อพยพ 32
Thai New Testament: Easy-to-Read Version
ลูกวัวทองคำ
(ฉธบ. 9:6-29)
32 เมื่อประชาชนเห็นว่าโมเสสขึ้นไปบนภูเขานาน ไม่ยอมลงมาสักที พวกเขาจึงพากันไปหาอาโรน และพูดว่า “ลุกขึ้นมาสร้างพระต่างๆให้กับพวกเราหน่อย เพื่อพระพวกนั้นจะได้มานำหน้าพวกเรา เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโมเสส ชายคนที่นำพวกเราออกมาจากแผ่นดินอียิปต์”
2 อาโรนพูดกับพวกเขาว่า “ไปถอดต่างหูทองคำ จากหูของเมียพวกท่าน จากลูกชายและลูกสาวของพวกท่าน และเอามาให้เรา”
3 ดังนั้น ประชาชนจึงถอดต่างหูทองคำออก และเอามาให้อาโรน
4 อาโรนก็รับทองคำจากมือของพวกเขา แล้วเอาเครื่องมือมาตีทองที่หลอมแล้วนั้นขึ้นเป็นลูกวัว
พวกเขาพูดว่า “ชาวอิสราเอลทั้งหลาย นี่คือพวกพระของพวกท่าน ผู้ที่นำพวกท่านออกมาจากแผ่นดินอียิปต์”
5 เมื่ออาโรนเห็นเข้า เขาก็สร้างแท่นบูชาไว้ตรงหน้าลูกวัวตัวนั้น อาโรนประกาศว่า “พรุ่งนี้จะมีงานเทศกาลเฉลิมฉลองพระยาห์เวห์”
6 วันรุ่งขึ้นประชาชนก็ลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ และถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสังสรรค์บูชา แล้วพวกเขาก็นั่งลงดื่มกิน และลุกขึ้นร้องรำกันอย่างสนุกสนาน
7 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ลงไปได้แล้ว ตอนนี้คนของเจ้า ที่เจ้าได้พาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์นั้น กำลังทำตัวเสื่อมเสีย 8 พวกเขาได้หันไปจากทางที่เราได้สั่งพวกเขาไว้ พวกเขาได้หล่อลูกวัวขึ้นมาสำหรับตัวพวกเขาเอง พวกเขาได้กราบไหว้มัน และถวายเครื่องบูชาให้กับมัน พวกเขายังพูดอีกว่า ‘ชาวอิสราเอลทั้งหลาย นี่คือพวกพระของพวกท่าน ที่ได้นำพวกท่านออกมาจากแผ่นดินอียิปต์’”
9 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “เราได้เห็นชนชาตินี้แล้ว มันดื้อดึงเหลือเกิน 10 ตอนนี้ อย่ามายุ่งกับเรา เพื่อความโกรธของเราจะได้เผาผลาญกลืนกินพวกมันจนหมด แล้วเราจะสร้างเจ้าขึ้นมาเป็นชนชาติใหม่”
11 โมเสสได้อ้อนวอนพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ อย่าปล่อยให้ความโกรธของพระองค์ เผาผลาญประชาชนของพระองค์เลย พระองค์เป็นผู้ที่พาคนพวกนี้ออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่และมือของพระองค์ที่ยื่นออกมาช่วย 12 พระองค์จะทำให้ชาวอียิปต์พูดได้ว่า ‘พระยาห์เวห์มีแผนชั่วในใจ ถึงได้พาชาวอิสราเอลออกมา เพื่อพระองค์จะได้ฆ่าพวกเขาที่ภูเขาและทำลายพวกเขาให้หมดสิ้นไปจากโลกนี้’ ขอให้หันจากความเกรี้ยวโกรธของพระองค์ด้วยเถิด และขอให้พระองค์เปลี่ยนใจ อย่าได้ทำสิ่งที่เลวร้ายกับประชาชนของพระองค์เลย 13 ขอให้พระองค์ระลึกถึงอับราฮัม อิสอัค และอิสราเอล พวกผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์ได้สาบานไว้กับพวกเขาโดยอ้างชื่อของพระองค์เองว่า ‘เราจะทำให้ลูกหลานของพวกเจ้าเพิ่มทวี อย่างกับดวงดาวบนท้องฟ้า และเราได้สัญญาว่าเราจะยกแผ่นดินทั้งหมดนี้ให้กับลูกหลานของพวกเจ้า และพวกเขาจะได้ครอบครองมันตลอดไป’”
14 แล้วพระยาห์เวห์ก็เปลี่ยนใจ เกี่ยวกับเรื่องเลวร้ายที่พระองค์บอกว่าจะทำกับประชาชนของพระองค์
15 แล้วโมเสสก็กลับลงมาจากภูเขา พร้อมกับถือแผ่นหินแห่งข้อตกลงสองแผ่นที่มีคำสั่ง[a] เขียนอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง 16 แผ่นหินนั้นเป็นผลงานของพระเจ้า ตัวหนังสือบนแผ่นหินก็เป็นลายมือของพระเจ้า สลักอยู่บนแผ่นหินทั้งสองนั้น
17 เมื่อโยชูวาได้ยินเสียงร้องตะโกนของประชาชน เขาจึงพูดกับโมเสสว่า “มีเสียงของสงครามอยู่ในค่าย”
18 โมเสสตอบว่า “เสียงที่เราได้ยินนั้น มันไม่ใช่เสียงร้องตะโกนแห่งชัยชนะหรือพ่ายแพ้ แต่เป็นเสียงร้องเพลง”
19 เมื่อโมเสสเข้ามาใกล้ค่าย เขาก็เห็นลูกวัวทองคำและการร้องรำทำเพลง โมเสสก็โกรธมาก จึงขว้างหินทั้งสองแผ่นนั้นจากมือ ทำให้มันแตกเป็นชิ้นๆอยู่ที่ตีนเขานั้น 20 แล้วโมเสสก็เอาลูกวัว ที่ประชาชนสร้างขึ้นมา เผาไฟ และบดจนเป็นผง แล้วโปรยลงในน้ำ และบังคับให้ประชาชนชาวอิสราเอลดื่มมัน
21 โมเสสพูดกับอาโรนว่า “คนพวกนี้ไปทำอะไรให้กับพี่หรือ พี่ถึงได้นำพวกเขาไปทำบาปอันยิ่งใหญ่มหาศาลนี้”
22 อาโรนตอบว่า “ขอเจ้านาย อย่าได้โกรธเลย ท่านก็รู้จักคนพวกนี้ดีอยู่แล้ว มันมีใจเอนเอียงที่จะทำชั่วอยู่แล้ว 23 พวกเขามาพูดกับผมว่า ‘สร้างพวกพระขึ้นมาให้กับเรา เพื่อมันจะได้นำหน้าพวกเราไป เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโมเสส ชายคนที่นำพวกเราออกมาจากแผ่นดินอียิปต์’ 24 ผมก็เลยบอกกับพวกเขาว่า ‘ใครที่มีทองคำ ก็ให้ถอดมาให้กับผม’ แล้วผมก็โยนมันเข้าไปในกองไฟ แล้วลูกวัวตัวนี้ก็ออกมา”
25 เมื่อโมเสสเห็นว่าประชาชนวุ่นวายมาก ไม่สามารถควบคุมได้แล้ว เพราะอาโรนได้ปล่อยพวกเขาจนไม่สามารถควบคุมได้ และนี่จะเป็นเหตุทำให้พวกศัตรูหัวเราะเยาะได้ 26 โมเสสจึงไปยืนอยู่ตรงประตูเข้าค่ายและพูดว่า “ใครที่อยู่ฝ่ายพระยาห์เวห์มาหาเรา” ชาวเลวีทั้งหมดได้มารวมตัวกับโมเสส
27 โมเสสพูดกับพวกเขาว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล พูดอย่างนี้ว่า ‘ให้ทุกคนพกดาบไว้ข้างตัว แล้วเข้าไปในค่าย แล้วให้เดินกลับไปกลับมาจากประตูด้านนี้ไปสุดด้านโน้น ฆ่าคนพวกนั้นให้หมด ไม่ว่าจะเป็นพี่น้อง เพื่อนฝูง หรือเพื่อนบ้านของท่านก็ตาม’”
28 ชาวเลวีก็ทำตามที่โมเสสพูด มีประชาชนตายประมาณสามพันคนในวันนั้น 29 โมเสสพูดว่า “ให้อุทิศตัวของพวกท่านให้กับพระยาห์เวห์ในวันนี้ รวมทั้งลูกชายและพี่น้องของท่าน แล้วพระยาห์เวห์จะอวยพรพวกท่านในวันนี้”
30 ในวันต่อมา โมเสสได้พูดกับประชาชนว่า “ท่านได้ทำบาปที่ยิ่งใหญ่มาก ตอนนี้เราจะขึ้นไปหาพระยาห์เวห์ เผื่อว่าเราอาจจะทำอะไรสักอย่าง เพื่อพระองค์จะได้ยกโทษบาปให้กับพวกท่าน” 31 แล้วโมเสสก็กลับไปหาพระยาห์เวห์และพูดว่า “ได้โปรดเถิด คนเหล่านี้ได้ทำบาปอันใหญ่หลวง โดยสร้างพวกพระทองคำให้กับตัวเอง 32 เพราะอย่างนี้ ขอได้โปรดยกโทษให้กับความบาปของพวกเขาด้วยเถิด ถ้าพระองค์ไม่ยอม ก็ให้ลบชื่อของข้าพเจ้าออกจากสมุด[b]ของพระองค์ ที่พระองค์ได้เขียนไว้เถิด”
33 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ใครทำบาปต่อเรา เราจะลบชื่อของคนนั้นออกจากสมุดของเรา 34 ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว ไปนำประชาชนพวกนั้นไปยังที่ที่เราได้บอกกับเจ้าไว้ ทูตสวรรค์ของเราจะนำหน้าเจ้าไป แต่เมื่อเราลงโทษ เราจะลงโทษพวกเขาเพราะบาปของพวกเขา 35 ดังนั้น พระยาห์เวห์จึงทำให้เกิดโรคระบาดอย่างร้ายแรงกับพวกเขา เพราะพวกเขาบอกให้อาโรนทำลูกวัวทองคำขึ้นมา”
อพยพ 32
Thai New Contemporary Bible
ลูกวัวทองคำ
32 เมื่อเหล่าประชากรเห็นว่าโมเสสล่าช้าไม่กลับลงมาจากภูเขา จึงพากันไปหาอาโรนและกล่าวว่า “มาเถิด ช่วยสร้างเทพเจ้าขึ้นมานำพวกเราไป เพราะเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโมเสสผู้ที่นำพวกเราออกมาจากอียิปต์”
2 อาโรนตอบพวกเขาว่า “ถอดตุ้มหูทองคำซึ่งภรรยา ลูกชาย และลูกสาวของพวกท่านสวมอยู่มาให้ข้าพเจ้าสิ” 3 ดังนั้นประชาชนทั้งปวงจึงนำตุ้มหูมามอบให้อาโรน 4 เขาใช้ทองนั้นหล่อลูกวัวขึ้นมาตัวหนึ่ง คนทั้งหลายต่างพูดกันว่า “อิสราเอลเอ๋ย นี่คือเทพเจ้าของท่านผู้นำท่านออกมาจากอียิปต์”
5 เมื่ออาโรนเห็นเช่นนั้น จึงก่อแท่นบูชาขึ้นต่อหน้ารูปลูกวัวและประกาศว่า “วันพรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า” 6 ดังนั้นวันรุ่งขึ้นเหล่าประชาชนจึงตื่นตั้งแต่เช้าตรู่มาถวายเครื่องเผาบูชา เครื่องสันติบูชา แล้วนั่งล้อมวงกินดื่มและลุกขึ้นรื่นเริงในงานเลี้ยง
7 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงลงไปเถิด เพราะประชากรที่เจ้าพาออกมาจากอียิปต์เสื่อมทรามไปแล้ว 8 พวกเขาละทิ้งคำบัญชาของเราอย่างรวดเร็วและหล่อรูปเคารพเป็นลูกวัวขึ้นมากราบไหว้และถวายเครื่องบูชา แล้วพูดกันว่า ‘อิสราเอลเอ๋ย นี่คือเทพเจ้าของท่านผู้นำท่านออกมาจากอียิปต์’”
9 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “เราเห็นแล้วว่าคนเหล่านี้ดื้อด้านจริงๆ 10 ด้วยเหตุนี้จงปล่อยไว้ให้เป็นธุระของเราเอง เราจะระบายความโกรธทำลายล้างพวกเขาให้หมด แล้วเราจะทำให้เจ้าเป็นชนชาติใหญ่”
11 แต่โมเสสทูลวิงวอนขอพระเมตตาจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าเหตุใดจึงทรงพระพิโรธต่อประชากรของพระองค์เอง ผู้ซึ่งพระองค์ทรงพาออกมาจากอียิปต์ด้วยฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่และด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์? 12 เหตุใดจะให้ชาวอียิปต์พูดได้ว่า ‘พระเจ้าทรงล่อพวกเขาออกมาเพื่อฆ่าทิ้งที่ภูเขา และทำลายล้างให้สิ้นจากแผ่นดินโลก’? ขอทรงระงับพระพิโรธและอดกลั้นพระทัยไว้ ไม่ปล่อยให้ภัยพิบัติเกิดแก่ประชากรของพระองค์เอง 13 ขอทรงระลึกถึงอับราฮัม อิสอัค และอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงปฏิญาณไว้กับเขาเหล่านั้นโดยอ้างพระองค์เองว่า ‘เราจะทวีวงศ์วานของเจ้าให้มากมายดั่งดวงดาวบนท้องฟ้า และเราจะยกดินแดนทั้งหมดนี้ที่เราสัญญาไว้ให้วงศ์วานของเจ้าครอบครองตลอดไป’ ” 14 องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงเปลี่ยนพระทัยและไม่นำภัยพิบัติมาเหนือประชากรของพระองค์ตามที่ทรงดำริไว้
15 โมเสสก็ลงมาจากภูเขา นำศิลาสองแผ่นซึ่งจารึกพระบัญญัติสิบประการไว้ทั้งสองด้านลงมาด้วย 16 บทบัญญัติที่จารึกบนศิลาทั้งสองแผ่นนั้นเป็นลายพระหัตถ์ของพระเจ้าเอง
17 เมื่อโยชูวาได้ยินเสียงคนข้างล่างโห่ร้องอึกทึกก็เอ่ยกับโมเสสว่า “ฟังดูเหมือนกำลังรบกันอยู่ในค่ายพัก”
18 แต่โมเสสตอบว่า
“นั่นไม่ใช่เสียงของคนชนะ
ไม่ใช่เสียงของคนแพ้
แต่ที่เราได้ยินนั้นเป็นเสียงร้องรำทำเพลง”
19 เมื่อลงมาใกล้ค่ายพัก โมเสสมองเห็นรูปลูกวัวและคนร่ายรำ โทสะของเขาก็พลุ่งขึ้นจึงทุ่มศิลาจารึกลงกับพื้นจนแตกกระจายอยู่ที่เชิงเขานั้นเอง 20 และเขาเอารูปลูกวัวนั้นมาเผาไฟ แล้วบดเป็นผงโรยลงน้ำและบังคับให้ชนอิสราเอลดื่ม
21 โมเสสถามอาโรนว่า “คนพวกนี้ทำอะไรท่านหรือ ท่านจึงนำพวกเขาเข้าสู่บาปที่ร้ายแรงถึงเพียงนี้?”
22 อาโรนตอบว่า “โอ เจ้านาย อย่าเพิ่งโมโหเลย ท่านก็รู้จักคนพวกนี้ดีว่าเขาโน้มเอียงไปทางชั่วแค่ไหน 23 พวกเขากล่าวกับข้าพเจ้าว่า ‘ช่วยสร้างเทพเจ้าขึ้นมานำพวกเราไป เพราะเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโมเสสผู้ที่นำเราออกมาจากอียิปต์’ 24 ข้าพเจ้าจึงบอกพวกเขาว่า ‘ใครมีเครื่องทองก็จงถอดออกมา’ พวกเขาก็เอาทองมาให้ ข้าพเจ้าโยนทองลงไปในไฟก็ได้ออกมาเป็นลูกวัวนี่แหละ!”
25 เมื่อโมเสสเห็นว่าประชากรเตลิดไปโดยแรงสนับสนุนจากอาโรน เป็นที่น่าเย้ยหยันสำหรับศัตรู 26 ดังนั้นเขาจึงไปยืนตรงทางเข้าค่ายและกล่าวว่า “ทุกคนที่อยู่ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าจงมาหาเรา” แล้วคนเลวีทั้งหมดก็มา
27 แล้วเขากล่าวกับคนเหล่านั้นว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘แต่ละคนจงถือดาบตะลุยไปทั่วค่าย ฆ่าทุกคนแม้ว่าจะเป็นพี่น้อง เพื่อน หรือเพื่อนบ้านก็ตาม’ ” 28 พวกเลวีก็ปฏิบัติตามที่โมเสสบัญชา โดยได้สังหารคนถึงสามพันคนในวันนั้น 29 โมเสสกล่าวว่า “ในวันนี้พวกท่านได้แยกตัวเองออกมาเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะท่านเชื่อฟังพระองค์ ถึงแม้ว่าต้องต่อสู้กับลูกหรือพี่น้องของตัวเอง พระองค์ทรงอวยพรท่านทั้งหลายในวันนี้”
30 วันรุ่งขึ้นโมเสสกล่าวกับเหล่าประชากรว่า “ท่านได้ทำบาปอย่างใหญ่หลวง แต่บัดนี้เราจะขึ้นไปเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเผื่อบางทีจะทูลขอการอภัยโทษบาปของท่านได้”
31 โมเสสจึงกลับไปเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและกราบทูลว่า “ประชากรเหล่านี้ทำบาปร้ายแรงอะไรเช่นนี้! พวกเขาได้สร้างรูปเคารพทองคำ 32 ถึงกระนั้นขอทรงกรุณาอภัยโทษบาปของพวกเขา หาไม่แล้วขอทรงลบข้าพระองค์ออกจากหนังสือที่ทรงเขียนไว้”
33 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบโมเสสว่า “ผู้ใดก็ตามที่ทำบาปต่อเรา เราจะลบออกจากหนังสือของเรา 34 บัดนี้จงไปเถิด นำเหล่าประชากรนี้ไปยังสถานที่ซึ่งเราบอกเจ้าไว้แล้ว ทูตของเราจะนำหน้าพวกเจ้าไป อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลา เราจะลงโทษบาปของพวกเขา”
35 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้เกิดภัยพิบัติแก่ประชากร เพราะพวกเขานมัสการลูกวัวซึ่งอาโรนทำขึ้น
Exodus 32
New International Version
The Golden Calf
32 When the people saw that Moses was so long in coming down from the mountain,(A) they gathered around Aaron and said, “Come, make us gods[a] who will go before(B) us. As for this fellow Moses who brought us up out of Egypt, we don’t know what has happened to him.”(C)
2 Aaron answered them, “Take off the gold earrings(D) that your wives, your sons and your daughters are wearing, and bring them to me.” 3 So all the people took off their earrings and brought them to Aaron. 4 He took what they handed him and made it into an idol(E) cast in the shape of a calf,(F) fashioning it with a tool. Then they said, “These are your gods,[b](G) Israel, who brought you up out of Egypt.”(H)
5 When Aaron saw this, he built an altar in front of the calf and announced, “Tomorrow there will be a festival(I) to the Lord.” 6 So the next day the people rose early and sacrificed burnt offerings and presented fellowship offerings.(J) Afterward they sat down to eat and drink(K) and got up to indulge in revelry.(L)
7 Then the Lord said to Moses, “Go down, because your people, whom you brought up out of Egypt,(M) have become corrupt.(N) 8 They have been quick to turn away(O) from what I commanded them and have made themselves an idol(P) cast in the shape of a calf.(Q) They have bowed down to it and sacrificed(R) to it and have said, ‘These are your gods, Israel, who brought you up out of Egypt.’(S)
9 “I have seen these people,” the Lord said to Moses, “and they are a stiff-necked(T) people. 10 Now leave me alone(U) so that my anger may burn against them and that I may destroy(V) them. Then I will make you into a great nation.”(W)
11 But Moses sought the favor(X) of the Lord his God. “Lord,” he said, “why should your anger burn against your people, whom you brought out of Egypt with great power and a mighty hand?(Y) 12 Why should the Egyptians say, ‘It was with evil intent that he brought them out, to kill them in the mountains and to wipe them off the face of the earth’?(Z) Turn from your fierce anger; relent and do not bring disaster(AA) on your people. 13 Remember(AB) your servants Abraham, Isaac and Israel, to whom you swore by your own self:(AC) ‘I will make your descendants as numerous as the stars(AD) in the sky and I will give your descendants all this land(AE) I promised them, and it will be their inheritance forever.’” 14 Then the Lord relented(AF) and did not bring on his people the disaster he had threatened.
15 Moses turned and went down the mountain with the two tablets of the covenant law(AG) in his hands.(AH) They were inscribed(AI) on both sides, front and back. 16 The tablets were the work of God; the writing was the writing of God, engraved on the tablets.(AJ)
17 When Joshua(AK) heard the noise of the people shouting, he said to Moses, “There is the sound of war in the camp.”
18 Moses replied:
“It is not the sound of victory,
it is not the sound of defeat;
it is the sound of singing that I hear.”
19 When Moses approached the camp and saw the calf(AL) and the dancing,(AM) his anger burned(AN) and he threw the tablets out of his hands, breaking them to pieces(AO) at the foot of the mountain. 20 And he took the calf the people had made and burned(AP) it in the fire; then he ground it to powder,(AQ) scattered it on the water(AR) and made the Israelites drink it.
21 He said to Aaron, “What did these people do to you, that you led them into such great sin?”
22 “Do not be angry,(AS) my lord,” Aaron answered. “You know how prone these people are to evil.(AT) 23 They said to me, ‘Make us gods who will go before us. As for this fellow Moses who brought us up out of Egypt, we don’t know what has happened to him.’(AU) 24 So I told them, ‘Whoever has any gold jewelry, take it off.’ Then they gave me the gold, and I threw it into the fire, and out came this calf!”(AV)
25 Moses saw that the people were running wild and that Aaron had let them get out of control and so become a laughingstock(AW) to their enemies. 26 So he stood at the entrance to the camp and said, “Whoever is for the Lord, come to me.” And all the Levites rallied to him.
27 Then he said to them, “This is what the Lord, the God of Israel, says: ‘Each man strap a sword to his side. Go back and forth through the camp from one end to the other, each killing his brother and friend and neighbor.’”(AX) 28 The Levites did as Moses commanded, and that day about three thousand of the people died. 29 Then Moses said, “You have been set apart to the Lord today, for you were against your own sons and brothers, and he has blessed you this day.”
30 The next day Moses said to the people, “You have committed a great sin.(AY) But now I will go up to the Lord; perhaps I can make atonement(AZ) for your sin.”
31 So Moses went back to the Lord and said, “Oh, what a great sin these people have committed!(BA) They have made themselves gods of gold.(BB) 32 But now, please forgive their sin(BC)—but if not, then blot me(BD) out of the book(BE) you have written.”
33 The Lord replied to Moses, “Whoever has sinned against me I will blot out(BF) of my book. 34 Now go, lead(BG) the people to the place(BH) I spoke of, and my angel(BI) will go before you. However, when the time comes for me to punish,(BJ) I will punish them for their sin.”
35 And the Lord struck the people with a plague because of what they did with the calf(BK) Aaron had made.
Footnotes
- Exodus 32:1 Or a god; also in verses 23 and 31
- Exodus 32:4 Or This is your god; also in verse 8
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.
Holy Bible, New International Version®, NIV® Copyright ©1973, 1978, 1984, 2011 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.
NIV Reverse Interlinear Bible: English to Hebrew and English to Greek. Copyright © 2019 by Zondervan.