงยืนอยู่ข้างนอก ทั้งเคาะและอ้อนวอนว่า ‘นายท่าน ช่วยเปิดประตูให้พวกเราด้วย’ แต่เขาจะตอบว่า ‘เราไม่รู้จักเจ้า และไม่รู้ว่าเจ้ามาจากไหน’ 26 แล้วท่านจะพูดว่า ‘พวกเราดื่มกินอยู่กับท่าน และท่านได้สั่งสอนที่ถนนของพวกเรา’ 27 เขาตอบว่า ‘เราไม่รู้จักเจ้า และไม่รู้ว่าเจ้ามาจากไหน ไปเสียให้พ้นหน้าเรา เจ้าคนทำชั่ว’ 28 ณ ที่นั้นจะมีการร่ำไห้และการขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เมื่อท่านเห็นอับราฮัม อิสอัค ยาโคบ และบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าทุกท่านอยู่ในอาณาจักรของพระเจ้า ขณะที่พวกท่านกลับถูกโยนออกมา 29 ผู้คนจะมาจากทั่วทุกสารทิศเพื่อเอนกายลงรับประทานอาหารในอาณาจักรของพระเจ้า 30 จงดูเถิด มีบางคนที่เป็นคนสุดท้ายซึ่งจะเป็นคนแรก และคนแรกจะเป็นคนสุดท้าย”
พระเยซูอยากจะปกป้องเยรูซาเล็ม
31 ในเวลานั้นบางคนในกลุ่มฟาริสีได้พูดกับพระเยซูว่า “จงออกไปจากที่นี่เถิด เฮโรดต้องการประหารชีวิตท่าน” 32 พระองค์ตอบว่า “จงไปบอกเจ้าสุนัขจิ้งจอกนั้นว่า ‘เราจะขับไล่มารทั้งหลาย และรักษาผู้คนในวันนี้และพรุ่งนี้ และในวันที่สามเราจะบรรลุผลดังที่เราคาดหมายไว้’ 33 อย่างไรก็ตาม เราต้องก้าวไปในวันนี้ พรุ่งนี้ และวันรุ่งขึ้น เพราะว่าผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าจะตายนอกเมืองเยรูซาเล็มไม่ได้แน่ 34 โอ เยรูซาเล็ม เยรูซาเล็มเอ๋ย เจ้าได้ฆ่าบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า และได้เอาหินขว้างผู้ที่พระเจ้าส่งมาให้เจ้า หลายต่อหลายครั้งที่เราอยากจะปกป้องลูกๆ ของเจ้าไว้เหมือนกับแม่ไก่โอบลูกไก่ไว้ใต้ปีก พวกเจ้านั่นแหละที่ไม่ยินยอม 35 ดูเถิด บ้านของเจ้าถูกทิ้งร้างไว้ เราขอบอกว่า เจ้าจะไม่เห็นเราจนกว่าเจ้าจะพูดว่า ‘ขอพระองค์ผู้มาในพระนามของพระผู้เป็นเจ้าจงเป็นสุขเถิด’”[a]
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation